เรื่องจริงที่อยากให้อ่าน!!ความรู้สึกของลูกสาว ที่มีแม่ติดเชื้อ HIV!

เรื่องจริงที่อยากให้อ่าน!!ความรู้สึกของลูกสาว ที่มีแม่ติดเชื้อ HIV!


เป็นเรื่องราวที่กำลังถูกพูดถึงและแชร์กันอย่างในในโลกโซเชียลเลยก็ว่าได้กับกระทู้ที่ถูกตั้งอยู่ในเว็บชื่อดังอย่างพันทิปดอทคอม ชื่อกระทู้ว่า "ความรู้สึกของลูกสาว ที่มีแม่ติดเชื้อ HIV" โดยเป็นเรื่องราวของหญิงสาวคนหนึ่งที่มาเขึยนบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองเพื่อที่จะให้กำลังคนที่ติดเชื้อ HIV และครอบครัว รวมถึงคนรอบข้าง โดยเรื่องราวได้ระบุว่า...


อยากจะเขียนเรื่องราวตรงนี้ ไว้เป็นแรงบันดาลใจ กำลังใจ ให้คนที่ติดเชื้อ HIV และครอบครัว รวมถึงคนรอบข้าง (ไม่เคยเปิดเผยเรื่องราวนี้ให้ใครฟังเลย แม้แต่คนในครอบครัวเอง ก็ไม่เคยบอก ว่าที่ผ่านมา เราเจออะไรมาบ้าง)

เรื่องราวนี้ เริ่มต้นจากเมื่อประมาณ 15 ปีก่อน จนถึงปัจจุบันนี้ (นานเน๊อะ แต่อย่างว่า โรค HIV หายขาดได้ซะที่ไหนกัน) เรื่องมันยาวมาก แต่ก็จะเล่าให้เข้าใจ และเขียนเท่าที่จำได้นะคะ ถ้าจะสืบว่าคนเขียนเป็นใคร ก็ตามสบายค่ะ เพราะทุกวันนี้ยอมรับได้แล้ว ว่ามันคือความจริง 15 ปี ก่อน จขกท.อยู่ ป.4 มีพี่สาวและน้องสาว อายุห่างกันคนละ 3 ปี ก่อนหน้านั้นป้า(พี่สาวพ่อ) ป่วยหนัก เข้า รพ. พ่อต้องไปดูแล โดยใช้มือที่มีแผลจากการทำสวน ทำไร่ รองเลือด น้ำลาย และสิ่งที่ป้าอาเจียนออกมา ไม่นานป้าก็เสียชีวิต

ต่อมาพ่อป่วยบ้าง เข้า รพ.สลับกับนอนรักษาตัวที่บ้าน เป็นไข้ เป็นฝี มีโรคแทรกซ้อนตลอด โดย จขกท.จะเป็นคนบีบฝีที่ก้นให้พ่อเสมอ นับครั้งไม่ถ้วนด้วย 2 มือเล็กๆของลูก เวลาพ่อมีตุ่มเล็กๆ ขึ้นเต็มตัว ก็จะไปซื้อยาซีม่า มาทาให้พ่อประจำ พ่อก็จะร้องเสียงดัง เพราะมันแสบมาก เราชอบใจที่พ่อเจ็บ และจะหัวเราะพ่อตลอด^^ โดยที่ไม่รู้หรอกว่าพ่อเป็นโรคอะไร วันนั้นจำได้ วันที่เราลืมไม่ลง พ่อเป็นไข้หนักมาก รักษาตัวอยู่บ้าน เราไปเที่ยวบ้านเพื่อน เอามะพร้าวมาฝากพ่อ 1 ลูก มีเนื้อขาวๆ เราชิมแล้วรสชาติอร่อย หอมและหวาน เห็นพ่อไม่สบาย อยากให้พ่อได้กิน พ่อค่ะ กินมะพร้าวมั้ย พูดด้วยรอยยิ้มที่สดใส และความภาคภูมิใจ แล้วพ่อก็กินมันเข้าไป....ทั้งน้ำและเนื้อมะพร้าว จำได้ว่าพ่อบอกว่า มันหวานมาก คืนนั้นพ่อเข้า รพ. อาการหนักมาก อยู่รพ.ประมาณ 3 วัน ตอนนั้นรู้แค่ว่าพ่อไม่ไหวแล้ว หมอให้กลับบ้าน เวลาบ่าย 3 โมงของวันที่พ่อกลับ เรารีบวิ่งจากโรงเรียน กลับมากอดพ่อ และร้องไห้ ข้างๆพ่อ มันไม่ได้ลึกซึ้ง ไม่ได้คิดอะไรมากมายหรอกค่ะ ยังเด็กอยู่ รู้แค่ว่าตัวเองร้องไห้แค่นั้นเอง



เรื่องจริงที่อยากให้อ่าน!!ความรู้สึกของลูกสาว ที่มีแม่ติดเชื้อ HIV!


เย็นวันนั้นพ่อก็จากไปอย่างสงบ... ทุกคนจึงรู้ว่าพ่อติดเชื้อ HIV รวมถึงชาวบ้านด้วย แต่หนักกว่านั้น คือแม่ จะเลี้ยงลูก 3 คนไหวได้ยังไง ที่ทีผ่านมาก็ทำงานก่อสร้างกับพ่อมาตลอด(พอโตมา จึงรู้ว่ามะพร้าว ผู้ติดเชื้อ HIV ไม่สามารถกินได้ จขกท.ลืมไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงเราคิดว่าเราคือคนฆ่าพ่อตัวเองจนถึงทุกวันนี้)ผลที่ตามมาจากนั้น คือ ความรู้สึกรังเกียจ ที่ได้รับจากชาวบ้าน และเพื่อนในโรงเรียน ขนาดเรายังจำไม่เคยลืม แล้วแม่เราจะขนาดไหน. 

1.เวลาเราไปเล่นกับเพื่อนข้างบ้าน มือเราไปโดนใครเข้า เขาก็จะวิ่งไล่จับคนอื่นไปเรื่อยๆ ใครโดนแตะ คนนั้นเป็นเอดส์ พวกเขาเล่นกันอย่างสนุกสนาน เราได้แต่หันหลังกลับ และฟังเสียงพวกเขา...เราเจ็บมาก

2.ไปอบรมโรงเรียนอื่น เพื่อนในโรงเรียนเดียวกัน ก็ไปกระซิบบอกเพื่อนโรงเรียนอื่น ว่าเราติดโรค ทุกสายตาที่มองมา และดูเหยียดหยาม มันก็เจ็บปวด เวลาจับกลุ่ม ก็ไม่มีใครให้อยู่ด้วย เล่นเกมส์ก็ไม่มีใครจับมือ. แล้วเราจะไปกล้าคุยกับใครได้

3.ตอนพักกินข้าวเที่ยงที่โรงเรียนอื่น ไม่ได้เอาช้อนไปกินข้าวเที่ยงเพราะไม่รู้ ก็ไม่มีใครให้ยืมช้อนกินข้าว เพราะกลัวติดโรคจากเรา

4.นั่งเรียนในห้อง มีแต่คนล้อทุกวัน บางคนออกอาการชัดเจน ไม่เข้าใกล้เรา ไม่พูด ไม่คุย จนเรากลัวเขาไปเลย และ 5 6 7 .... อีกมากมายที่ไม่จำ ตอนนั้น โรคเอดส์ เป็นโรคติดต่อที่น่ารังเกียจมากก มากที่สุดเลยก็ว่าได้

พี่สาวเรียนมัธยม แม่เริ่มจ่ายค่าเทอมไม่ไหว ยืมญาติก็แล้ว ภาพที่จำได้คือ แม่ปืนขึ้นไปในยุ้งข้าว ตักข้าวใส่กระสอบไปขาย เพื่อเอามาใช้จ่าย เราไม่รู้ คนอื่นร้องไห้บ่อยมั้ย แต่เราร้องไห้บ่อยมาก ทั้งจน ทั้งเป็นโรค คนอื่นก็รังเกียจ ได้แต่สวดมนต์ให้แม่หาย แม่อย่าตาย ให้เราเป็นโรคแทนแม่เถอะ และอื่นๆมากมาย เราจบ ป.6 แม่ก็ไปทำงานต่างจังหวัด เราเข้าเรียนต่อ ม.1 แม่ส่งเงินมาให้แค่เดือนละ 1000 บาท ใช้กัน 3 คนพี่น้อง ไม่พอก็ต้องใช้ให้พอ พี่สาวเรียนจบแค่ม.3 จึงออกไปทำงานต่างจังหวัดอีกคน เราอยู่กับน้องสาว 2 คน พวกเราเข้มแข็งมาก บางวันไม่มีเงิน ก็เดินไปเก็บผักบุ้งในทุ่งนามาผัด เจียวไข่บ้าง อาหารหลัก ต้มมาม่าก็หรูแล้ว ตั้งแต่ไม่มีพ่ออยู่ ก็ต้มมาม่ากินมาตลอด มาม่าสีเหลือง 2 ห่อ กินได้ตั้ง 4 คน อร่อยมาก โตมาได้เพราะสิ่งนี้จริงๆ นะคะ เสาร์ อาทิตย์ ไปรับจ้างเก็บพริก กิโลละ 3 บาท ทำมาตั้งแต่ เราอยู่ป.5 แล้ว 3 สาวเก็บพริกเก่งมาก เก่งกว่าใครในหมู่บ้านเลย ไปเก็บพริกที่ไหน ได้เยอะกว่าเพื่อนตลอด เพราะชั่งเป็นกิโล ไปตั้งแต่ ตี 5 บ้าง 6 โมงเช้าบ้าง แข่งกับเวลาและคนอื่นๆ พอพี่สาวไม่อยู่ 

นอกจากเสาร์ อาทิตย์แล้ว หลังเลิกเรียน เรา 2 คนพี่น้อง จะรีบไปรับจ้างเก็บพริกบนภูเขานู้นเลย เปลี่ยนชุดนักเรียนไม่ทัน ก็ใส่ไปแบบนั้น ชุดพละบ้างไรบ้าง จนทำให้เรามีเงินเก็บ จบ ม.6 เราอยากเรียนต่อ เวลาตรวจเลือดก็มาถึง เพราะใช้เป็นหลักฐานในการสมัครเรียน ที่ผ่านมาเราคิดว่าเราเป็นโรคเอดส์ อย่างที่คนอื่นว่ามาตลอด ตอนเจาะเลือดเครียดมาเลยนะคะ รู้ว่ายังไงก็ไม่ผ่านอยู่แล้ว เวลานั้น ได้เอกสารมาถือไว้ที่ตัวเรา ก่อนพบคุณหมอ ผลตรวจเลือดบอกว่า Negative เราสั่น ใจเต้น จะเป็นลม สรุปเราก็เป็นโรคจริงๆ. ชาติที่แล้ว เราทำผิดอะไรมากมาย ทำไมต้องเจอแบบนี้ มองไม่เห็นอนาคตตัวเองเลย ร้องไห้เงียบๆ พอถึงคิว เราก็เตรียมใจแล้ว ว่าคุณหมอจะแนะนำการดูแลรักษาตัวอย่างไรบ้าง ใจเต้นมาก กลัวไปหมด พอหมออ่านเอกสาร >> ปกติครับ<< เรา งง สิคะ เข้าใจผิดเองรู้มั้ยคะ ความรู้สึกตอนนั้นมันโล่งมากก 8 ปีที่ทนทุกข์ โล่งและดีใจสุดๆ

 




แม่ ไม่มีเงินส่งเราเรียนหรอก ให้เราไปทำงานโรงงาน เราก็ไปทำก่อนมหาลัยจะเปิด เก็บเงินไว้เป็นค่าเทอม แม่กลับไปอยู่บ้านกับน้องสาว พอรู้ว่าเราจะเรียนต่อก็โทรตามให้กลับบ้านทันที จะรอดได้ยังไง ค่านู้นนี่นั่นมากมาย เราก็ไม่ยอมกลับ เพราะถ้าถอย คงลำบากไปตลอดชีวิต จขกท.มาเรียนกรุงเทพมาคนเดียว ไปสมัครงานโรงงาน สมัครเรียนคนเดียว พักคนเดียว หาเงินคนเดียว อาหารหลักหรอ มาม่าซังไง กินเข้าไปสิ ตอนทำงานได้กินข้าวแค่วันละมื้อ ไม่มีเวลาและผอมมาก ผมก็ร่วงเยอะมาก (ตอนนี้ผมบางเว้อๆๆ) เพราะขาดสารอาหาร ทำงาน Part time เลิกดึก เที่ยงคืน ตี 1-2 ก็ไม่เป็นไร หลับในห้องเรียนได้ไม่เคยขาดเรียน หนักเวลาอ่านหนังสือสอบ ซึ่งมหาลัยนี้ไม่มีปิดเทอม เรียนแลำทำงานทั้ง 4 ปี ไม่มีโอกาสได้กลับบ้านไปเจอแม่เลย เงินไม่พอ ขอพี่สาวบ้าง แม่บ้าง นิดๆหน่อยๆ 4 ปีที่เรียนปริญญาตรี ใช้เงินแม่ประมาณ 10,000 บาท เงินพี่สาวประมาณ 40,000 บาท ที่เหลือ กยศ. และทำงาน part time แม่ก็ยังไม่สนับสนุนหรอก ถามแม่สิว่า ลูกเรียนที่ไหน สาขาอะไร เรียนเกี่ยวกับอะไร แม่คงจะตอบได้อะค่ะ

ปี 2557 แม่ก็ได้มาที่มหาลัยครั้งแรก ในวันรับปริญญาของลูกสาว คิดว่าแม่น่าจะภูมิใจนะคะ^^ ต่อให้แม่จะผอมมาก ผิวดำเนื่องจากตัดไตออกไป 1 ข้างเพราะติดเชื้อมีโรคแทรกซ้อน เมื่อร่างกายฟอกเลือดได้ไม่ปกติ ผิวก็ดำ คล้ำ ไม่สวยเหมือนแม่คนอื่นๆ แต่เราก็ภูมิใจที่แม่มีรอยยิ้ม และได้เห็นลูกประสบความสำเร็จ ตอนนี้อายุ 24 เองค่ะ เป็นหัวหน้าแล้ว อาจจะบุญกุศลจากการทำบุญ นั่งสมาธิด้วย เงินเดือนปัจจุบัน 26K กำลังจะวางแผนเรียนป.โท รามคำแหง ไม่ได้อยากอวด แต่ผลที่ได้ มาจากการกระทำของเราทั้งหมด ไม่ได้พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ พึ่งแค่ 2 มือ 1 สมอง และมีความอดทน ขาดไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตน จะมีแต่คนรักและช่วยเหลือ พี่สาวถามว่า ทำไมต้องรีบเรียนต่อ จขกท.รีบตอบอย่างมั่นใจว่า กลัวแม่ไม่ได้เห็น อยากให้แม่มางานรับปริญญาโทลูกเร็วๆ พี่สาวและเราก็บอกแม่เสมอ ว่าอย่ารีบตายนะแม่ ^^ พูดจนเป็นเรื่องตลก

ต่อให้แม่เป็นเอดส์ พวกเราไม่เคยรังเกียจแม่ จขกท.กอดแม่ หอมแก้มแม่ ใช้ช้อนกินข้าวอันเดียวกัน แทบจะกินขี้ปากแม่อยู่แล้วซื้อทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่อยากได้ รวมถึงทองด้วย^^ (แม้ตอนนี้จะผ่อนบัตรก็เถอะแต่ไม่ได้บอกแม่นะคะ) พยายามหามาให้แม่ทุกอย่าง ก่อนที่จะไม่มีโอกาส รู้เลยว่าทุกวันนี้แม่มีความสุขมาก แกอาจจะลืมไปแล้วมั้ง ว่าแกเป็นโรคอะไรอยู่ 555 ถ้าวันนั้นมาถึง เราจะไม่เสียใจเลย เพราะอยากทำอะไรทำหมดเกือบทุกอย่างและดีที่สุดแล้ว ชาวบ้านหรอ ก็คงอิจฉาตาร้อน ที่พี่สาวมีรถขับ เราเรียนจบ มีงานทำ กลับบ้านทีไร ซื้อของไปเต็มหลังรถ มีแต่คนอิจฉา หุหุ สุดท้ายอยากเป็นกำลังใจให้คนที่ติดเชื้อ HIV ทุกคนนะคะ อย่าท้อ กำลังใจ คือยารักษาโรคที่ดีที่สุด เดินหน้าต่อไปสู้ต่อไป จนชีวิตมันจะสิ้นสุด สิ่งสำคัญที่สุด คือ ผู้คนรอบข้าง อย่าทำร้ายจิตใจกันเลยค่ะ อย่าแสดงออก อย่าว่าให้เขาหมดกำลังใจที่จะเดินต่อ อย่าลืมว่า ไม่มีใครอยากจะเป็นโรคนี้หรอกนะคะ สิ่งใดที่เข้ามาหาเรา ไม่ว่าดีหรือร้ายจงวางตนให้อยู่ตรงกลางของความจริงทั้งสอง ขอบคุณค่ะ ขอบคุณมากๆเลย



ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก www.aaronkes.com


ขอบคุณที่มาจาก > > http://pantip.com/topic/35158681

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์