เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??

เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??


จากกรณีที่ "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" ผู้อำนวยการและเจ้าของลิขสิทธิ์เวที" มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล " ได้ประกาศผ่านเฟสบุ๊กว่า "เอเนีย การ์เซีย" มิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2015 สาวงามจากโดมินิกัน รีพับบลิก ได้ประกาศลงจากตำแหน่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ตามข้อตกลงของกองประกวด "มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล" พร้อมประกาศให้นางสาว "แคลร์ อลิซาเบธ ปาร์กเกอร์" รองอันดับ 1 จากประเทศออสเตรเลีย ขึ้นดำรงตำแหน่งมิสแกรนด์อินเตอร์เนชั่นแนล 2015 แทน ซึ่งก็ทำเอาแฟนนางงามทั่วโลกช็อกไปตามๆกัน

ล่าสุด (1 เม.ย. 59) ทางกองประกวดได้จัดพิธีสวมมงกุฎ "มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2015" ให้ "แคลร์ อลิซาเบธ ปาร์กเกอร์" ที่โรงภาพยนตร์พารากอนซีนีเพล็กซ์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

ทางด้าน "เอเนีย การ์เซีย" ก็ได้โพสต์แฉกองประกวดในเรื่องปัญหาต่างๆ ที่พบเจอขณะดำรงตำแหน่ง ซึ่งก็ทำให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงมาสู่กองประกวด จนล่าสุด "ณวัฒน์ อิสรไกรศีล" จึงชี้แจงร่ายยาวผ่านเฟสบุ๊กระบุว่า..


เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??

Breaking News!!
(จะโพสเป็นภาษาอังกฤษ อีกครั้ง)
ถึงทุกท่าน
ผมขอเรียนชี้แจงเรื่องนี้เป็นครั้งสุดท้าย
(เนื่องจากเธอไม่ยอมหยุด และ โพสใน IG ส่วนตัวของเธอ ทำให้มีนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักอีเมลเข้ามาขอสัมภาษณ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งครั้งนี้เลยต้องขอออกมาชี้แจงอีกครั้ง)
ตั้งแต่องค์กร Miss Grand International ได้ผู้ชนะที่ดำรงตำแหน่งมาจนถึงปัจจุบัน เธอทุกคนและทุกครั้งที่ไปปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าในประเทศ หรือ ต่างประเทศ ไม่เคยเดินทางไปคนเดียว จะมีผู้ติดตาม หรือ ผู้ร่วมเดินทาง อย่างน้อย 1 - 3 คน ขึ้นอยู่กับเจ้าภาพและงาน เพื่อเป็นการช่วยเหลือดูแลผู้ดำรงตำแหน่ง, ดูแลความปลอดภัย, มงกุฎ สายสะพาย, รวมถึง การประสานงาน ถ่ายภาพ และ บันทึกวีดีโอ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่องค์กรต้องปฏิบัติ โดยเรื่องนี้ ทุกท่านเองก็สามารถตรวจสอบได้จาก Janelee Charparo และ Lees Garcia ผู้ดำรงตำแหน่งในปี 2013 และ 2014 เพราะมันคือเรื่องจริง


รวมถึงครั้งล่าสุด ที่ผู้ดำรงตำแหน่ง ปี 2015 คนก่อน, Anea Garcia, ได้เดินทางไปร่วมงานที่ประเทศ South Sudan เพื่อไปร่วมงาน ทางองค์กรได้ส่งเจ้าหน้าที่ขององค์กรไปด้วยซึ่งเป็นปกติของการปฏิบัติจากองค์กร โดยจะไปพบเจอกันที่จุดหมายปลายทาง โดยคุณสามารถดูได้จากตั๋วเครื่องบินที่แนบมาด้วย ซึ่งนั่นคือหลักฐานตั๋วเครื่องบินของเจ้าหน้าที่จากองค์กรที่ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร เพื่อไปพบเจอกับ Anea Garcia ที่ได้ออกเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกาไปยัง South Sudan เพื่อไปร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่เป็นธรรมเนียมปกติ ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งไม่ได้พำนักอยู่อาศัยในประเทศไทยในขณะนั้น ดังนั้นกรณีที่ต้องไปร่วมงานใดๆ ก็จะไม่ได้ออกเดินทางเริ่มจากกรุงเทพมหานคร แต่ออกจากจุดเริ่มต้นที่เธอพำนักอยู่

รวมถึงคุณสามารถเช็คได้กับโรงแรม Crown Hotel ที่ประเทศ South Sudan ถึงการเข้าพักของผู้ช่วยจากองค์กรฯ ซึ่งผู้ช่วยท่านนี้ ได้นำมงกุฎและสายสะพายไปให้เธอจากเมืองไทย รวมถึงเป็นผู้ไปบันทึกภาพ จึงทำให้เรามีภาพถ่ายในทุกๆกิจกรรม นั่นคือหลักฐานของการเดินทางไป หากถ้าไม่มีใครไปกับเธอตามที่เธอกล่าวอ้าง เธอจะมีมงกุฎบนหัวเธอได้อย่างไร และทางองค์กรจะมีภาพถ่ายการทำกิจกรรมมาลงบน Official Page หรือ เว็บไซต์ขององค์กรได้อย่างไร

ถึงแม้การเดินทางของเธอ และ ผู้ช่วยจากองค์กร จะเดินทางถึงไม่พร้อมกัน แต่ทางองค์กร ได้ประสานงานกับทางผู้รับรอง ที่ประเทศ South Sudan เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติมาตลอดระยะเวลา 3 ปี ทุกหน่วยงานจึงรู้หน้าที่ และ วิธีปฏิบัติของตนเอง โดย เจ้าภาพทางประเทศ South Sudan เองก็ได้เตรียมการรับรองอย่างดี เมื่อเธอเดินทางไปถึงที่ประเทศ South Sudan ดังนั้น จึงถือว่า ผู้หญิงคนนี้โกหก โดยเอาสิ่งที่พูดว่าบินมาจากสหรัฐอเมริกาไปยัง South Sudan เพียงลำพังมาเป็นข้ออ้าง

โดยปกติผู้ดำรงตำแหน่งของ Miss Grand International ทุกคน จะได้กลับบ้านไปเพียงแค่คนละหนึ่งครั้ง ในช่วงก่อนคริสต์มาส เพื่อฉลองคริสต์มาส และ ปีใหม่ กับครอบครัว และพร้อมที่จะกลับมายังประเทศไทย ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ เพื่อเตรียมการทำภารกิจต่างๆต่อไป ซึ่ง Anea Garcia เอง ก็ได้เดินทางกลับไปแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งถือว่ากลับเร็วกว่ากำหนดที่ควรจะเป็นโดยขอกลับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน (หลังการประกวดจบไม่ถึงหนึ่งเดือน) โดยมีข้ออ้างว่าจะต้องกลับไปร่วมงานแต่งงานคุณแม่ และขอเดินทางกลับมายังประเทศไทยล่าช้ากว่ากำหนด คือ ขอกลับมาช่วงปลายเดือน มีนาคม เนื่องจากเธอกล่าวอ้างว่า เธอเป็นนักเรียนทุน มีวิชาเรียนสำคัญ ที่ไม่สามารถลาได้ ซึ่งเมื่อสำเร็จวิชานี้แล้ว หลังจากเดือนมีนาคม เธอสามารถเดินทางกลับมายังประเทศไทย เพื่อร่วมปฏิบัติงานกับองค์กรได้ตลอดจนเสร็จสิ้นภารกิจ ส่งมอบมงกุฎให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งคนต่อไป

ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ทางองค์กรได้มีการขอให้เธอเดินทางกลับมายังประเทศไทยเพื่อให้มาทำกิจกรรมพิเศษ เมื่อเดินทางกลับมากรุงเทพฯ เพื่อไปปฏิบัติหน้าที่การกุศลในประเทศไทย และ ประเทศเมียนมาร์ ก็มีผู้ติดตามไปด้วย ครั้งที่เดินทางไปประเทศเมียนมาร์ หนึ่งในนั้นคณะผู้ติดตาม คือ Teresa Chaivisut Vice President เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในครั้งนั้น เธอได้เดินทางกลับไปสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ซึ่งเธอเองก็ทราบดีและได้ตกลงที่จะเดินทางจากสหรัฐอเมริกา ไปยังจุดหมายปลายทางเพื่อทำงานด้วยกันกับองค์กร หากกรณีที่มีงานสำคัญที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ในขณะที่เธอกลับไปยังสหรัฐอเมริกา โดยได้ตกลงกันว่าจะมีเจ้าหน้าที่จากองค์กรเดินทางไปจากประเทศไทย เพื่อไปเจอกับเธอที่จุดหมายปลายทาง

เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??

และเนื่องจากเธอเลือกที่จะเดินทางกลับไปสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง ดังนั้นเมื่อเธอต้องไปปฏิบัติหน้าที่ที่ประเทศ South Sudan ตามคำเชิญของเจ้าภาพ เธอจึงจำเป็นที่จะต้องเดินทาง จากประเทศสหรัฐอเมริกา ไปยัง ประเทศ South Sudan โดยลำพัง เพื่อไปเจอกับเจ้าหน้าที่ขององค์กรฯ ที่ประเทศ South Sudan ซึ่งมิใช่การไปปฏิบัติหน้าที่ตามลำพังตามที่เธอกล่าวอ้าง ในกรณีถ้าเธออยากจะเดินทางไปพร้อมเจ้าหน้าที่ขององค์กรฯ เธอต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ นั่นคือ พำนักอยู่ที่เมืองไทยตามข้อตกลง จึงจะออกเดินทางจากประเทศไทยพร้อมกัน ซึ่งในเรื่องนี้เธอพยายามบิดเบือนประเด็น ในการบอกกับคนทั่วโลกว่าเธอไปปฏิบัติหน้าที่ที่ประเทศ South Sudan เพียงลำพังโดยปราศจากเจ้าหน้าที่จากองค์กร Miss Grand International


นอกจากนั้น ในกรณีการเดินทาง จากสหรัฐอเมริกา ไปยังประเทศ South Sudan ที่ผ่านมา ทางองค์กรทราบดีว่าเธอจะต้องเดินทางไกล ทางเจ้าภาพและองค์กร ยังได้ประสานงานจัดการ เพื่อให้เธอได้เดินทางในชั้นธุรกิจ ออกมาจาก เมืองบอสตัน สหรัฐอเมริกา เพื่อ ไปยัง ประเทศ South Sudan และ กลับไปยัง บอสตัน, สหรัฐอเมริกา จุดหมายปลายทางของเธอภายหลังปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้น ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับเธออย่างดี เพื่อให้เธอได้รับความสะดวกสบาย (ดังตั๋วที่แนบมาด้านล่าง)

สำหรับเรื่องที่เธอกล่าวอ้างว่ามีคนพยายามล่วงละเมิดเธอ ขณะที่เธอปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศ South Sudan นั้น นับเป็นพฤติกรรมที่เลวร้ายมากของเธอ เพราะเนื่องจาก เธอกล่าวอ้างขึ้นโดยปราศจากหลักฐาน หรือ การแจ้งเตือนใดๆให้กับเจ้าหน้าที่ขององค์กร หรือ เจ้าภาพ เมื่อครั้งที่เธอประสบเหตุการณ์ตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งหากเป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องร้ายแรง นอกจากนั้นตามกฎการทำงานขององค์กร เมื่อผู้ดำรงตำแหน่ง Miss Grand International ปฏิบัติหน้าที่ จะอยู่ในสายตาของเจ้าหน้าที่องค์กรฯ ผู้ติดตามตลอดเวลา ยกเว้นเวลาพักผ่อน ซึ่งก็เช่นเดียวกับการเดินทางไปประเทศ South Sudan ของ Anea Garcia ในครั้งนี้

ตลอดเวลาที่ปฏิบัติภารกิจ คณะของเจ้าภาพได้รับรองเธอเป็นอย่างดี ผู้ติดตามขององค์กรก็คอยช่วยเหลือเธอ และสอบถามความเป็นอยู่ของเธอตลอดเวลาว่าเธอมีข้อขัดข้อง หรือ ความไม่สะดวกอื่นใดหรือไม่ แต่เธอก็แจ้งแต่เพียงว่า เธอมีความสุขดี และ โอเคกับสิ่งที่เธอทำ นอกเหนือไปจากนั้น เจ้าภาพที่ประเทศ South Sudan ได้รับรองเธอเป็นอย่างดียิ่ง ด้วยการให้เธอได้พักที่โรงแรม Crown Hotel และพักที่ห้อง Royal Suite ซึ่งเป็นห้องที่ดีที่สุดของโรงแรม มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุด ไม่สามารถที่จะมีใครขึ้นไปยังห้องของเธอได้ ซึ่งถือว่าได้รับการดูแลอย่างดียิ่ง รวมถึงหากแม้มีสิ่งใดเกิดขึ้น หรือมีเหตุการณ์ดังที่เธอกล่าวอ้าง ตามข้อควรปฏิบัติของคนปกติ เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายแรงดังกล่าวเกิดขึ้นกับเธอ เธอจะต้องบอกทันที กับเจ้าหน้าที่ขององค์กรฯ ผู้ติดตาม และ/หรือ คนอื่นที่มีอำนาจ เพื่อให้องค์กรได้ทราบในทันที เพื่อจะได้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้อย่างทันท่วงที แต่ตลอดการปฏิบัติหน้าที่ เธอไม่ได้มีปัญหาอะไร เธอไม่ได้บอกอะไร ที่ทำให้เธอลำบากใจ และเธอก็ปฏิบัติหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนาน เป็นปกติ ไม่ได้กล่าวถึงสิ่งผิดปกติสักเพียงอย่างเดียว ตัวผมเองได้เคยเดินทางไปยังประเทศ South Sudan เมื่อปี 2013 กับ Miss Grand International 2013, Janelee Charparo ก็เคยไปพักที่โรงแรมเช่นเดียวกันนี้ จึงทราบว่าโรงแรมแห่งนี้มีการรักษาความปลอดภัยอย่างสูง รวมถึงมีกล้องวงจรปิดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมของโรงแรม อันเนื่องจากโรงแรมแห่งนี้มีผู้ใหญ่ระดับรัฐมนตรีหลายท่านแวะเวียนมาอยู่บ่อยๆ ดังนั้นตามที่องค์กรรับทราบจากเจ้าหน้าที่ผู้ติดตาม และ จากเจ้าภาพ คือ การปฏิบัติหน้าที่อย่างราบรื่นตลอดการเดินทางไปยังประเทศ South Sudan ในครั้งนั้น

ผมไม่ทราบว่าเธอมีเจตนาอันใดกันแน่ แต่เชื่อว่าเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะเหตุการณ์ที่ผิดปกติที่เธอกล่าวหาว่าถูกล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขื้นเมื่อวันที่ 7 มีนาคมตามที่เธอกล่าวอ้าง ซึ่งระหว่างนั้นยังอีกหลายวันที่เธอต้องปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ประเทศ South Sudan และได้เดินทางกลับออกจากประเทศ South Sudan ในวันที่ 10 มีนาคม แต่เธอไม่แจ้งเรื่องดังกล่าวแก่ใครเลยแม้แต่คนเดียว แต่เธอกลับมาแจ้งถึงสิ่งที่ผิดปกติเมื่อเธอเดินทางกลับไปยัง สหรัฐอเมริกาหลายวันต่อมา โดยส่งเป็นอีเมลถึงองค์กรฯ วันที่ 15 มีนาคม เพื่อจะกล่าวอ้างถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมส่งข้อเรียกร้องอื่นๆ ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ใกล้กำหนดการที่เธอต้องเดินทางกลับมายังประเทศไทยในวันที่ 21 มีนาคม เพื่อเริ่มปฏิบัติภารกิจ (ซึ่งเธอไม่เดินทางกลับและขอเลื่อนการเดินทางเป็นวันที่ 25 มีนาคม) โดยก่อนหน้านี้เธอเริ่มที่จะมีข้อเรียกร้องบางอย่างเพิ่มเติมที่นอกเหนือจากสัญญาการปฏิบัติหน้าที่ โดยทางเราไม่เห็นด้วย เธอจึงเริ่มกล่าวถึงเรื่องที่เธอกล่าวอ้างว่าถูกลวนลามขึ้นมาเป็นครั้งแรก คิดว่าน่าจะเป็นเพราะเธอและคนที่อยู่เบื้องหลังของเธอคิดว่า เรื่องดังกล่าวน่าจะเป็นน้ำหนักในการต่อรองกับทางองค์กรเพื่อจะให้เธอได้รับในสิ่งที่เธอต้องการมากขึ้น ซึ่งรวมไปถึ

งการนำบุคคลอื่นมาอาศัยอยู่กับเธอได้แบบถาวรตลอดระยะเวลาดำรงตำแหน่ง ที่ประเทศไทย
แต่ถึงแม้เธอจะเล่าเรื่องที่เธอกล่าวอ้างดังกล่าวภายหลังจากเกิดเรื่องเป็นเวลาหลายวัน ทางองค์กรเองไม่ได้นิ่งเฉย ได้มีการตรวจสอบข้อมูลกลับไปยังประเทศ South Sudan แล้ว ก็พบว่าไม่ได้มีเรื่องราวผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นระหว่างที่เธออยู่ที่นั่นเลย ทางองค์กรจึงถือว่าเธอได้พูดโดยปราศจากหลักฐานและเป็นการกล่าวหาฝ่ายเดียว ในเวลาล่วงเลยมานานมาก ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นการใส่ร้าย และ อาจทำลายสัมพันธภาพที่ดีของเจ้าภาพ และ ประเทศ South Sudan ด้วยซ้ำ

เรื่องที่เธอกล่าวอ้างเพียงเพื่อให้เธอได้สิ่งที่เธอต้องการ ในเงื่อนไขของเธอ ฉันคิดว่าเธอจึงคือตัวสร้างปัญหาที่แท้จริง เป็นคนเจ้าเล่ห์ ไม่เคารพคนอื่น เป็นคนที่ดูแลตัวเองไม่ได้ ยกตัวอย่างดังเช่นหลายท่านคงจำรูปถ่ายที่ไม่เหมาะสมของเธอได้ เมื่อครั้งที่ เธอเดินทางกลับไปอยู่ที่บ้านเธอตามลำพัง และ ไปเข้าร่วมงานเลี้ยง มีการใส่มงกุฎประจำตำแหน่ง Miss Grand International ซึ่งเธอได้ขอนำติดตัวกลับไปพร้อมเธอเมื่อครั้งแรก เนื่องจากอ้างว่าจะต้องนำไปสวมเพื่อร่วมงานเลี้ยงต้อนรับต่างๆ กับผู้คนที่มาชื่นชมยินดีกับเธอที่ได้รับตำแหน่ง Miss Grand International ในการไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนั้น เธอสวมใส่ชุดที่ไม่เหมาะสมที่สุด ซึ่งรูปภาพที่หลุดออกมาจากงานเลี้ยงนั้น เมื่อผมได้เห็น สิ่งที่ผมควรทำ คือ ผมน่าจะถอดเค้าออกจากตำแหน่งตั้งแต่วันนั้น แต่ผมเพียงโทรไปตักเตือนต่อว่า เพราะไม่มีผู้ชนะใดในเวทีโลก ที่ปล่อยตัวเองให้เป็นอย่างนี้ เธอกลับตอบเพียงสั้นๆ แค่ ฉันขอโทษ ฉันเสียใจ ฉันจะไม่ทำให้เป็นอย่างนี้อีก นี่คือ ข้อผิดพลาดแรก ที่ผมทำ คือ พยายามที่จะช่วยเธอ ปกป้องเธอต่อ
นอกจากนั้น
การที่เธอเป็นคนที่ต้องการอะไรตามใจตัวเธอเองทุกอย่าง โดยปราศจากเหตุผล และไม่สนใจในข้อตกลง ดังเช่น ข้อความสุดท้ายที่เธอส่งมา ในวันที่ 23 มีนาคม ซึ่งในวันรุ่งขึ้น ทางองค์กร จึงได้ตัดสินใจปลดเธอออกจากตำแหน่ง Miss Grand International เนื่องจากทางองค์กร เห็นว่า เธอพยายามเอาเปรียบองค์กรด้วยการเรียกร้อง และ ต่อรองในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม และ ไม่สมเหตุสมผล อาทิ เรื่องการโพสภาพหรือ ข้อความของเธอที่ต้องขออนุมัติจากเธอก่อนทุกครั้ง ทางเราเองได้แจ้งแล้วว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของการทำงานร่วมกัน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องมาร่วมพูดคุยกันเมื่อเธอเดินทางกลับมายังประเทศไทยแล้ว ไม่ใช่การต่อรองจากนอกประเทศ ที่ทำให้องค์กรทำงานลำบากเช่นนี้ ซึ่งในเรื่องการตอบข้อเรียกร้องของเธอดังกล่าวมีการเจรจาต่อรองหลายข้อความ ซึ่งมีหลักฐานทุกๆหน้าของการต่อรอง ทั้ง email, line ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตัวเธอเองก็ยังคงอยากที่จะดำรงตำแหน่งต่อไม่ได้ต้องการลาออกจากตำแหน่งอย่างแท้จริง เธอเพียงแต่ต้องการสิ่งอื่นๆเพิ่มเติมอีกมากมาย ถือเป็นการเอาเปรียบองค์กร เพราะเธอต้องการให้องค์กรอยู่ภายใต้สิ่งที่เธอกำหนด ซึ่งองค์กรของเรามีมาตรฐานที่ไม่สามารถทำให้ถึงจุดนั้นได้ รวมถึงยังมีการกล่าวในเชิงขู่องค์กร ในกรณีที่หากเธอปฏิบัติหน้าที่แล้วไม่มีความสุข เธอจะลงจากตำแหน่งและเดินทางกลับทันที ในกรณีดังกล่าว หากเธอเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ยังประเทศอื่นต่อไป แล้วเธอไปใส่ร้ายหรือสร้างเรื่องขึ้นมากับประเทศนั้นๆอีก โดยปราศจากหลักฐาน โดยเธอใช้เพียงคำพูดของเธอ เพียงเพื่อเธอต้องการลงจากตำแหน่ง มันย่อมไม่ดี และ เป็นสิ่งที่องค์กรไม่ต้องการ เพราะองค์กรต้องการให้ความรักและความช่วยเหลือ และให้มิตรภาพกับทุกๆประเทศ

ผมคิดว่าการต่อรองครั้งสุดท้าย ที่พวกคุณหลายคนได้เห็นข้อความจาก Anea Garcia ที่เผยแพร่ออกไป เป็นใครหรือองค์กรไหนก็คงยอมรับคนแบบนี้มาร่วมงานไม่ได้ เพราะไร้ซึ่งมาตรฐาน จนถึงขณะนี้ ผมจึงเริ่มสงสัยว่า เรื่องราวทั้งหมดในชีวิตของเธอ ที่เธอได้ป่าวประกาศไปทั่วให้คนได้รับรู้ เช่น การเกิดมาอย่างไร, เป็นคนแบบไหน, สถานที่เรียนเป็นมหาวิทยาลัยอะไร, การขอกลับสหรัฐอเมริกา ไปเร็วกว่ากำหนดการเพราะแม่จะแต่งงาน และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอบอกกับสาธารณชน รวมถึงองค์กร นั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพราะเวลาขอหลักฐานใดๆ เธอก็จะบ่ายเบี่ยง ผมและองค์กร ไม่เคยเห็นหลักฐานใดๆ ทั้งสิ้น เช่นในเรื่องที่ เธอขออนุญาตกลับสหรัฐอเมริกาเร็วกว่ากำหนด เพื่อไปร่วมงานแต่งงานใหม่ของแม่เธอ ก่อนกลับเธอแจ้งว่าเธอจะส่งภาพบรรยากาศต่างๆมาให้ เพื่อให้แฟนๆของเธอได้เห็น ผ่านหน้า Facebook ขององค์กร จากวันนั้นจนถึงวันนี้ ผมขอดูภาพพิธีการแต่งงาน หรือสิ่งใด ที่เกี่ยวข้องกับงานดังกล่าว รวมถึงการโพสในโซเชียลมีเดีย ของเธอเองก็ไม่มี รวมถึงเธอไม่เคยโพสใดๆ เกี่ยวกับเรื่องเรียนของเธอ ที่เธอกล่าวอ้างขอกลับไปเรียน เลยสักครั้ง

นอกจากนั้น เมื่อเธอกลับไปถึงสหรัฐอเมริกาทุกครั้ง เธอจะเงียบหาย ติดต่อยาก และไม่มีการอัพเดทข้อมูลข่าวสารใดๆ แม้แต่องค์กรติดต่อไป เพื่อให้ช่วยอัพเดทสถานะของเธอ เธอก็ไม่เคยติดต่อกลับ รวมถึงแม้กระทั่งหลายครั้งที่ผมเป็นคนโทรไปเอง ก็ไม่รับสาย และไม่ติดต่อกลับ ไม่มีการสอบถามว่ามีธุระเรื่องใดหรือไม่ ซึ่งหากเป็นคนปกติ ควรที่จะรู้ได้ว่า หากประธานโทรหานั่นน่าจะเป็นเรื่องสำคัญ นั่นจึงเป็นเรื่องที่น่าสงสัยในพฤติกรรมของเธอตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

มากกว่านั้น เธอชอบสร้างเรื่องในการขอเบิกเงินล่วงหน้าจากองค์กร โดยอ้างความจำเป็นและ ความยากลำบากของเธอ ดังเช่นก่อนออกเดินทางกลับครั้งแรก ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ตัวเธอได้ขอเบิกเงินล่วงหน้าที่ทางองค์กรจะต้องจ่ายให้เธอเพื่อเป็นค่าครองชีพ ในประเทศไทย ระหว่างเดือน ธันวาคม ถึง เดือนกุมภาพันธ์ ไปก่อน ทางองค์กรอนุญาตเพราะเมตตาเข้าใจสถานะของเธอ ซึ่งเมื่อรวมกับเงินก้อนแรกที่เธอได้รับ เป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 16,000 เหรียญสหรัฐ และเมื่อครั้งที่เธอกลับมาเพื่อร่วมงานการกุศลในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ (เพราะภาพข่าวขององค์กรกำลังเงียบหาย เนื่องจากเธอไม่ปฏิบัติหน้าที่ เธอจึงยินยอมกลับมา เพียง 10 วัน) ก่อนเดินทางกลับ เธอขอเบิกล่วงหน้าอีก ซึ่งในครั้งนี้ทางองค์กรจะไม่ให้ แต่เธอยังคงอ้างความยากลำบากของเธอ ด้วยความเมตตาสงสาร ทางองค์กรยินยอมให้เธอเบิกล่วงหน้าโดยต่อรองให้ว่าจะจ่ายให้จนถึงเพียงกลางเดือนเมษายน เพราะเห็นว่า ปลายเดือนมีนาคม เธอก็จะกลับมาพำนักในประเทศไทยแล้ว (ทุกอย่างที่พูด องค์กร มีหลักฐาน)

ผม และ องค์กรฯ คิดว่าแค่เพียงปลดเธอจากการดำรงตำแหน่ง อันเนื่องมาจากความไม่มั่นคงต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเธอในอนาคต ซึ่งไม่อยากที่จะพูดหรืออธิบายอะไรมากเพราะจะทำให้เกิดผลกระทบต่อตัวเธอและเรื่องอื่นๆของเธอ แต่ที่ผมต้องออกมาพูดครั้งนี้เนื่องจาก เธอไม่เคยหยุดสร้างปัญหา เธอยังคงกล่าวหา โดยปราศจากหลักฐานหรือการกระทำ ซึ่งเป็นเรื่องที่เธอควรทำทันที โดยที่เธอเอาไปกล่าวอ้าง หรือ พูดไปในที่ที่หลายคนต้องการคำตอบ

ผมจึงต้องออกมาตอบโต้และชี้แจงในครั้งนี้
ผมหวังว่านับจากนี้ เธอควรจะหันกลับไปมองตัวเอง และ ควรหยุดพูดในสิ่งที่ปราศจากความจริงและหลักฐาน หากเธอยังคงพูดในครั้งต่อไป แล้วไม่มีหลักฐานเป็นเพียงการพูดจากตัวเธอฝ่ายเดียว เธอจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายจากผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

หลักฐานอื่นๆยังมีอีกมากมาย เพราะตั้งแต่เธอพูดคุยหรือต่อรองตลอดระยะเวลา เราได้เก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ซึ่งทางองค์กรมีข้อมูลเก็บไว้อีกมากมาย แต่อยากให้เรื่องหยุดแต่เพียงเท่านี้
ณวัฒน์ อิสรไกรศีล

เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??


เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??


เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??


เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??


เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??


เงิบเอเนีย การ์เซีย แฉโดน ล่วงละเมิด แต่เจอณวัฒน์แฉกลับบ้าง!??


ขอบคุณที่มา >> Facebook >> ณวัฒน์ อิสรไกรศีล - Mr.Nawat Itsaragrisil

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์