เป็นคำพูดของผู้เป็นพ่อที่จำฝั่งใจ “ถ้าท้องกลับมา...ไม่ต้องมาเรียกว่าพ่อ” หลังจากที่เจ้าของเฟซบุค https://www.facebook.com/tipkittyjung/ คุณพรทิพย์ โรจน์วราวิศาล ได้เล่าประสบการณ์ชีวิตที่สุดแสนจะรันทดของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกตีกรอบ ไม่ให้คบเพื่อนคบฝูง กลับจากโรงเรียนต้องมาทำงานที่ไร่ ช่วยเลี้ยงน้องจนดึกจนดื่นแล้วค่อยทำการบ้านขาดชีวิตวัยสนุกตั้งแต่ประถม ยันมัธยม จนถึงเวลาที่ต้องระเบิดขอ แยกตัวไปอยู่หอเพราะต้องการความอิสระ จนถูกผู้เป็นพ่อแหกด่า “ถ้าท้องกลับมา ไม่ต้องมาเรียกว่าพ่อ”
“ทิพย์เติบโตจากครอบครัวที่มีฐานะค่อนข้างยากจน อยู่จังหวัดเชียงราย ความเป็นอยู่ก็ค่อนข้างลำบาก ทิพย์มีพี่น้อง 2 คน ทิพย์เป็นคนโตค่ะ คุณแม่ทิพย์เป็นแม่ค้าขายดอกไม้สดอยู่ในตลาด ส่วนคุณพ่อก็เป็นชาวสวนปลูกดอกไม้และพืชผักทั่วไป สิ่งที่ทิพย์ได้ยินตั้งแต่เล็กจนโตแทบทุกวัน คือพ่อกับแม่มักจะบ่นเสมอว่าเงินไม่พอใช้ ทั้งๆที่พ่อกับแม่ทำงานหนักมาก นอนดึกตื่นเช้า ได้นอนแค่วันละ 4 ชั่วโมง ทำงาน 20 ชั่วโมง แต่เงินที่ต้องใช้จ่ายในครอบครัวก็ยังไม่พออยู่ดี ครอบครัวทิพย์มีหนี้สินทั้งในและนอกระบบ จำได้ว่ามีคนมาทวงหนี้ที่หน้าบ้านบ่อยมากๆ ถึงตอนนั้นทิพย์จะยังเป็นเด็กแต่มันก็รู้สึกได้ถึงความตึงเครียดของครอบครัว ทิพย์สงสารพ่อกับแม่มาก
ด้วยความที่ทางบ้านฐานะยากจนและเราก็เป็นลูกคนโต พ่อกับแม่เลยคาดหวังในตัวเราไว้มาก ทิพย์รู้สึกว่าตัวเองโดนตีกรอบ ถูกคอนโทรลทุกๆอย่าง ชีวิตไม่เคยมีอิสระเลย ถึงเวลาเรียนก็ไปเรียน เลิกเรียนทิพย์ก็ต้องรีบกลับมาช่วยพ่อถอนหญ้าในแปลงปลูกที่สวนทุกวัน เสร็จจากที่สวนก็มาทำงานบ้าน ทิพย์ทำงานในบ้านแทบทุกอย่างแทนแม่รวมถึงดูแลน้องด้วย บางวันทิพย์ก็ไม่ได้เจอหน้าแม่เลย เพราะแม่จะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ที่ตลาด คือออกเช้ากลับดึก พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ แม่ก็จะฝากทิพย์ไปกับญาติบ้าง คนในหมู่บ้านบ้าง เพื่อไปรับจ้างทำงานหาเงินมาช่วยครอบครัว ทำตั้งแต่ 6 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น ก็มีน้อยใจนะเราไม่มีเพื่อนเหมือนเด็กคนอื่นๆเลย เพราะที่บ้านไม่ให้คบ “เราต้องทำงาน” จะได้เล่นกับเพื่อนๆก็ตอนที่อยู่โรงเรียนเท่านั้น