การศึกษาไทย “ถึงเวลาที่ต้องพูดความจริง”

การศึกษาไทย “ถึงเวลาที่ต้องพูดความจริง”

การศึกษาไทย "ถึงเวลาที่ต้องพูดความจริง"
***อย่าโกรธกันนะครับ***
ท่านครับ..ต่อไปนี้คือ "ความจริงที่ต้องพูด" ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้ ดังนี้
1.คุณครูทั่วประเทศเขารู้ "วิชาการศึกษา หรือวิชาครูดี" เพราะเขาเรียนมา และปฏิบัติอยู่ทุกวัน "ตามสภาพสิ่งแวดล้อมทางการศึกษาที่เอื้ออำนวย" ใครเล่าจะมารู้ดีถึงปัญหา และการแก้ไขปัญหาได้ดีเท่าคนที่ "ต่อสู้ดิ้นรนกับปัญหาที่กำลังประสบอยู่ทุกวัน" ไม่ใช่คนในกระทรวงศึกษาธิการ..ถ้าให้คุณครูเขามี "อิสระในการสร้างกิจกรรมการเรียนการสอน" โดยไม่แทรกแซงจนเกินเหตุ ผลดีก็จะตกแก่ผู้เรียนตลอดไป..
***โปรด "ปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ยอมรับความจริงนี้" และเมื่อท่านยอมรับความเป็นจริง ท่านย่อมมองเห็นแนวทางการแก้ไขและพัฒนาการศึกษาของชาติ "ที่ถูกต้อง เป็นรูปธรรม" และสามารถนำพาการศึกษาของชาติ ไปยู่ความสำเร็จมากที่สุด***
2. ปัญหาการศึกษาไม่ใช่อยู่ที่ครู จึงจำเป็นอยู่เองที่ กระทรวงศึกษาธิการจะต้องปรับเปลี่ยนวิสัยทัศน์ ปรับกระบวนการบริหารการศึกษา ปรับแก้ข้อบกพร่องของตนเองให้สอดคล้องต้องกัน กับกระบวนการเรียนการสอนแห่งศตวรรษที่ 21.ของโรงเรียนทั่วประเทศ เท่านี้เอง การศึกษาไทยก็ไปไกลถึงอันดับต้นๆของ AEC แล้ว
3.ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขณะที่ท่านอยู่ในตำแหน่งก่อนเปลี่ยนเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง..จะเป็น "คุณูปการสูงสุด"แก่ประเทศชาติ หากท่านสามารถแก้ปัญหาและพัฒนาการศึกษาชาติได้สำเร็จ..ปัญหาใหญ่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ ขอท่านได้โปรดทำความสะอาดกระทรวง..กำจัดเศษขยะเน่าเหม็นที่หมักหมมอยู่ใต้พรม การประเมินที่มากเกินเหตุและผิดหลักการศึกษายุคปัจจุบัน..การวัดผลที่ออกไปจารกส่วนกลาง การนำผลการสอบ O-net หรือ Ordinary National Educational Test ไปใช้ผิดหลักการ เพราะ "ให้คุณค่า" มากมายเกินจริง สิ่งเหล่านี้ขัดขวางพัฒนาการทางการศึกษาแห่งศตวรรษที่ 21.ของประเทศไทย ฯ..
***ท่านที่เคารพ นักการเมือง "อาชีพ"เข้ามาบริหารประเทศชาติเพราะเล็งเห็นผลประโยชน์ส่วนตนและพรรค"พวก"เป็นเหตุจูงใจสิ่งแรก เรื่องของบ้านเมืองมาทีหลัง..ส่วนท่าน..รมว กระทรวงศึกษาฯในวันนี้ เข้ามาเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นเรื่องแรก ผลประโยชน์ส่วนตนเป็นเรื่องหลังสุด..ดังนั้น..ท่านต้องรีบ"ทำลายพิษร้ายในกระทรวงฯ ที่มันกัดกร่อนการศึกษาของชาติให้หมดไปจนสิ้นซาก ก่อนจะหมดวาระของท่าน..นี้จึงเป็นการสร้างมหากุศลแก่การศึกษาของประเทศไทย และการสร้างคุณภาพของประชาชน***
ท่านที่เคารพ...
ผมมีความชื่นชม "กระบวนการเรียนรู้ของแพทย์และพยาบาลมาโดยตลอด เพราะท่านเหล่านี้ "ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงๆ Experience Learning" ดังนั้นองค์ความรู้ของท่านจึงเป็นที่ยอมรับนับถือ และชื่นชมของคนทั่วไป..และเมื่อได้ "ท่านอาจารย์ นายแพทย์ ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์" มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ.. "เราจึงเกิดความหวังขึ้นมามากมาย ว่าท่านนี่แหละ จะมาช่วยยกระดับการศึกษาที่กำลังดิ่งลงเหว ให้กลับฟื้นคืนมาได้ ด้วยหลักการ EBP ของแพทย์และพยาบาล..
***บทความนี้ จึงเขียนมาเพื่อให้ท่านได้ทบทวนความทรงจำ และช่วยการศึกษาไทยให้รอด ด้วยหลักการ EBP ที่สามารถ "ปรับเปลี่ยนจากคนไข้ ให้เป็นคุณภาพการศึกษาได้ทุกประการ..."
จึง "หวังว่า" ท่านจะให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามหลักฐานเชิงประจักษ์ Evidence-Based Practice หรือ EBP ที่เป็นหัวใจการปฏิบัติงานของแพทย์พยาบาล..ซึ่งผมขอนำมาให้ท่านได้ทบทวนดังนี้
***เพียงแต่ท่าน รัฐมนตรี "คุณหมอ"เปลี่ยนจาก "ผู้ป่วย หรือ ผู้รับบริการ เป็น การศึกษาไทย" หลักการทุกอย่างก็สามารถเข้ากันได้ทุกข้อเลยทีเดียว***
1 Assess the patient การประเมินผู้ป่วย หรือ ผู้รับบริการ
***ถ้าคุณหมอที่มารับหน้าที่กุมบังเหียนการศึกษา ก็เปลี่ยนจากผู้ป่วย หรือ ผู้รับบริการ เป็น "การศึกษาไทย" และใช้หลักการเดียวกัน ก็น่าจะเกิดคุณค่ามากกว่าที่กำลังดำเนินการอยู่นี้
2 Ask the question การตั้งคำถาม
ตามวิธีการของคุณหมอ ก็คือ การตั้งคำถามเพื่อใช้ในการ "หาคำตอบต่อปัญหา" ซึ่งอาจเป็นคำถามเกี่ยวกับวิธีการดูแลผู้ป่วยที่ดีที่สุด ในด้านการวินิจฉัยโรค วิธีการรักษา การพยากรณ์โรค ต้นเหตุของการเกิดโรคและการป้องกัน ผลลัพธ์ด้านสุขภาพ นี้เป็นวิธีการที่ดีที่สุด
***แต่เมื่อมารับหน้าที่ในการแก้ปัญหาการศึกษาของชาติ ก็อยากให้ท่าน "ปรับใช้" วิธีการเดียวกัน***
3 Acquire the evidence การสืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์
วิธีการของแพทย์และพยาบาล คือการเลือก "แหล่งสืบค้นหลักฐานเชิงประจักษ์" และทำการค้นคว้าศึกษาวิจัยด้วยวิธีที่เหมาะสม ซึ่งวิธีการศึกษาวิจัยมีหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีความแม่นตรง และความแปรปรวนของหลักฐานเชิงประจักษ์นั้นแตกต่างกัน
***ถ้าเป็นสถานศึกษา ก็ยิ่งจะต้องมี "ตัวแปร" ของสภาพแวดล้อมทางการศึกษาและสถานที่ ซึ่ง ถ้าเป็นการเรียนรู้โดยให้เด็กเป็นศูนย์กลาง Child Centered ..การเรียนรู้จากประสบการณ์ Experiential learning.. และการเรียนรู้เพื่อชีวิต Learn for life ตัวแปรก็จะยิ่งมีมากมาย จนต้องให้ท้องถิ่นจัดการศึกษาเอง และต้องมีวิธีการประเมินผล Ordinary National Education Test หรือ O-net ที่แยบยล ถูกต้องตามหลักการ และนำผลของมันไปใช้อย่างสมเหตุสมผล***
หลักฐานเชิงประจักษ์ ในทางการศึกษา "หาง่ายที่สุด" เพียงแต่ท่านลงไปดูให้เห็นกับตาด้วยตนเอง ไปแบบคนธรราดาที่ไม่มีใครรู้จัก ไม่ต้องป่าวประกาศล่วงหน้า ความจริงจะปรากฏ ให้ท่านเห็นความจริง ว่าคุณครูเขาใช้ความพยายามมากเพียงไร ในการเรียนการสอนเพื่อให้ลูกศิษย์ประสบความสำเร็จ..ท่านจะได้เห็นว่า "ไม่มีครูคนไหนที่ "ซื่อบื้อ" จนท่านต้องสั่งซ้ายหันขวาหันตลอดเวลา จนหาเวลาสอนเด็กได้ยากเต็มทน
4 Appraise the evidence การประเมินหลักฐานเชิงประจักษ์
เป็นการประเมินหลักฐานเชิงประจักษ์ "ด้านความแม่นตรง" และความสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้จริง ในการแก้ปัญหาแต่ละปัญหา และพัฒนาในเรื่องที่สามารถพัฒนาได้ ไม่ใช่ปฏิบัติการแบบเหวี่ยงแห่ เผื่อจะได้ปลาที่มองไม่เห็น..
***หลักฐานเชิงประจักษ์ นี้คือ "เหตุ" แห่งความ "ตกต่ำของการศึกษาไทย" การรู้สาเหตุที่แท้จริง จะทำให้สามารถ "แก้ปัญหาได้ตรงประเด็น" โปรดนำความรู้ "วิธีการ"ของแพทย์พยาบาลมา "ปรับใช้แก้ปัญหาการศึกษาของชาติ" วิธีการแบบ "ตาบอดคลำช้าง" ใช้ไม่ได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน และยิ่งแก้ ปัญหายิ่งใหญ่โตขึ้นไม่สิ้นสุด***
5 Apply: talk with the patient การนำไปใช้
เป็นการนำหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ผ่านการพิจารณาว่าดีที่สุดไปใช้ในการดูแล และให้บริการเพื่อแก้ไขปัญหา โดยสิ่งนั้นต้องตรงกับความต้องการของผู้ป่วย หรือผู้รับบริการด้วย
***ท่านครับ..หากท่านได้นำขันตอน ของแพทย์พยาบาลมาใช้ในตำแหน่งรัฐมนตรีการศึกษาของท่าน ป่านนี้ปัญหาทุกอย่างที่เป็นอยู่ก็คงได้รับการแก้ไข..การศึกษาไทยต้องกระเตื้องขึ้น และบางอย่างก็สามารถพัฒนาได้ด้วย..ท่านก็จะสง่างามในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เป็นเกียรติ เป็นศรี แก่วงค์ตระกูลตลอดไป***
6 Evaluation การประเมินผล
เป็นขั้นตอนที่บุคลากรสุขภาพประเมินผลการดูแลผู้ป่วยหรือผู้รับบริการ เพื่อที่จะก่อให้เกิดการปรับปรุงพัฒนา หรือยึดเป็นแนวปฏิบัติหรือมาตรฐานการปฏิบัติต่อไป
***อยากรู้จริงๆว่า ท่าน "ประเมินผลการศึกษา" ที่ท่านรับผิดชอบอยู่นี้ มีผลเป็นอย่างไร..ท่านชื่นชมยินดีกับมันแล้วหรือไร.?***
ท่านที่เคารพ...
ผู้เขียน คุณครูและประชาชนทั่วประเทศประเมินแล้ว...จึงขอยืมคำของ ISO มาใช้ในบทความนี้ว่า Corrective Action Request..เขียนย่อๆว่า CAR แก้ไขให้ถูกต้องเสียเถิดครับ...
ด้วยความเคารพอย่างสูง
สุทัศน์ เอกา.......................บอกความ


ขอขอบคุณภาพและเนื้อหา สุทัศน์ เอกา

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์