หลังจากชาวเน็ตเสียงแตก เพราะถกเถียงกันเรื่อง "ครูลิลลี่" โพสต์รูปภาพชาย-หญิงคู่หนึ่ง คล้ายกับตำหนิไม่สมความกอดกันบนบีทีเอส และควรรู้จักกาลเทศะ แต่กลับเจอชาวเน็ตสวนกลับว่าเป็นการถ่ายรูปคนอื่นหวังประจาน กระทั่งครูลิลลี่ ต้องออกมาขอโทษ น้อมรับเป็นบทเรียนในการแสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้หลายฝ่ายมองว่า การที่ครูออกมาติติงสังคมในเวลานั้น ๆ เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำหรืออย่างไรกันแน่ ก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะเงียบหายไป....
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว "ปู-จิตกร บุษบา" นักจัดรายการ นักเขียน และคอลัมนิสต์การเมือง ฝีปากกล้า ได้แสดงทัศนะต่อประเด็นดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กว่า โดยส่วนตัวแล้วไม่คิดว่าครูลิลลี่ทำผิด เพราะเป็นการบันทึกเหตุการณ์ที่ไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นในที่สาธารณะมาเป็นบทเรียนสอนคนว่า กาลเทศะอันควร ควรเป็นเช่นไร หากตั้งใจประจานคงให้เห็นหน้าตาไปแล้ว และหากผู้ถูกถ่ายภาพมองว่าเป็นการละเมิด ก็สามารถฟ้องร้องดำเนินคดีกับครูลิลลี่ได้
"เราควรหวงแหนพื้นที่สาธารณะกันให้มากกว่านี้ และพร้อมจะตักเตือนกันว่าในพื้นที่ดังกล่าว อะไรควรทำ ไม่ควรทำ และเมื่อทำแล้ว สังคมก็พร้อมจะพูดถึงคุณ ไม่ใช่ไปปกป้องสิทธิคนที่ละเมิดส่วนรวม โดยด่าทอคนที่ปกป้องความเป็นส่วนรวมอย่างครูลิลลี่ เพลา ๆ การอินดี้กันลงมาหน่อยนะ หากคุณจะแสดงความรักกันในที่ส่วนตัว คงไม่มีใครไปละเมิดได้ แต่เมื่อคุณใช้ที่สาธารณะ อย่างปราศจากความรับผิดชอบ สังคมย่อมเรียกร้องความรับผิดชอบนั้น"
ปู-จิตกร กล่าวและยังระบุด้วยว่า จะแสดงความรักกันก็ไม่เป็นไร เพราะทุกการสื่อสาร ย่อมถูกแปลความได้ต่างกันไป ดีที่สุดคือ มีสติรู้ว่า ที่นี่ (สาธารณะ) ใช่ที่ที่จะแสดงความรักกันหรือไม่เท่านั้นเอง แน่นอนว่าบางคนก็จะบอกว่า "ทำไมไม่เตือนตรงนั้นล่ะ มันเตือนกันได้ทุกคนไหม ถามจริง ๆ และการเตือนกันตรงนั้น ก็จบไปตรงนั้น แต่การสอนสั่งสังคมจะเกิดขึ้นไหม บางคนบอกว่า เอาเรื่องมาเขียนอย่างเดียวก็ได้ ไม่ต้องมีรูป นั่นก็ถูก โดยที่ครูลิลลี่ก็ไม่ได้ท้วงติงอย่างหยาบคาย เพจบางเพจที่เอาข้อความและภาพของครูไป ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของเธอไหมล่ะ? ด่าทอเธอ เหยียดเพศเธอ ดีงามไหมล่ะ รูปฆาตกรเห็นแชร์กันได้แชร์กันดี คลิปตำรวจทำนั่นทำนี่ก็แชร์กันแล้วแชร์กันอีก ไม่เห็นถามถึงสิทธิของคนที่ถูกถ่ายภาพเลยนี่ จะเอายังไงกันครับสังคมนี้ ส่วนคุณจะคิดเห็นมุมใดก็เป็นสิทธิของคุณ" นักคอลัมนิสต์การเมือง ฝีปากกล้า กล่าวทิ้งท้าย
ขณะที่ ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด กล่าวแสดงความคิดเห็น ครูลิลลี่ไม่ผิด เพราะ 2 คนนั้นกำลังทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมในการแสดงความรักในที่สาธารณะตามบรรทัดฐานของสังคม เมื่อไหร่ก็ตามที่เแสดงถึงสิ่งที่ไม่ควรในที่สาธารณะ ถึงจะไม่ผิดกฎหมายแต่ผิดตามหลักศีลธรรม ประเพณีและธรรมเนียม ทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพราะฉะนั้นจึงต้องช่วยกันปกป้องสังคมไม่ให้เจอความเลวร้ายที่ทำให้สังคมเสื่อมทราม ทั้งนี้ครูลิลลี่ไม่ควรจะโดนด่า เพราะกำลังทำหน้าที่สมาชิกของสังคมที่ดี ถ้าหากเห็นสิ่งเลวร้ายในสังคมแต่กลับนิ่งเฉย ก็เหมือนยอมจำนน กระทั่งกลายเป็นความเคยชินธรรมดาทำตามกันไปหมด สังคมจะเกิดอะไรขึ้น โดยสิ่งที่ 2 คนกำลังกอดกันเช่นนั้นเป็นการบุกรุกสายตาของคนด้วยสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ครูลิลลี่ทำถูกแล้วที่อยากจะเห็นสังคมสะอาดสะอ้านขึ้น เพราะระเบียบสังคมไม่ได้ถูกกำหนดด้วยกฎหมายเพียงอย่างเดียว ยังมีจารีต แบบแผน บรรทัดฐาน ประเพณี ควรจะรู้จักกาลเทศะ เมื่อใดก็ตามที่ทำสิ่งที่ไม่ถูกในสังคม ก็ย่อมจะต้องยอมรับคำติตเตียนที่ตามมา
"หลายคนไม่ท้วงติงว่าเวลานั้น ทำไม่ไม่กล่าวเตือน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าบุคคลนั้นเป็นคนอารมณ์ร้ายหรือมีอาวุธหรือไม่ จะเห็นได้ว่าในสังคมปัจจุบัน มีคลิปทำร้ายร่างกายกันถึงขั้นฆ่ากันได้ง่ายๆ ไม่เกรงกลัวต่อการทำผิดกฎหมายและศีลธรรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการที่ต้องเอามาโพสต์ ถ้าโพสต์เฉยๆ แต่ไม่มีภาพนั้น ก็อาจจะถูกกล่าวหาว่าสร้างเรื่องขึ้นมาก็ได้ใครจะเชื่อ การถ่ายภาพที่ไม่เห็นหน้าตัวบุคคลทั้ง 2 คนนั้นเป็นใคร ก็เป็นการหาหลักฐานประกอบการวิจารณ์ ไม่ได้มีเจตนาจะประจานใคร หากในสังคมเราวิจารณ์เรื่องที่ไม่ดีไร้การติง ไร้การเตือนกัน จะเรียกว่าเป็นการจำนวนต่อความชั่ว เช่นเดียวกับกรณีของนายกฯ ที่ออกมาเตือนถึงการเต้นของนักร้องหญิงคนหนึ่ง คนก็ไปต่อว่านายกฯ ไปยุ่งกับสิทธิการเต้นของเขาทำไม เป็นเรื่องธรรมดา คนในสังคมไม่ได้มีวุฒิภาววะในการคิดมากพอ ฉะนั้นถ้าพ่อแม่ ครูอาจารย์ที่เป็นผู้ชี้นำสังคมยอมจำนนต่อสภาวะดังกล่าว นิ่งเฉยเพราะกลัวถูกคนต่อว่า แล้วต่อไปในอนาคต สังคมจะเสื่อมทรามเละเทะแน่นอน" ดร.เสรี กล่าวเตือน
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
