ปีนี้ต้องบอกว่า 2 บิ๊กทีวีอย่างวิกพระรามสี่(ช่อง3)และวิกหมอชิต(ช่อง 7) เจอวิกฤติหนักอ่วมยิ่งกว่าพายุฝนพัดถล่มจนน้ำท่วมซะอีก เพราะการเปลี่ยนแปลง "อุตสาหกรรมทีวี"
จากฟรีทีวีที่ครองพื้นที่จากคนดูมาโดยตลอดระยะเวลาหลายสิบปี เวลานี้สองช่องต้องเผชิญการท้าทของ คู่แข่งทีวีดิจิทัล ที่ลุกลามไปถึงเรตติ้งผู้ชมและโฆษณาในช่วงไพรม์ไทม์ของทั้ง 2 ช่อง
"ละครหลังข่าว" ที่เคยเป็นจุดขายและ"แม่เหล็ก" ดึงดูดที่สร้างเรตติ้งและรายได้ให้กับช่อง 3 และช่อง 7 มานานหลายสิบปี กำลังถูกแบ่งเค้กก้อนโต จากเรตติ้งจากรายการต่างๆ ของคู่แข่งทีวีดิจิทัล ที่แปลก แหวก แนว มาเป็นทางเลือกใหม่ให้กับคนดู
เพราะอะไร? คนถึงไม่ดูละคร เหมือนเมื่อก่อนแล้ว อันนี้เป็นเรื่องทีน่าคิดมาก!! มีหลายเหตุผลเลย
หนึ่งคือ การมาของ "วาไรตี้ เกมโชว์" ที่มาแรงของช่องเวิร์คพอยท์ ก็มีส่วนแชร์ตลาดไปเยอะ สองคือ ละครของช่องวันที่กล้านำเสนอ มีทางเลือกที่แตกต่าง สามคือ หนังจากต่างประเทศ และซีรีส์จากอินเดีย และสี่คือสื่อออนไลน์ จากบริการ OTT ที่ตอบโจทย์คนดู คนรุ่นใหม่ ที่ถาโถมเข้ามาแย่งชิงคนดูไป
ส่งผลกระทบต่อเรตติ้งและเม็ดเงินโฆษณาให้ช่อง 3และช่อง3ที่เคยยิ่งใหญ่ แต่ตอนนี้ลดลงหายวูบ
เรื่องนี้ต้องซูมให้เห็นภาพชัดๆ เพราะดู ดูได้จาก "เรตติ้ง" ละครล็อตใหม่ของช่อง 3 และช่อง 7 ช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เกิดภาวะเรตติ้ง"หล่นวูบ" ชนิดสองช่องไม่ทันตั้งตัว
มาดูที่ช่อง 3 กันก่อน หมากเด็ดที่ถูกวางไว้คือ ละครของคู่จิ้นเบอร์หนึ่ง "เล่ห์ลับสลับร่าง" ที่มี "ณเดชน์ คูกิมิยะ และ ญาญ่า อุรัสยา เสปอร์บันด์" 2 ดาราตัวท็อป ระดับแม่เหล็กอันดับ 1 ของช่อง เห็นว่าช่องขายโฆษณาได้เต็มล่วงหน้าก่อนออนแอร์ มีความคาดหวังสูงมาก แต่กลับไม่ได้มีเรตติ้งสูงอย่างที่แพลนเอาไว้
จากการเปิดตัวตอนแรกวันจันทร์ที่ 31 ก.ค. เรตติ้งอยู่ที่ 3.357 และเรตติ้งลดลงมาเหลือเพียง 2.948 ในวันที่ 1 ส.ค. เท่ากับว่าเรตติ้งเฉลี่ยสองตอน อยู่ที่ 3.153
ส่วนละครแนวแย่งผัวแย่งเมีย "เพลิงบุญ" ที่เรื่องนี้ช่อง 3 ก็คาดหวังไม่แพ้กัน เพราะแซ่บพริกยกสวน แถมดาราก็ตัวท็อปทั้งนั้น แทคทีมาทั้ง "ป้อง ณวัฒน์, เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ, เบลล่า ราณี แคมเปน, หลุยส์ สก๊อต ออนแอร์ วันพุธ พฤหัส สตาร์ทวันแรกวันพฤหัสที่ 3 ส.ค. กลับทำเรตติ้งไปได้เพียงแค่ 2.674 เท่านั้น อาทิตย์ที่แล้วคือ 9 กับ 10 ส.ค. เรตติ้งเขยิบมานิดเดียวคือ 3 หน่อยๆ ไม่พีคเท่าที่ควร
ฟาก ช่อง 7 ก็จัดละครแพ็กใหญ่ "มัสยา" ที่เอาพระเอกฐานแฟนคลับเยอะ อย่าง" มิกค์ ทองระย้า" มาเป็นพระเอกคู่กับนางเอกใหม่ "มุกดา นรินทร์รักษ์" ออนแอร์ตั้งแต่อังคาร 25 ก.ค. มีเรตติ้งเริ่มต้นที่ 5.2 และเพิ่มมาในวันจันทร์ที่ 31 ก.ค. อยู่ที่ 5.822 และวันอังคารที่ 1 ส.ค. เรตติ้งเฉลี่ย 2 วันอยูที่ 6.796
ตามาด้วยละคร "นักรบตาปีศาจ" ออกอากาศ 2-3 สิงหาคม เรตติ้งเฉลี่ย 6.144 ถือว่าผิดฟอร์มช่อง 7 ที่ปกติเคยได้เรตติ้งเลขคู่คือ10 ขึ้นไป
เรตติ้งละครเวลานี้นับว่าสวนทางกับเรตติ้งรายการวาไรตี้ เกมโชว์ ที่เพิ่มขึ้น จนตีขึ้นมาสูสีกับละครช่อง 7 ไปแล้ว อย่างรายการ I can see your voice หรือ นักร้องซ่อนแอบ เรตติ้งทะยานขึ้นมาอยู่ที่ 5.261 ในขณะที่ The Mask Singer ซีซัน 2 หรือ หน้ากากนักร้อง ได้เรตติ้งเฉลี่ย 6.064
หรือจะเป็นรายการ "เด็กร้องก้องโลก" หรือ We Kid Thailand รายการประกวดร้องเพลงเด็ก ที่เวิร์คพอยท์ซื้อลิขสิทธิ์มาจากเกาหลี เจ้าของเดียวกับรายการ I can see your voice ก็ คว้าเรตติ้ง 2 กว่า ๆ และทำท่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ
หยิบรีโมตมาดูช่องโมโน ที่มี "หนังดัง" เป็นจุดขายเพื่อสร้างความแตกต่าง การนำภาพยนตร์ดังอย่าง Transformers มาออกอากาศในวันอังคาร 1 ส.ค. คว้าเรตติ้ง 3.546 จนช่อง 3 ช่อง7 แทบช็อคหงายหลัง
จากตัวเลขเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า "เรตติ้ง" ละครของช่อง 3 และช่อง 7 ลดลงต่อเนื่อง เพราะปี 59 เรตติ้งละครของช่อง 7 จะอยู่ในหลักตั้งแต่ 7 ขึ้นไปจนถึง 10 กว่า ส่วนของช่อง 3 ก็อยู่ในระดับ 4-5 และยังมีละคร "นาคี" ที่ทำได้เฉลี่ยไปถึง 10.9 จนช่อง 3 สานต่อนำไปผลิตเป็นภาพยนตร์ นาคี 2 และตอนนี้ตัดสินใจเอารีรันเป็นละครเย็นอีก เริ่ม 23 ส.ค.นี้
มองรูปการณ์แล้ว ครึ่งแรกของปีนี้ เรตติ้งละครช่อง 3 กลับยิ่งลดลงเหลือเรื่องละ 3-4 ส่วนช่อง 7 เรตติ้งที่เคยทำ 6-7 เริ่มตกลงมาเหลือ 5-6 แต่ก็ยังสูงกว่าช่อง 3 เพราะฐานคนดูของช่อง 7 คนต่างจังหวัดดูมากกว่า
ส่วนฐานกลุ่มคนดูช่อง 3 ซึ่งเป็นคนเมือง มักนิยมดูละครย้อนหลังผ่านออนไลน์ จึงทำให้เรตติ้งทีวีของช่อง 3 หล่นฮวบฮาบ ขณะนี้ ช่อง 7 ฐานคนดูต่างจังหวัด ที่ยังคงนิยมดูผ่านหน้าจอเป็นหลักเหมือนในอดีต
งานนี้ถ้าดูกันดีๆ ช่อง 3 ดูตกที่นั่งลำบากกว่าช่อง 7 เพราะต้องเจอ "ช่องวัน" ตั้งตัวคู่แข่งโดยตรง เพราะเน้นกลุ่มคนดูในเมืองเหมือนกัน โดยเรตติ้งของละครในวันที่ 7 ส.ค. ละครบ่วงเสน่หา ของช่องวัน ก็ทำไปได้ 2.735 ในขณะเล่ห์ลับสลับร่างของช่อง 3 ทำเรตติ้ง 2.824 เรียกว่าสูสีกันเลย
นอกจากนี้ กลุ่มคนดูในเมืองยังหันไปนิยมดูละครย้อนหลังผ่านออนไลน์ เช่น Facebook, YouTube แอปพลิเคชันของแต่ละช่องมากกว่า
ก้างชิ้นโต ที่ไม่เพียงต้องเจอ "วาไรตี้" ที่เข้ามาแย่งชิงคนดู แต่ยังต้องเจอซีรีส์ หรือหนังต่างประเทศ ที่เป็นคู่แข่งสำคัญในการชิงฐานคนดูและเรตติ้ง ทั้งหนังฝรั่งจากช่องโมโน ที่หากเป็นหนังดังที่รู้จักกันดี ก็ดึงเรตติ้งไปได้ถึง 3 กว่าๆ อันนี้น่ากลัวมาก
เมื่อต้องได้รับผลกระทบจากช่องคู่แข่งต่างๆ ทำให้ช่อง 3 และช่อง 7 ต้องปรับตัวบู๊แอ๊คชั่นอย่างหนัก ทั้งเรื่องโปรโมชั่น ลด แลก แจก แถม โฆษณา หรือหมาก เดินเกมส์ใหม่ แบบที่คิดวันละหลายตลบ
ช่อง 7 ยังหันมาใช้วิธีจัด "อีเวนต์" เพื่อให้เข้าถึงคนดูมากขึ้น เช่น การจัดอีเวนต์โปรโมตละครที่ออกอากาศไปแล้ว อย่าง ซีรีส์ละครชุด "ภารกิจรัก" ที่มีทั้งหมด 4 เรื่อง คือ เหนี่ยวหัวใจสุดไกปืน, ราชนาวีที่รัก, มือปราบเจ้าหัวใจ และ ยึดฟ้าหาพิกัดรัก
ส่วนช่อง 3 นั้นต้องหันมาจัดถี่ขึ้น จากเดิมจะจัดปีละครั้ง แต่ช่วงหลังมานี้ต้องจัดปีละ 2 ครั้ง คือช่วงปลายปีและกลางปี และล่าสุดได้จัด "อีเวนต์" นำเสนอละครที่จะลงจอในครึ่งปีหลังนี้ เช่น รากนครา, เล่ห์ลับสลับร่าง, เพลิงบุญ เป็นต้น
แถมถ้าใครได้ดูละครช่อง 3 ช่วงนี้ก็ต้องแปลกใจ เพราะมีการแทรกโฆษณาก่อนเข้าเบรกละครและหลังเบรกละคร ในแบบผู้สนับสนุนรายการ แบบเดียวกับที่ช่อง GMM25 และช่องวัน ทำแล้วได้ผลโดยตรง
งานนี้ ช่อง 3 และช่อง 7 จะรับมือกับวิกฤติแบบนี้ได้ยังไง ต้องติดตามตอนไปต่อไปด้วยใจระทึก บอกได้คำเดียว ลุ้นหนักหืดขึ้นคอ ยิ่งกว่าดูละครซะอีก
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
