แม่ฝากลูกสาว 6 ขวบ ให้ย่าเลี้ยง กลับพบลูกอยู่ที่ไร่ข้าวโพด “สภาพเสื้อผ้าฉีกขาด” เมื่อรู้ความจริงถึงกับใจสลาย!!

แม่ฝากลูกสาว 6 ขวบ ให้ย่าเลี้ยง กลับพบลูกอยู่ที่ไร่ข้าวโพด “สภาพเสื้อผ้าฉีกขาด” เมื่อรู้ความจริงถึงกับใจสลาย!!

ในช่วงวันหยุดปิดภาคเรียนฤดูร้อนนี้ เกิดเรื่องราวมากมาย บางคนก็ต้องกลับบ้านเก่า หรือพูดง่ายๆว่าโดนส่งกลับไปอยู่กับปู่ย่า-ตายาย เพราะว่าพ่อแม่ต้องทำงานจึงต้องส่งกลับไปให้พวกเขาช่วยเลี้ยง อยากให้เหตุการณ์ในวันนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้ปกครองหลายคนที่กำลังเลี้ยงดูบุตรหลานในช่วงปิดเทอม ให้ระมัดระวังเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นด้วย


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เฉิน จิง (นามสมมุติ)และสามี ทั้งสองล้วนเป็นเด็กจากชนบทที่เข้าเมือง มาเรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบก็ทำงานต่อในเมือง ทั้งสองมีการงานที่มั่นคง ถึงแม้จะไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ก็พอเลี้ยงครอบครัว

หลังจากที่มีลูกสาว ตอนแรกคิดว่าจะส่งไปให้พ่อแม่สามีช่วยเลี้ยง แต่เมื่อคิดใคร่ครวญดีๆแล้ว เพราะแม่สามีชอบเล่นการพนันมาก (เล่นไพ่นกกระจอก) พ่อสามีก็หูหนวก เพราะฉะนั้นเฉิน จิง จึงตัดสินใจเลี้ยงลูกไปด้วยทำงานไปด้วย เป็นสิ่งที่ลำบากเหน็ดเหนื่อยมาก แต่เธอก็ยินดี

หลังจากที่ลูกสาวเข้าอนุบาล ช่วงวัยอนุบาลไม่มีการหยุดหรือปิดภาคเรียน ทำให้เฉิน จิง สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ แต่แล้วเมื่อลูกสาวของเธอเข้าเรียนชั้นประถมศึกษา ก่อนจะเข้าเรียนจะมีการปิดภาคเรียนระยะสั้น 1 เดือน เป็นการหยุดที่มาอย่างกระทันหันมาก ทำให้เฉิน จิงไม่สามารถแบ่งเวลาจากงานเพื่อมาเลี้ยงลูกสาวได้ หลังจากคิดพิจารณาอยู่นาน จึงตัดสินใจส่งลูกสาวกลับไปให้พ่อแม่สามีช่วยเลี้ยงดูสักพัก

เมื่อส่งลูกสาวไปถึงบ้านของปู่ย่า เรียบร้อยพ่อแม่สามีไม่ได้เตรียมความพร้อม ที่บ้านมีเพื่อนๆของแม่สามีเข้าออกจำนวนมาก เพื่อมาเล่นการพนันกัน ร้านขายของชำหน้าบ้านก็ไม่มีคนช่วยดูแล เพราะวันๆแม่สามีเอาแต่เล่นการพนัน ทุกคนในหมู่บ้านล้วนรู้จักพ่อแม่สามีฉันอยากดี ในบ้านเต็มไปด้วยควันบุหรี่ พวกเราแทบจะเข้าไปในบ้านไม่ได้ เพราะคนเยอะมาก สามีปลอบใจฉันว่า "ไม่เป็นไรหรอกหนาแค่เดือนเดียวเอง เดี๋ยวก็ผ่านไปแล้ว อย่าใจแคบมากเลยนะ เรื่องเลี้ยงหลานพวกเขาทำหน้าที่ได้ดี วางใจเถอะ" ตอนนั้นเฉิน จิง รู้สึกผิดหวังมากที่เอาลูกสาวมาให้พ่อแม่สามีเลี้ยง แต่ทำไงได้ เพราะมันกระทันหันจนไม่มีที่ไหนรับเลี้ยงเด็กให้ได้

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)


เฉิน จิงรู้สึกไม่สบายใจตลอดทาง ในทุกๆวัน เธอจะโทรกลับไปหาพ่อแม่สามีหลายๆรอบ ทำให้แม่สามีรู้สึกรำคาญ โดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงการเล่นไพ่นกกระจอกคนจะเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะพ่อสามีก็หูหนวกไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ ทำให้เฉิน จิงยิ่งกังวลมากขึ้น จนไม่มีสมาธิทำงานดีๆ ทำให้เสียการงาน โดนหักค่าโบนัสของเดือนนี้ และยังทำให้ผู้จัดการโกรธมากด้วย


ตอนนี้แม่สามีก็ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ครั้งล่าสุดเธอบอกว่า "หากยังโทรมาบ่อยขนาดนี้ละก็จะไม่ช่วยเลี้ยงให้แล้วนะ เอากลับไปเลี้ยงกันเองเลย" ตอนนั้นฉันโมโหมากที่พวกเขาพูดแบบนี้ ส่วนสามีก็ไม่สนใจวันๆเอาแต่ทำงานไม่สนใจลูกสาวเลย

และแล้ววันหนึ่งข่าวร้ายก็เกิดขึ้นจริง เมื่อเฉิน จิงได้รับโทรศัพท์จากแม่สามีเธอพูดจา ติดๆขัดๆ จับใจความไม่ค่อยได้ แต่ประโยคสุดท้ายเธอบอกว่า "ลูกสาวของฉันออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า จนปานนี้จะค่ำแล้วยังไม่เห็นกลับบ้านเลย" วินาทีแรกที่ได้ยินแบบนั้นหัวใจฉันแทบสลาย!

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)


เฉิน จิงแทบไม่อยากจะเชื่อคำพูดของแม่สามี เด็กคนหนึ่งหายไปไหนได้? ไม่รู้ว่าแม่สามีดูแลเด็กยังไงปล่อยให้ออกไปนอกบ้านเพียงลำพัง แทบยังออกไปทั้งวันแบบนี้ เฉิน จิงจึงรีบเรียกสามีกลับบ้านและต่อรถบัสสายด่วนที่สุดกลับไปบ้านชนบททันที รอบๆบ้านแม่สามีจะเป็นไร่ข้าวโพดระยะทางจากบ้านไกลออกไป 100 เมตร ตอนนั้นเฉิน จิงมีลางสังหรณ์ว่าจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับลูกสาวอย่างแน่นอน!


เมื่อสามีและเฉิน จิง นั่งรถแท็กซี่ขับผ่านไร่ข้าวโพดก็ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ ทันใดนั้นเขาก็บอกให้รถแท็กซี่จอดและลงจากรถเดินไปตามเสียงร้องไห้นั้น ยิ่งใกล้ยิ่งรู้สึกว่าเสียงยิ่งเหมือนลูกสาวของตนเองมาก ลางสังหรณ์เป็นจริงเฉิน จิงเห็นลูกสาวเสื้อผ้าฉีกขาดนั่งร้องไห้ เธอจึงรีบวิ่งไปกอดลูกสาวไว้แน่น พร้อมกับค่อยๆปลอบโยนลูกให้หายกลัว เมื่อลูกสงบลงจึงค่อยๆถามความจริง

ลูกสาวเล่าว่า "มีน้าผู้ชายคนหนึ่งมาซื้อบุหรี่ที่บ้านย่า แต่ย่าไม่ได้ออกมาขายบอกให้หนูออกมาขายแทน เมื่อหนูรับเงินเสร็จน้าคนนั้นก็บอกให้ออกไปเล่นข้างนอกด้วยกัน แต่หนูไม่ไป เขาจึงดึงมือหนูอย่างแรง จากนั้นก็จับตรงที่แม่บอกว่าห้ามให้คนอื่นจับ น้าก็ไม่ฟัง หนูเลยกัดที่มือของเขา จากนั้นเขาก็ชอกท้องหนู จนหนูไม่มีแรง เขาก็อุ้มหนูมาที่ไร่ข้าวโพดนี้และฉีกเสื้อผ้าของหนู หนูตกใจกลัวมากจึงกัดข้างล่างของเขาอีกที น้าผู้ชายคนนั้นก็นั่งมอเตอร์ไซค์ที่มีน้าอีกคนมารับแล้วหายไปเลย หนูไม่เคยออกนอกบ้านย่า เลยไม่รู้ว่าจะกลับบ้านย่ายังไง จึงได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้ทั้งวันเลย"

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)


เฉิน จิงทั้งโกรธและโมโห สามีของฉันก็เหมือนกัน จากนั้นเราก็พาลูกสาวกลับบ้านในเมืองทันที และไม่ได้ไปหาพ่อแม่สามีอีกเลย หลังจากวันนั้นลูกสาวก็ไม่สามารถไปเรียนได้ เพราะจิตใจยังคงหวาดกลัวมาก ต้องใช้เวลาอีกนานในการเยี่ยวยารักษา พาไปหาหมอจิตแพทย์เพื่อให้ลูกสาว เลิกมีอาการเหล่านี้ เฉิน จิง จึงอยากให้ผู้ปกครองหลายคนที่นำลูกกลับไปให้คนที่บ้านเลี้ยง ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะไม่เช่นนั้นลูกคุณอาจต้องเจอเรื่องราวเลวร้ายแบบนี้ได้ ฉันไม่อยากให้เด็กๆต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ คนเป็นพ่อแม่มันเจ็บยิ่งกว่า และยังคงโทษตัวเองอยู่จนทุกวันนี้


สร้างแนวคิดเรื่องอวัยวะต่างๆของร่างกายเพื่อป้องกันการข่มขืน

เมื่อเด็กมีอายุครบ 3 ปีขึ้นไป ผู้ปกครองสามารถเริ่มสอนเกี่ยวกับอวัยวะต่างๆของร่างกายได้แล้ว บอกว่าอวัยวะส่วนใดไม่ควรให้ผู้อื่นเห็นหรือจับต้อง เพราะเราเป็นเจ้าของร่างกาย หากรู้สึกว่าไม่สบายใจ หรือไม่ชอบสามารถบอกเขาว่าห้ามโดนตัวฉัน เพราะฉันรู้สึกไม่ชอบ ต้องปฏิเสธทันที เรียนรู้วิธีปกป้องตนเอง

ผู้ปกครองต้องพยายามสอนเด็กเป็นประจำจนเป็นนิสัย เช่น หากเด็กไม่ชอบที่จะให้ผู้ใหญ่จับตรงนั้นตรงนี้ ก็อย่าไปด่าว่าเด็ก เพราะนั้นเป็นวิธีการป้องกันตัวอีกวิธีหนึ่ง ให้เด็กเรียนรู้ที่จะเคารพร่างกายของคนอื่น และตนเอง ไม่ถูกต้องโดนตัวคนอื่น แม้จะเป็นญาติพี่น้องก็ตาม

(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)(เป็นเพียงภาพประกอบเนื้อหาเท่านั้น)


ที่มา : pandank.com

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์