หือ!! สามี ชวน ภรรยาไปกินข้าว หลังจากเขาพูดประโยคนี้ขึ้นมา เธอขอหย่าขาดทันที!

หือ!! สามี ชวน ภรรยาไปกินข้าว หลังจากเขาพูดประโยคนี้ขึ้นมา เธอขอหย่าขาดทันที!

เมื่อคนสองคนตัดสินใจมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน หรือตัดสินใจแต่งงานกัน จุดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตครอบครัว ซึ่งจุดหมายปลายทางของแต่ละครอบครัวจะเป็นแบบใดนั้น คงไม่สามารถคาดการณ์หรือบอกได้ว่า คุณสองคนจะเดินทางไปด้วยกันจนถึงจุดหมายปลายทางดังที่ผู้เฒ่าผู้แก่ได้อวยพรไว้ในวันสมรสว่า "ขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร" ได้หรือไม่เพราะการที่คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ในช่วงระยะข้าวใหม่ปลามันอะไรๆ เราก็พอจะยอมได้ แต่เมื่อชีวิตคู่เดินทางไปซักระยะหนึ่ง ความเป็นตัวตน นิสัยที่แท้จริงของแต่ละคนก็จะแสดงออกมา การจะให้เรามีนิสัยที่ถูกใจ ดีพร้อมสำหรับอีกคนคงเป็นเรื่องที่ยาก

ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้คนสองคนที่มาจากต่างครอบครัว ต่างการเลี้ยงดูสามารถมีชีวิตคู่ที่มีความสุข หวานชื่นได้อย่างยืนยาวได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองฝ่ายที่จะเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน หลักสำคัญที่จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ให้เข้มแข็งและมั่นคงยาวนาน แต่ก็มีอีกหลายคู่ที่ไม่สามารถใช้ชีวิตเคียงคู่กันไปได้ตลอดรอดฝั่ง เนื่องจากความไม่เข้าใจกันในบางเรื่องนั่นเอง อย่างเช่น สามีภรรยาคู่หนึ่ง ซึ่งเขาและเธอแต่งงานกันมา 5 ปีแล้วก็เหมือนกับคู่สามีภรรยาทั่วไป พวกเขาพ้นจากช่วงรักดูดดื่มมาแล้ว ในสายตาของเขา ชีวิตคู่ตอนนี้ราบเรียบไม่น่าสนใจ จนบางครั้งเวลาเขามองเห็นเธอก็รู้สึกว่าไม่ใช่อยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะเวลาไปทำงานแล้วเห็นสาวๆในออฟฟิศคุยกันถึงเรื่องเครื่องสำอางค์ เสื้อผ้า แล้วเวลาเดินผ่านก็ได้กลิ่นน้ำหอม พอตกเย็นกลับถึงบ้าน มาได้กลิ่นน้ำมัน กลิ่นอาหารจากตัวเธอเขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ใช่ ทำไม่เธอถึงไม่ดึงดูดให้เขาเข้าหาสักนิดเลยนะ

ตอนที่เราเพิ่งเป็นแฟนกันใหม่ๆเธอแต่งตัวสวยเสมอ ทำไมแต่งงานกันไม่กี่ปีถึงกลายเป็นยายแก่อยู่บ้านขนาดนี้ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เสน่ห์ของเธอจะต้องลดลงเรื่อยๆ บ่อยครั้งที่เวลาเขาไปกินเหล้ากับเพื่อนๆก็จะบ่นเรื่องนี้ให้กันฟัง เพื่อนๆที่เข้าใจโลกก่อนเขาก็จะแนะนำว่า "ผู้หญิงอ่ะนะ ก่อนแต่งก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อดึงดูดผู้ชาย แน่นอนว่าต้องแต่งตัวแต่งหน้าต้องสวยอยู่เสมอ แต่หลังจากมีคู่ควงแล้ว เธอก็จะเกาะติดแน่น เมื่อรู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว เธอก็จะขี้เกียจไม่ยอมแต่งตัวแต่งหน้า พูดง่ายๆว่ายิ่งเคยชินก็จะยิ่งไม่น่ามอง" เขาพยักหน้างึกๆเห็นด้วย รู้สึกว่าเพื่อนพูดมีเหตุผล ยิ่งทำให้ภรรยาไม่อยู่ในสายตา

วันหนึ่งในขณะที่ภรรยากำลังทำกับข้าวอยู่ในครัวนั้น เธอได้ตะโกนออกมาจากในครัวว่า " คุณ เกลือหมดแล้ว ไปซื้อให้หน่อย ฉันกำลังทำกับข้าว" เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง สองตาจองอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์แล้วตอบกลับมาว่า "ผมไม่ใช่เด็กรับใช้ แล้วคุณไม่เห็นหรือไง ผมกำลังยุ่งอยู่" เธอไม่รู้จะทำยังไง ทำได้แค่ปิดเตาแล้วลงไปซื้อเกลือเอง ตอนกินข้าว เขาจ้องผัดผักในจานแล้วก็บ่นว่า "คุณผัดผักยังไงเนี่ย ดำปี๋ ไม่เหมือนผักเลย" เขาไม่ได้สังเกตเลยว่าในดวงตาเธอเต็มไปด้วยคำถาม

จนกระทั่งวันเสาร์ อาทิตย์ของสัปดาห์หนึ่ง เพื่อนร่วมงานของเขาได้ชวนเขาและอีกหลายๆคนในแผนกไปกินข้าวที่บ้าน แถมยังเน้นว่า "อย่าลืมพาเมียมาด้วยนะ" ตอนแรกเขาไม่อยากพาเธอไปด้วย เขารู้สึกไม่ภูมิใจที่จะพาเธอออกงาน แต่เพื่อนชวนขนาดนี้ไม่พาไปก็น่าเกลียด ก่อนออกจากบ้านเขาถามเธอว่า "นี่คุณจะไปชุดนี้หรอ" ซึ่งในวันนั้น เพื่อนร่วมงานหลายๆคนไปถึงบ้านเพื่อนก่อนพวกเขา เพราะว่าเขารู้สึกว่าเธอไม่สวยพอ ก็เลยให้เธอแนะนำตัวง่ายๆแล้วก็พาเธอเข้าไปช่วยงานในครัว "เฮ้ พวกนายสองคนนี่โชคดีจริงๆ เมียพวกนายทำกับข้าวฝีมือสุดยอด" พออาหารวางบนโต๊ะ เหล่าเพื่อนร่วมงานก็ชมฝีมือทำอาหารของเธอ และภรรยาเจ้าของบ้าน "ผักดำไปหน่อย แต่รสชาติก็ไม่เลวนะ" เพื่อนร่วมงานที่เพิ่งเข้ามาใหม่พูดแบบคนปากไม่มีหูรูด "ทำไมคุณทำแบบนี้ รู้มั้ยผมขายหน้า" เขากดเสียงต่ำกระซิบว่าเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ เธออายที่โดนเขาว่า แต่ก็ไม่อยากให้คนอื่นให้ความสนใจ ก็เลยไม่พูดอะไร

"โอ๊ย พวกคุณอย่ามาว่าฉันนะ ต้องโทษคุณสิงห์เลย (เจ้าของบ้าน) ผัดผักไปได้ครึ่งนึงปรากฏว่าเกลือหมด ถ้าไม่เพราะคุณสุ ออกไปซื้อเกลือให้ ป่านนี้ทุกคนคงได้กินแกงจืดแล้ว" " เป็นความผิดผมเองคนเดียว เมื่อวานผมบอกเองว่าต้องซื้อเกลือ แล้วก็ลืมซะได้ เมื่อวานกินข้าวเสร็จพอต้องล้างจานก็ลืมหมด" "คุณสิงห์ คุณนี่รักภรรยาจริงๆช่วยล้างจานด้วย" "คุณสิงห์เขามีชื่อด้านรักภรรยา พวกคุณดูกระโปรงที่คุณดาใส่สิ สวยใช่มั้ย นั่นน่ะคุณสิงห์เขาเลือกอยู่นานตอนไปทำงานต่างประเทศครั้งที่แล้วเลยนะ" ทุกคนคุยกันอย่างสนุกสนานโดยไม่มีใครสังเกตว่าเขาจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว และเธอก็นั่งกินข้าวไปเงียบๆ

วันที่สอง เขาเลิกงานกลับถึงบ้าน พบว่าในบ้านไม่มีใครอยู่ เขาหิวมาก รีบโทรหาเธอทันที "ทำไมคุณยังไม่กลับบ้านมาทำกับข้าว?" เธอตอบกลับมาว่า "ฉันไม่ใช่หม้อหุงข้าวของคุณ" แล้วเธอวางหูไป เขาโกรธมาก พอกดโทรไปอีกรอบก็พบว่าเธอปิดเครื่องไปแล้ว คืนนั้นเขาคิดว่าเธอแค่งอน แต่รอจนเที่ยงคืนผลอยหลับไปตื่นขึ้นมาก็พบว่าเธอยังไม่กลับบ้าน เมื่อเปิดโทรศัพท์ออกดู ก็พบข้อความจากเธอ "ตอนที่คุณว่าฉันว่าฉันผัดผักดำ คุณเคยคิดมั้ยว่าพวกมันเคยสีเขียวสวยมาก่อน แต่เพราะมันรอให้ใส่เกลือไม่ทัน ตอนที่คุณบ่นว่าฉันไม่สวย คุณเคยคิดมั้ยว่าฉันก็เคยสวยสดชื่น แต่น่าเสียดายที่ฉันยอมเสียสละความสวยสดนั้นให้การแต่งงาน ทุ่มเทให้ครอบครัว ให้สามีที่ไม่รู้คุณค่าของฉัน ฉันรู้คุณเบื่อฉันแล้ว ในเมื่อคุณรู้สึกอย่างนั้น เราก็เลิกกันเถอะ"

เขาอึ้งไป รีบกดโทรศัพท์หาเธอ แต่ก็ได้ยินแค่ "หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้..." กลางดึกคืนนั้น ผู้ชายคนหนึ่งมองข้อความที่ภรรยาส่งมาให้ด้วยน้ำตา ผู้ชายหลายๆคนไม่เคยรู้ว่า การที่ต้องเลิกงานแล้วกลับมาทำกับข้าวมันเหนื่อยแค่ไหน พวกเขาแค่มีหน้าที่กินแล้วก็บ่นอย่างเดียว

ผู้ชายหลายคนไม่เคยรู้ว่า เงินเดือนของภรรยาต้องใช้สอยในบ้านมากแค่ไหน แล้วเธอเหลือเงินเท่าไหร่ไว้ใช้แต่งตัว พวกเขาก็ทำได้แค่บ่นว่าเมียไม่สวย

ผู้ชายหลายคนไม่เคยรู้ว่า ภรรยาที่ทำงานมาทั้งวัน เลิกงานแล้วต้องมาทำกับข้าว ดูแลลูก ซักผ้า ทำงานบ้าน เหลือเวลาดูแลตัวเองสักแค่ไหน?

ผู้ชายหลายคนไม่เคยรู้ว่า เวลาผู้หญิงเจอปัญหาเธออยากให้ผู้ชายของเธอมาช่วยแบ่งเบา พวกเขาก็ได้แต่บ่นว่าเหนื่อยแล้ว

 

แต่แท้ที่จริงแล้ว การแต่งงานใช้ชีวิตระหว่างคนสองคนนั้น แค่ทั้งคู่มีความเข้าใจต่อกันและกัน เชื่อเถอะว่าทั้งคู่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและสามารถจับมือเคียงคู่กันไปตลอดชีวิต

 

 


ข้อมูล : liekr

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
รวมข่าวในกระแส คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์