เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้เปิดเผยเรื่องราวของชาวเน็ตท่านหนึ่ง โดยเรื่องราวมีอยู่ว่า.. ฉันกับสามีแต่งงานกันได้ 3 ปีแล้ว เรามีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่น ถึงแม้ว่าเราจะยังไม่มีลูก แต่เราสองคนก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขทุกวัน
ถึงแม้ฉันจะรู้ดีว่าปัญหาที่เราไม่มีลูกกันสักทีก็อาจจะมาจากฉันเองที่สุขภาพไม่ดี แต่สามีก็ไม่เคยเร่งรัด ทำให้ฉันรู้สึกไม่กดดัน แต่หลังจากที่เราแต่งงานกันได้ 3ปี ฉันก็ตั้งครรภ์ ฉันดีใจมากรีบบอกกับสามีทันที ในตอนแรกสามีดีใจ แต่ก็หยุดเงียบไปซักพัก แล้วบอกให้ฉันไปเอาเด็กออก ฉันโวยวายและไม่เข้าใจว่าทำไมสามีต้องให้ฉันไปเอาลูกในท้องออก
จนตอนหลังสามีรอให้ฉันสงบสติอารมณ์แล้วมานั่งคุยกัน เขาจึงยอมรับกับฉันว่าเขาตรวจเจอมะเร็งตับ ระยะสุดท้าย ทำให้เขาเหลือเวลาอีกไม่มาก เขาอยากจะให้ฉันทำแท้ง นั่นก็เพราะว่าเขาไม่อยากให้ฉันต้องลำบากเลี้ยงลูกลำพังในวันที่เขาจากไป เขาพูดกับฉันว่า "ช่วงเวลาที่เหลือของผม อยากจะดูแลคุณให้ดีที่สุด เราสองคนใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีคุณค่า และผมไม่อยากให้คุณต้องลำบาก การเลี้ยงลูกคนนึงมันเป็นเรื่องใหญ่มากนะ ผมไม่อาจอยู่ช่วยคุณเลี้ยงลูก และหลังจากนี้คุณอาจจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น คุณยังสาวอยู่ยังมีโอกาสได้เจอคนอื่นอีก เอาเด็กออกเถอะนะ"
ฉันน้ำตาไหลออกมา ทั้งเศร้าทั้งเสียใจ ไม่มีคำพูดใดๆที่จะตอบเขา ฉันเองก็เข้าใจเจตนาของเขา แต่ลูกในท้องฉันก็รักและอีกอย่างก็เป็นลูกของเราสองคน ฉันตอบตกลงเพื่อให้เขาสบายใจ แต่ฉันคงไม่ไปเอาเด็กออกอย่างแน่นอน เพราะยังไงลูกฉัน ฉันก็ต้องพยายามทุกวิถีทางเพื่อจะเลี้ยงดูให้ได้ถึงแม้จะไม่ได้ดีที่สุด แต่ฉันก็จะทำหน้าที่แม่ให้ดีที่สุด
ผ่านไป 4 เดือน สามีพ่ายแพ้โรคมะเร็งร้ายจากฉันไปอย่างไม่มีวันกลับ ตอนนี้ท้องของฉันเริ่มโตขึ้น ฉันรู้สึกดีจริงๆที่ไม่ตัดสินใจทำแท้ง การที่ฉันยังมีลูก นั่นทำให้ฉันมีกำลังใจที่จะสู้ต่อไปในชีวิต และต้องขอบคุณที่เขาได้มอบของขวัญที่สำคัญที่สุด ก่อนที่เขาจะจากฉันไปอย่างไม่มีวันกลับ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
