“น้าโต๊ด” กู้ภัยไร้แขนขา แต่ใจน้าเกินร้อย!!!

“น้าโต๊ด” กู้ภัยไร้แขนขา แต่ใจน้าเกินร้อย!!!

ได้มีโอกาสอ่านบทสัมภาษณ์หนึ่ง ทำเอาอึ้งไปพักหนึ่งพร้อมทั้งย้อนมองสังคมไทยทุกวันนี้แล้วต้องขอบอกเลยว่าชายคนนี้น่านับถือหัวใจ น้าโต๊ด กู้ภัยที่มีหัวใจเทวดา… นายบุญ นาหอม หรือที่ใครหลายคนได้มีโอกาสรู้จักและมักเรียกหาด้วยความสนิทสนมรักใคร่ในหมู่เพื่อนๆ ว่า “น้าโต๊ด” หลายคนอาจเพิ่งเคยรับรู้ถึงเรื่องราวที่ถูกแชร์กันอย่างมากมายในโลกโซเชียล เนื่องจากมีภาพของน้าโต๊ด อาสากู้ภัยที่มีร่างกายพิการไร้แขนขาเข้าช่วยเหลือหญิงที่ตั้งครรภ์ลากรถเสียไปส่งจนกระทั่งถึงที่หมาย ทำให้เรื่องราวของน้าถูกแชร์เป็นวงกว้างเนื่องจากผู้ที่ได้พบเห็นภาพดังกล่าวต่างกล่าวชื่นชมถึงการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคมไทย

น้าโต๊ดในวัยเด็กนั้น เกิดและเติบโตที่จังหวัดจันทบุรี พ่อแม่มีอาชีพทำไร่ทำนา ในบรรดาพี่น้อง 5 คน น้าโต๊ดเป็นบุตรคนที่สี่ และเป็นคนเดียวที่เกิดมามีร่างกายพิการไร้แขนขาผิดปกติจากพี่น้อง และจากความไม่ครบ32 เรื่องของงานบ้านในวัยเด็กจึงไม่ได้ช่วยเลย ส่วนพี่น้องคนอื่นๆ ก็ได้ไปเรียนหนังสือกันส่วนตัวเองอยู่แต่บ้าน จนอดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ที่ไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนคนอื่นๆ แต่โชคยังดีที่ถึงแม้จะไม่ได้เรียนในโรงเรียน แต่ทุกๆ เย็นเมื่อโรงเรียนเลิก เพื่อนๆจะมาสอนผมอ่านหนังสือ ซึ่งผมก็พยายามศึกษาหาความรู้เองทีละเล็กทีละน้อยจนสามารถอ่านออกเขียนได้ พอผมอายุได้ 18-19 ปีก็เป็นจุดเริ่ม..ตัดสินใจออกจากบ้านเพราะไม่ต้องการให้ตัวเองอยู่เป็นภาระใคร ไปพักอยู่ที่ห้องเช่าของเพื่อน ซึ่งในตอนนั้นตัวเองก็ยังไม่มีรายได้อะไร กินอยู่ก็อาศัยเพื่อน จนกระทั่งมาคิดว่าเราน่าจะหารายได้เลี้ยงตัวเองบ้างจึงตัดสินใจไปเป็นขอทานอยู่แถวๆบางบอน เคยโดนประชาสงเคราะห์จับตัวจึงเกิดความละอายใจเลยเปลี่ยนไปร้องเพลงตามสวนอาหาร รายได้ก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ ได้คืนละ 200-300 บาท บางคืนไม่ได้เลยก็มี บางทีก็มีอารมณ์ท้อแท้ใจในโชคชะตาชีวิตแต่ดีว่าเป็นคนที่มีเพื่อนฝูงที่ดี จึงให้ทำมีกำลังใจสู้

“น้าโต๊ด” กู้ภัยไร้แขนขา แต่ใจน้าเกินร้อย!!!

จุดเริ่มต้นความคิดที่จะมาเป็นอาสา..เนื่องจากในระหว่างที่ขี่มอไซต์ตระเวนหาที่ร้องเพลง ทำให้ตัวเองได้พบเห็นอุบัติเหตุบ่อยครั้ง จึงทำให้อยากที่จะเป็นอาสา เพราะหวังว่าหากคนที่กำลังประสบอุบัติเหตุเป็นตัวเอง เราก็อยากให้มีใครสักคนมาช่วยเหมือนกัน โดยตอนที่เข้าเป็นอาสาใหม่ๆ ก็เป็นคนที่กลัวเลือด กลัวผี แต่ด้วยจิตที่เราตั้งใจจะเข้าไปช่วยเหลือเขาจึงทำให้คิดว่าเขาน่าจะไม่มาหลอกหลอนเรา ทำบ่อยๆ จนกระทั่งเป็นความเคยชินไป เพราะทำอาสามาถึงตอนนี้ก็ประมาณ 15 ปีแล้ว รู้สึกภูมิใจที่ได้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ช่วยเหลือสังคม โดยสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถตีค่าราคาเป็นเงินได้ แค่ได้รับคำกล่าวขอบคุณก็เหมือนเป็นกำลังใจให้ผมอยากที่จะทำงานตรงนี้ต่อไปเรื่อยๆ และทุกครั้งที่ทำความดีผมมักที่จะแอบอธิษฐานในใจว่า ชาติหน้าขอให้มีร่างกายครบ 32 เหมือนคนอื่น ส่วนชาตินี้ร่างกายเป็นแบบนี้ ผมก็ยอมรับว่าคงเป็นเพราะกรรมในอดีตที่เราทำมา ชาตินี้ขอเพียงผมได้มีโอกาสทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม ได้ทำความดีเรื่อยไปแบบนี้ก็พอใจมากแล้ว

ขอบคุณข้อมูลจาก :postjung/social24hr

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์