เปิดไทม์ไลน์คดี สรยุทธ-ไร่ส้ม จากวันแรก สู่บทสรุปที่คุก6ปี

"สรุปย้อน “คดีไร่ส้ม”

ถึงวันศาลสั่งจำคุก ‘สรยุทธ’

—————

⚫️ จุดเริ่มต้นของ “ไร่ส้ม”

1- ปี 2547 "สรยุทธ สุทัศนะจินดา” นักข่าวและพิธีกรซึ่งโด่งดังจากรายการ “ถึงลูกถึงคน” ได้ก่อตั้ง "บริษัท ไร่ส้ม จำกัด" ขึ้นเพื่อรับจ้างผลิตรายการโทรทัศน์ต่าง ๆ

2- ปี 2548 บริษัทไร่ส้มกับ “อสมท” ได้ร่วมกันผลิตรายการ "คุยคุ้ยข่าว" โดยสรยุทธเป็นผู้ดำเนินรายการร่วมกับ “กนก รัตน์วงศ์สกุล” ออกอากาศทางช่อง 9 อสมท

3- สัญญาระบุว่า อสมท เป็นผู้ลงทุนเวลาออกอากาศ ส่วนไร่ส้มเป็นผู้ลงทุนผลิตรายการ แล้วแบ่งเวลากันขายโฆษณา โดยต่างคนต่างขาย

4- รายการประสบความสำเร็จอย่างมาก จนต้องเพิ่มวันออกอากาศ ดังนี้

- จันทร์-ศุกร์ เวลา 21.30 - 22.00 น.

(ให้ขายโฆษณาได้ 2.30 นาที

ราคาโฆษณานาทีละ 240,000 บาท)

- เสาร์-อาทิตย์ เวลา 12.00 - 13.00 น.

(ให้ขายโฆษณาได้ 5 นาที

ราคาโฆษณานาทีละ 200,000 บาท)

5- เงื่อนไขหนึ่งในการขายโฆษณาคือ ถ้าไร่ส้มขายโฆษณาเกินเวลา ไร่ส้มจะต้องจ่ายค่าโฆษณาเกินเวลาให้ อสมท ตามราคาโฆษณาข้างต้น โดย อสมท จะลดให้ 30%

6- อสมท ได้มอบหมายให้ "นางพิชชาภา เอี่ยมสะอาด" (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น "ชนาภา บุญโต") เจ้าหน้าที่ธุรการของ อสมท เป็นผู้จัดทำคิวโฆษณาของไร่ส้ม ถ้าไร่ส้มขายโฆษณาเกินเวลา นางพิชชาภาจะต้องแจ้ง อสมท เพื่อเรียกเก็บเงินจากไร่ส้มต่อไป

—————

⚫️ ค่าโฆษณาเกินเวลากับน้ำยาลบคำผิด

7- กรกฎาคม 2549 อสมท สังเกตเห็นว่ารายการ "ข่าวเที่ยงคืน" ซึ่งมีคิวต่อจากรายการ "คุยคุ้ยข่าว" ออกอากาศช้ากว่าเวลาที่กำหนดหลายครั้ง แต่นางพิชชาภาไม่เคยแจ้งโฆษณาเกินมาที่ อสมท เลย

8- จึงนำไปสู่การตรวจสอบ จนพบว่าไร่ส้มขายโฆษณาเกินเวลามาตั้งแต่ 4 กุมภาพันธ์ 2548 - 30 มิถุนายน 2549 คิดเป็นเงินค่าโฆษณาเกินเวลาร่วม 100 ล้านบาท โดยนางพิชชาภาช่วยปกปิดมาตลอด

9- ต่อมานางพิชชาภายอมรับว่าช่วยปกปิดจริง อ้างว่าสรยุทธและ "น.ส.มณฑา ธีระเดช" พนักงานไร่ส้ม เป็นคนขอให้เธอใช้น้ำยาลบคำผิดลบคิวโฆษณาเกินของไร่ส้ม

10- เมื่อตรวจสอบต่อไปก็พบว่าสรยุทธได้สั่งจ่ายเช็คให้นางพิชชาภา 6 ครั้ง เป็นเงิน 739,770 บาท เพื่อตอบแทนที่นางพิชชาภาช่วยปกปิดเรื่องโฆษณาเกินเวลานี้

11- วันที่ 20 ตุลาคม 2549 ไร่ส้มยอมชำระเงินค่าโฆษณาส่วนเกินคืนให้ อสมท เป็นเงิน 152,969,497 บาท (รวมดอกเบี้ยและภาษีมูลค่าเพิ่ม) แต่การไต่สวนยังดำเนินต่อไป

12- วันที่ 20 กันยายน 2555 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 7:0 ชี้มูลความผิดว่า นางพิชชาภามีความผิดทางวินัยร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญา ส่วนนายสรยุทธและ น.ส.มณฑา มีมูลความผิดทางอาญา ฐานสนับสนุนพนักงานกระทำความผิด

13- ตอนนั้นสรยุทธกำลังโด่งดังสุด ๆ จากรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้" และ “เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์" ที่ออกอากาศทางช่อง 3 ซึ่งเรตติ้งพุ่งกระฉูด

14- แม้ ป.ป.ช. จะชี้มูลความผิดแล้ว แต่สรยุทธก็ยังมาจัดรายการดังกล่าวตามปกติ จนเกิดเป็นกระแสสังคม เรียกร้องและกดดันให้สรยุทธหยุดทำหน้าที่จนกว่าจะพ้นผิด จนเมื่อศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาแล้ว สรยุทธจึงได้ยุติการจัดรายการ และให้คนอื่นมาจัดแทน

—————

⚫️ คำพิพากษาของศาลชั้นต้น

15- วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2559 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้

- จำคุกนางพิชชาภา 20 ปี โดยไม่รอลงอาญา

- จำคุกสรยุทธและ น.ส.มณฑา คนละ 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

- ปรับบริษัทไร่ส้มเป็นเงิน 80,000 บาท

16- ทั้งสามคนได้ประกันตัวออกมา ราคาประกันคนละ 2 ล้านบาท แล้วยื่นอุทธรณ์

—————

⚫️ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์

17- วันที่ 29 สิงหาคม 2560 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น และไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทำให้ทั้งสามคนถูกส่งตัวไปเรือนจำทันที

18- จนกระทั่งเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2560 ศาลจึงอนุญาตให้ทั้งสามคนประกันตัวได้ระหว่างยื่นฎีกา ในราคาประกันคนละ 5 ล้านบาท

—————