สาวไทย เผย การใช้ชีวิตช่วงปิดเมือง ในจีน!?!

เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 63 ที่ผ่านมา ได้มีสมาชิก FB.Nampetch Limwachiranon ที่เคยเล่าถึงประสบการณ์การใช้ชีวิตในช่วงโควิดกำลังระบาดอย่างรุนแรงในประเทศจีน จนมีผู้คนแห่ตามกันเป็นจำนวนมากมาแล้ว

ล่าสุดได้ออกมาเล่าถึงประเด็นการใช้ชีวิตในช่วงการเกิด lockdown เพื่อให้หลายๆคนได้ทราบว่าแท้จริงแล้ว การปิดเมืองนั้นน่ากลัวอย่างที่หลายๆคนเข้าใจหรือไม่ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้...

ต้องกักตุนอาหารมั้ย？กลัวอาหารหมด กลัวราคาแพง ？

บอกตามตรงเราไม่เคยกักตุนอาหารเลยนะช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าจะมีรูปชั้นโล่งๆในซุปเปอร์มาร์เก็ตตามห้างและเมืองต่างๆถูกแพร่ออกมาอย่างไม่ขาดสายตั้งแต่ช่วงเริ่ม lockdown เราก็ไม่คิดจะกักตุน

เราคิดว่า ถ้าเกิดการ lockdown จริงๆ supply chain เดียวที่ไม่มีทางขาดคือ food supply chain หรือ โซ่อุปทานอาหาร เส้นเลือดใหญ่ที่ใช้ล่อเลี้ยงคน

อยากให้ตั้งสติกันไว้ก่อนนะ รูปพวกนั้นที่เราเห็นกันตามสื่อ ใช่ ชั้นมันโล่งจริงๆ แต่เชื่อมั้ยไม่เกินสิบนาทีเค้าก็เอาของมาเติม ถ้าหมดจริงๆเพราะคนแห่ไปซื้อกันเยอะ เดี๋ยววันรุ่งขึ้นก็มีของเข้ามา ซึ่งไม่มีใครออกมาบอก เพราะเค้าแค่อยากขายภาพชั้นโล่งๆ

เราไม่เคยถ่ายภาพชั้นโล่งๆมาโพสต์เพราะส่วนตัวเรารู้สึกว่ามันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำให้คนรอบตัวรู้สึกตื่นเต้นว่าสถานณ์การณ์ที่เราเจอมันเริ่มคับขันแล้วนะทั้งๆที่ในใจเรารู้ดีว่าชั้นข้างหลังหรือชั้นล็อคข้างๆไม่ได้โล่ง

ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา เวลามีคนถามเราว่าขาดแคลนอาหารมั้ย เราตอบว่าไม่ขาด “เพราะถ้า มาม่า หมด ก็จะยังมี ยำยำ และถ้า ยำยำ หมด ก็จะยังมี ไวไว” 555 ไม่มีทางที่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทุกยี่ห้อที่วางขายในห้างจะหมด เพราะคนยังเลือกซื้อเป็นยี่ห้อๆไปอยู่ สิ่งที่แย่ที่สุดที่จะเกิดขึ้นได้คือ วันนั้นคุณอาจจะหายี่ห้อหรือรสชาติที่ชอบไม่ได้ แต่คุณจะไม่อดตาย และวันรุ่งขึ้นหรืออีกไม่เกินสองวันบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปยี่ห้อโปรด รสโปรดของคุณก็จะกลับมา ในวันที่เราหากุ้งสดไม่ได้ เราก็ซื้อกุ้งแช่แข็ง วันที่เราหาสันนอกหมูไม่ได้ เรายังได้สันในติดมือกลับมา

เราไม่ได้กักตุนอาหารสำหรับเอาไว้กินเป็นเดือนๆ เราออกไปซื้ออาหารเข้าบ้านเฉลี่ย 4-7 วันต่อครั้ง พอใกล้หมดก็ออกไปซื้อใหม่ เชื่อมั้ยถ้าถูก lockdown ขึ้นมาจริงๆ คุณจะนับวันรอให้ถึงวันที่ได้ออกไปเดินเลือกต้นหอม ผักชี ไข่เป็ด ไข่ไก่ ในซุปเปอร์มาร์เกต ดังนั้นไม่ต้องกักตุนเป็นเดือนเพราะคุณจะหาเรื่องออกไปข้างนอกอยู่ดี 55

แล้วใครที่ควรกักตุน

1. เดินทางไม่สะดวกมากๆ ถ้าถูก lockdown จริงๆ ซุปเปอร์มาร์เกตตามห้างต่างๆจะกลายเป็นที่กระจายอาหาร ตลาดสดอาจจะต้องปิดชั่วคราวเพื่อระวังเรื่องสุขอนามัย ลองดูในชุมชนที่อยู่อาศัยของคุณมีห้างมั้ย ถ้าไม่มี ถ้าคิดว่าเดินทางลำบากมาก ไม่มีรถส่วนตัว กักตุนได้ (เพราะถ้า lockdown จริง รถโดยสารสาธาณะจะปิดให้บริการทั้งหมด ในกรณีที่จีนนะ) ถ้ามีรถส่วนตัว เดินทางสะดวก เสียสละให้คนที่เดินทางลำบากไปก่อน

2. คนที่มีโรคประจำตัว อาหารที่ทานได้ค่อยข้างจำกัด อาธิเช่น คนที่เป็นโรค celiac ทานได้เฉพาะ gluten-free product

3. ผู้สูงวัยที่อยู่บ้านกันเอง ไม่มีลูกหลาน เราควรเสียสละให้คนเหล่านี้กักตุนอาหาร เพราะเค้าทั้งเดินทางลำบากทั้งเป็นกลุ่มเสี่ยง เราเห็นภาพแชร์ๆกันในต่างประเทศที่ grandma grandpa ยื่นมองชั้นอาหารโล่งๆ อย่าให้เกิดภาพนั้นในไทยเลย ถ้าวันนี้ไม่มีของ อีกวันเราค่อยกลับไป แต่คนเฒ่าคนแก่ เค้าเดินทางลำบากกว่าเรามาก

4. คนท้อง หลีกเลี่ยงเลย อย่าให้คนท้องต้องออกไปจ่ายตลาดเองช่วง lockdown ไม่มีวิจัยยืนยันว่าคนท้องอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูง แต่มีเคสยืนยันว่าโควิท 19 ส่งต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์ได้ ที่สำคัญ หากคนท้องใส่หน้ากากนานมากๆ ออกซิเจนไม่พอ อาจเป็นลมเอาได้ มีเคสที่เมืองข้างๆ คุณลุงคนนึงเป็นลมล้มพับไป ตอนนั้นคนแตกตื่นมากเพราะคิดว่าลุงติดเชื้อ สรุปแล้วเป็นเพราะอากาศไม่พอ ลุงใส่ N95 เราเลยคิดว่าคนท้องระวังไว้ก่อนก็ดี

5. คนที่สุขภาพอ่อนแอและคิดว่าตัวเองเป็นกลุ่มเสี่ยง อาจจะกักตุนได้บ้าง จะได้ออกไปข้างนอกน้อยหน่อย

ทั้งนี้ทั้งนั้น ระบบการจัดการของแต่ละที่ก็อาจมีผล ส่วนตัวในเมืองที่เราอยู่ พอรู้ว่าจะ lockdown เราก็ตั้งพิกัดเลยว่าเราสามารถไปซื้ออาหารห้างไหนได้บ้าง เราประเมิณสถานการณ์แล้วคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกักตุน ”ลองพิจารณาชุมชนที่คุณอยู่กันว่ามีความจำเป็นแค่ไหน“ ถ้าไม่ได้มีความจำเป็นอะไร อย่าพยายามกักตุน เพื่อให้คนทั้งห้ากลุ่มที่เรากล่าวไปได้มีโอกาสได้กักตุนก่อน เพราะพวกเค้ามีความจำเป็นจริงๆ

ราคาอาหารช่วง lockdown เป็นยังไง

ราคาสูงขึ้น เฉพาะ สินค้าที่ไม่มีราคาตายตัว แต่สินค้าพวก มาม่า ขนมกรุ๊ปกรอป กระดาษทิชชู่ น้ำมัน ซีอิ้ว ซอสหอยนางรม น้ำปลา น้ำตาล ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำขวด เครื่องดื่ม สินค้าแปะยี่ห้อ ราคาเท่าเดิมหมด เพราะการขึ้นราคามันชัดเจนเกินไป อาจโดนประนามได้ 555

แต่สินค้าอาธิเช่น ผักหรือเนื้อสัตว์ ซึ่งราคาขาย ขึ้นลงรายวันอยู่แล้ว สูงขึ้นกว่าปกติ ในกรณีที่จีนนะ ราคาผักโดดมากช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์แรกเพราะคนจีนชอบกินผัก แต่ไม่ได้โดดทุกอย่าง มีช่วงนึง หัวไชเท้าหัวละห้าสิบบาท แต่ผักกาดขาว ขนาดเท่าหัวเรายังราคาแค่ แปดบาท เราก็กินผักกาดสิ 5555 เดี๋ยวพอหัวไชเท้ามาเพิ่มมันก็กลับไปห้าบาทเหมือนเดิม เราค่อยกินหัวไชเท้า ราคาเนื้อหมูนี่สูงขึ้นช่วงแรกๆ อยุ่ที่ว่าซื้อเนื้อส่วนไหนด้วย เนื้อไก่นี่ราคาค่อนข้างนิ่ง เนื้อกับเป็ดนี่แพงคงเส้นคงวา ส่วนอาหารทะล ช่วงแรกๆ ราคาดิ่งเหวไปเลย เพราะคนไม่กล้ากิน ห้างก็ต้องเอาออกมาโละ อย่างกุ้งปกติโลละสามร้อยห้าสิบบาท ช่วงระบาด เหลือโลละสองร้อย ซึ่งเราเองก็ไม่กล้าซื้อ ตอนนี้ราคาเดิม แซดดดด 555

หวังว่าโพสนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ไม่แน่ใจว่าสรุปแล้วต้องกักตุนอาหารมั้ย ต้องเตรียมตัวอย่างไร ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขอให้ลองตั้งสติแล้วทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ความจำเป็นของแต่ละคนไม่เท่ากัน ข้อจำกัดก็แตกต่างกันดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำความเข้าใจกับสถานการณ์รอบตัวให้มากที่สุดก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ