นักสิทธิฯ ตำหนิ มิ้นท์ ไอโรมอะโลน ไปอัฟกานิสถาน ในภาวะแบบนี้

น.ส.บุษยาภา ศรีสมพงษ์ ทนายความสิทธิมนุษยชน นักวิจัยด้านความรุนแรงในครอบครัว และผู้ก่อตั้ง S-Hero กลุ่มรณรงค์ในเรื่องการยุติความรุนแรง โพสต์ข้อความกรณี ของกระแสวิจารณ์ มิ้นท์ ไอโรมอะโลน หรือ น.ส.มณฑล กสานติกุล เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ I Roam Alone ซึ่งเดินทางไปทำคอนเทนต์ที่ประเทศอัฟกานิสถาน และโพสต์ข้อความทำนองว่า กลุ่มตาลิบานโจมตีใกล้สนามบินในเมืองที่อาศัยอยู่ เที่ยวบินถูกยกเลิกทั้งหมด ต่อมาอ้างว่าติดต่อกับเพื่อนในสถานทูตอัฟกานิสถานแล้ว เช็กสถานการณ์ไม่มีอะไรต้องห่วง ไม่มีอะไรรุนแรง และอีก 2-3 วันเครื่องบินจะกลับมาบินตามปกติ

อ้างว่าที่เสี่ยงไปอัฟกานิสถานเพราะคิดว่าไม่น่ากลัว ตนทำการบ้านมาอย่างดี เช็กข่าว เช็กคนท้องถิ่น เช็กนักเดินทางที่เพิ่งกลับ ทุกคนบอกว่ายังมาได้ เลยตัดสินใจมา ซึ่งชาวเน็ตต่างวิจารณ์ว่าขณะนี้อยู่ในภาวะสงคราม เสี่ยงอันตรายต่อการถูกจับเรียกค่าไถ่

โดย น.ส.บุษยาภา ศรีสมพงษ์ โพสต์ว่า

เพิ่งได้อ่านประเด็น มิ้น I Roam Alone เห็นเพื่อนด่ากัน ปกติไม่ได้ติดตามเขา

เราก็เคยคิดอยากไปทำงานในWar zone ดินแดนที่เสี่ยงๆ จริงๆก็เคยวางแผน เคยไปเทรนที่ต่างประเทศ เพื่อวันนึงจะสามารถไปได้ จนมานั่งถามตัวเองว่า

What do I have to offer? แบบ ไปแล้ว คุณมีอะไรให้เขา ช่วยอะไรเขาได้บ้าง สิ่งนี้เป็นอะไรที่ humanitarian aids ทุกคนควรรีเช็คกับตัวเองเสมอ โดยเฉพาะเวลาไปทำงานที่ที่เป็น emergency settings

สิ่งต่อมาที่เราไม่ค่อยโอเคกับblogger ทั้งหลายคือความไม่มีหลักจริยธรรมใดๆ เช่น มองคนเป็น human zoo ถ่ายรูปคนรูปเด็กมาลง แบบต่อให้เขาอนุญาต (โดยอาจไม่informed consent) เป็นสิ่งที่ไม่ควร ขนาดเวลาเราเดินทางในฐานะนักท่องเที่ยว เรายังระวังเรื่องความเป็นส่วนตัวของคนอื่นเลย

การจะเข้าใจCulture คนอื่น มันไม่ใช่การนั่งคุยกับคน1คนและตัดสิน(stereotype) ทั้งประเทศ สิ่งที่เขียนออกมายิ่งถ้าทำให้พื้นที่ที่คุณไปแม่งดูต้อยต่ำเหลือเกิน เพียงเพื่อจะให้ตัวเองดูบู๊ อันนี้ก็แบบนอกจากจะไม่มีอะไรดี แล้วยังสร้างผลกระทบด้านลบกับคนอื่น

คนอย่างคุณมิ้นอาจจะต้องทำการบ้านเรื่องethicและการลงพื้นที่ เซิสหาไม่ยากนะ ว่าบทบาทไหนที่media actorไม่ควรทำในพื้นที่แบบนี้ ไม่งั้นจะกลายเป็นการขายดราม่าแบบไม่เห็นหัวคนในพื้นที่เลย

-----------
[เพิ่มเติม จากคอมเม้นเราด้านล่าง ยกมาไว้บนนี้]

คนแชร์เยอะเฉย งั้นเราขอเพิ่มอีกนิด

- เราว่าคนโกรธเพราะปัญหาในประเทศไม่เห็นจะพูดถึงเลย แต่ปัญหาในประเทศอื่น ๆ ทำเป็น enlighten

- ทุกคนรู้ว่าอัฟกานิสถานมันเป็น War zone เข้าไปทำไม ไปเป็นภาระให้คนอื่นทำไม ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาอ่ะ โดนเรียกค่าไถ่ ใครลำบาก ก็ diplomatic issueอีก เขาentitled มากอ่ะ ขนาดUNจะไปยังยากเลย และพอท่านเลขาทูตไปคุยด้วยก็เสือกไปกวนตีนท่านอีก คือแบบ ทำการบ้านแล้วจริงเหรอ

- การเข้าไปของมิ้นไม่ใช่ communication for development คือการไปแบบ มองเขาแบบ human zoo เทอไม่ได้add value อะไรกับชีวิตเขาเลย ในขณะนี้การใช้สื่อที่มีประโยชน์ก็ทำได้ แต่ไม่ทำ

- แน่นอนว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของblogger ที่จะมาทำตัวเป็นนักสิทธิต่างๆ แต่เวลาลงพื้นที่เสี่ยง พื้นที่war zone ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยูจะไปเช่นกัน จะไปที่อื่นและไม่add value ใดๆ ก็เรื่องของยู แต่ไปพื้นที่ชายขอบ พื้นที่อันตราย ก็มีความรับผิดชอบบ้าง

- นักข่าวที่ลงพื้นที่เสี่ยงและโดนอะไรขึ้นมา โดน abduct ขึ้นมา ตอนมีปัญหาคือเงินแก้ปัญหาคือเงินภาษีของประเทศ เขาจะลงพื้นที่ก็ต้องrisk assessment

- ในแต่ละทริป Blogger ไม่ได้ไปadvocateเพื่อสร้างความตระหนักรู้ใดๆ แล้วประเด็นที่มันเกิดในแต่ละประเทศ ข้อมูลมันก็มีอยู่แล้ว และมีที่ดีๆ ด้วย เขาไปเพื่อตัวเขาเอง เพื่อภาพของเขาเอง แต่ถ้ามันเดือดร้อน มันเดือดร้อนคนอื่น คนเสพสื่อๆ ผิด ๆ ที่มองคนเป็นhuman zoo ก็ยิ่งแย่นะ ไปให้ทานคนอื่น