นี่แหละคำตอบ! สาเหตุที่ทำไมถึงต้อง กราบรถกู

นี่แหละคำตอบ! สาเหตุที่ทำไมถึงต้อง กราบรถกู

จากเหตุการณ์ "กราบรถกู" ที่เป็นเรื่องในกระแสสังคมอยู่ในขนาดนี้  เพจ Mind Director : กำกับใจ by ครูเปิ้ล ได้วิเคราะห์ไว้ว่า

เหตุการณ์ฮอทชวนให้สงสัยว่า

เอ๊ะ! ทำไมคนโกรธเดี๋ยวนี้เริ่มเล่นใหญ่ เราฝึกดราม่ามากไป? ดูละครมากไปรึเปล่า? บ้างก็ตีความว่า คนเห็นคนไม่เท่าเทียมกันใช่มั้ย?ทำไมทำตัวเหมือนตัวร้ายในทีวียังไงยังงั้นล่ะ
นี่มันชีวิตจริงนะ!


ผู้คนมาคอมเมนท์กันถล่มทลาย กับอาการระเบิดอารมณ์ กร่าง ใหญ่ 
พร้อมวลีเด็ดที่ชวนให้คนตั้งคำถามว่า
คนเรา มองค่าคนต่ำกว่าวัตถุไปได้ยังไงหนอ
คนหลายคน ควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้วจริงๆใช่มั้ย ในยุคนี้
วิเคราะห์อาการทางใจได้ดังนี้ค่ะ
ทางจิตวิทยา เรียกว่า "จิตใจ ไม่สะท้อนภาพความจริง"
เคยได้ยินคำนี้มั้ยคะ
"คนเรามักเห็น รับรู้ ในสิ่งที่ตนอยากให้เป็น"
จากเหตุการณ์ กราบรถกู! ที่โด่งดัง 
เชื่อมั้ยว่าเราเองก็อาจจะเคยเป็นตอนเด็กๆ
อึ้ง สิ อึ้ง!

เช่น เราอาจจะเคยโดนเพื่อนหยิบของไปใช้ เเล้วเราก็เอาคืนโดยการเอาของมันมาใช้บ้าง
เพราะใจเราสะท้อนว่า เเกมาทำชั้นก่อน แกผิด ชั้นต้องทำอะไรบางอย่างคืน
นั่นเบาะๆค่ะ แต่บ่มเพาะนิสัยทำตนเป็นศาลเตี้ยในใจได้
ไม่มีใครต้องการเป็นคนไม่ดี
ทุกคนมีด้านที่ดี และดาร์คไซค์ในตัวเอง
แต่เมื่อมีสถานการณ์วัดอารมณ์เข้ามา คนที่อิสระจากอารมณ์ด้านลบได้เท่านั้น
จะไม่โดนดูดจมไปกับเรื่องเเย่ๆ
เชื่อมั้ยว่า เราเองก็มีสิทธิ์เป็นค่ะ 
ทุกคนมีด้านที่น่ารัก มีด้านที่รุนเเรง ดาร์คไซต์
และหากมีความเชื่อ กับภาพที่จิตสะท้อน (สิ่งที่เราเชื่อว่าจริง)
เราก็จะเชื่อว่า สิ่งที่เราทำนั้น "ถูกต้อง"
เราจะสะท้อนกลับ ในทุกเหตุการณ์ อย่างเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้น สมควรเเล้ว

โดยมีระดับความรุนเเรงตามสภาวะจิตใจ (hot & cold state)
พูดง่ายๆคือ รักมาก ก็ แค้นมาก
โกรธเท่าไหร่ ก็ใส่เท่านั้น นั่นเองค่ะ
ตัวอย่างเหตุการณ์ดังนี้ก็คือ 
สมมติว่า เราเป็นคนที่รักรถมาก ๆ หามาด้วยน้ำพักน้ำแรง
จิต สะท้อน"ภาพไม่จริง" (แต่เราเชื่อว่าจริง) ว่า
รถจะต้องเนี้ยบนิ้ง ขับไปไฟท้ายต้องไม่ถูกเฉี่ยวเเตกตลอดกาลใช้งาน
เรียกได้ว่า ถ้าเป็นลูกก็ดูแลมาดีเหมือน ริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอม 
รถข้าใครอย่าเเตะ ยังไงยังงั้น
(เราหลายคนก็เป็นใช่มั้ยคะ)
แต่ๆๆ
"ภาพความจริง"ก็คือ 
ขึ้นชื่อว่ารถ ใช้งานบนท้องถนน การเฉี่ยวชน ย่อมเกิดขึ้นได้
รถเราทุกคน ก็มีสิทธิ์ไฟแตกนะ 
เราก็ต้องระวังไว้ อย่าประมาทในการขับขี่นะ
นี่คือ ภาพความจริง

"ภาพไม่จริง"(แต่เชื่อว่าจริง) มองว่า มอไซค์คันนี้ ผิด
คนผิดต้องได้รับการลงโทษ ชั้นนี่เเหละ จะลงทัณฑ์แกเอง

"ภาพความจริง" ก็คือ 
เรามีสิทธิ์โกรธได้ แต่เราไม่มีสิทธิ์ขู่กรรโชกใคร 
เรามีสิทธิ์ปกป้องชีวิตทรัพย์สินตัวเองได้ เรียกประกันมาดู ถ่ายรูปกัน ดำเนินการไป
แต่เราไม่มีสิทธิ์ทำร้ายร่างกายคนอื่น ตามอำเภอใจ 
เราทำไม่ได้ และไม่ควรทำได้ ไม่ว่าจะเราเป็นใคร ลูกใคร มีอาชีพใด เงินในบัญชีเท่าไหร่ก็ตาม

"ภาพไม่จริง" (แต่เชื่อว่าจริง) มองว่า 
ต้องสั่งสอน! ทันที
ภาพความจริง ก็คือ 
ต้องควบคุมอารมณ์ และแก้ไข
สังเกตคนที่มุงดู และเสียงตะโกนควบคุมสถานการณ์สิคะ 
บางคนเหวอ บางคนสะใจ อยู่ที่ใครเห็นด้วยตามใคร 
แต่ถ้าควบคุมอารมณ์ไม่ได้ คนทำร้ายคนอื่นก่อนจะดูไร้สติแน่นอน 
จนเมื่อเวลาผ่านไป 
มองย้อนกลับไปแล้ว เหตุการณ์ที่ควรจะเล็ก กลับกลายเป็นตราสัญลักษณ์ใหญ่ในชีวิตเลยทีเดียว
สุดท้าย "ภาพไม่จริง"มองว่า 
คนทั่วไปอาจจะมองว่า การให้คนมากราบรถตัวเองนั้น ถูกต้องแล้ว ทำได้ ดูชนะ ดูสมควร
แต่ๆๆ

ภาพความจริง ก็คือ ทั้งคนที่อยู่บนท้องถนน ชาวเนต 
เกิดคำถามหลากหลายว่า

1.เรื่องแค่นี้ ถึงกับต้องทำร้ายร่างกายเลยเหรอ?
2.ทำไมไม่เรียกประกัน ต่อยเค้าทำไม!?
3.เค้าหลบรถคันอื่น จนมาเฉี่ยวนาย ฟังคำอธิบายก่อนมั้ย ?
4. เครียดอะไรเบอร์นั้น ?!? นี่เเค่ไฟแตก โกรธเหมือนรถยับเเหลกไม่เหลือชิ้นดี
5. คนนี้เป็นใครมาจากไหน กร่างจัง ยังกะองค์เจ้าพ่อเข้า
6. เห้ย! ดารานี่หว่า โหนิสัยงี้ หมดอนาคตเลยเเหง สงสารจังไม่น่าเลย
7.รถนะ ไม่ใช่สิ่งศักดิ์ กราบไม?

มองอย่างเปิดใจ

ในมุมนักแสดงหนุ่มก็เข้าใจได้นะคะ เมื่ออธิบายภาพที่จิตสะท้อนว่า 
สิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้อง
เพราะ เค้าเองก็โดนชน เค้าอาจจะคิดว่าตนเองไม่ได้ทำผิดก่อน
ที่โกรธ ก็เพราะคิดว่าคนชนจะหนี เลยต้องรีบไปเรียกมาดู
เค้าบันดาลโทสะชกไปไม่กี่ทีเท่านั้น และก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องขนาดนี้
มองในอีกมุม ถ้าเป็นเรา เราพอจะทำความเข้าใจได้นะคะ
สรุปง่ายๆก็คือ
ไม่มีใครอยากเป็นคนไม่ดีค่ะ แต่ทุกคนมักเชื่อว่าสิ่งไม่ดีที่ตนทำนั้น
มีเหตุผลที่ถูกต้องของมันนั่นเอง
และที่สำคัญสมองส่วนอารมณ์ของคนเรา 
ไม่ได้ทำงานพร้อมความคิดซะด้วยสิ
ไม่แปลกที่เรา จะไม่ค่อยคิด ไตร่ตรอง
ตอนที่อารมณ์อะไรก็ตาม"กำลังขึ้น"อยู่นั่นเอง(hot state)
ชาวกำกับใจ อ่านแล้วลองกลับไปคิดดูกันนะคะว่า
ทุกวันนี้ หลายเรื่องในชีวิตเรา พัง เพราะอารมณ์ชั่ววูบรึเปล่า!?!
วูบเดียวในคืนเหงา วูบหนึ่งที่โมโห 
วูบอารมณ์หงุดหงิดจนเผลอไป
วูบโกรธ วูบกร่าง วูบด่ากราดขาดสติไตร่ตรอง 
จนเรื่องเศร้าหมองลุกลามใหญ่

วิธีแก้ก็คือ

กลับมา #กำกับใจ แก้ไขให้จิตใจสะท้อน "ภาพความจริง"กันเถอะค่ะ
ง่ายๆคือ

1. ตอนของขึ้น(hot state) อย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลาม
ภาพความจริงจะปรากฏชัด หลังอารมณ์เรา ลงเเล้ว(cold state)เอง
ส่วนใหญ่ก็ให้ดำเนินการตามกฏหมาย กฏมนุษยธรรม
2. ตอนของขึ้น แก้ให้ลงด้วยการหายใจลึกๆเข้าออก10ทีอย่างต่ำ
ให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง จะได้ไม่เผลอทำอะไรไม่เฉลียวออกไป
ให้ท้องที่มวน ได้โล่งจากลมหายใจทั่วปอด มีงานวิจัยว่าลดความโกรธได้ชะงักงันทันที
3. ตอนของขึ้น แก้ให้ลงทันที ด้วยฝืนยิ้มอย่างไม่ต้องคิดอะไร
ยิ้มให้กับความเซ็ง ความเศร้า ให้ยิ้มเข้ามา(bio feedback) กับสมอง
เราจะคิดลบยากขึ้น โกรธเลเวลน้อยลงทันที เพราะร่างกายเรานี้ ควบคุมจิตใจได้จริงๆนะ
4. เกิดเหตุการณ์อะไร จำไว้ว่า 
10วินาทีที่เราลงมือทำ มักกำหนด 90%ในชีวิตเรา
มีงานวิจัยบอกว่า นี่เป็นกฏชีวิต
ชีวิตที่เราเป็นอยู่ทุกวันนี้ จะดีงามหรือต่ำจม มักมาจาก10วินาทีเเรกที่เราตัดสินใจลงมือทำอะไรลงไป ในเหตุการณ์สำคัญๆ
ถ้าย้อนเวลากลับไปที่ 10 วินาทีเเรกที่รถเหลืองไบรท์โดนชนนั้น
นักแสดงหนุ่งเดินลงมา หายใจลึกๆสักสองสามที ฝืนยิ้มนิดหน่อย ให้ร่างกายควบคุมจิตใจให้เข้า cold state
เดินไปคุยกะน้องมอไซต์ว่า "น้องเป็นไรมั้ย?"
จากนั้นก็พามาที่รถ ถ่ายรูป คุยเรื่องประกันกัน อาจจะห่วงว่าน้องมอไซค์ว่า บาดเจ็บมั้ย เพราะเค้าเป็นหนังหุ้มเหล็ก ไฟเราที่เเตกก็ซ่อมได้ จนกันสักพักแยกย้าย
ภาพยุคคลตัวอย่างปี59 ที่นักแสดงเพิ่งได้รางวัลไป ก็จะยังคงอยู่ 
สง่างาม
จริงๆแล้ว
ไม่มีใครอยากเป็นคนร้ายในสายตาผู้อื่นหรอกนะคะ
และเราทุกคนก็เก่งพอ ฉลาดพอที่จะรู้ว่า 
อะไรควรทำ อะไรทำได้
แต่ถ้าไม่ฝึกให้ภาพความจริงที่เราเห็น
เป็นภาพความจริงที่โลกและสังคม ศีลธรรม มนุษยธรรมค้ำจุนไว้
เรื่องใหญ่จะตามมา และมักไม่ใช่เรื่องดีค่ะ
ที่สำคัญ สติต้องมีเสมอ
ฝึกกำกับใจทุกวันนะคะ
แล้วสมอง จิตใจเราจะชินกับการ กำกับอารมณ์ตัวเอง
ชีวิตจะได้ไม่พลาดพลั้ง 
เป็นอิสระจากอารมณ์โกรธที่ไม่เป็นประโยชน์อะไร

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์