เทรนด์ใหม่ของคน Gen Y ค่านิยมโสดดีกว่ามีครอบครัว จริงป่ะ?!

เทรนด์ใหม่ของคน Gen Y ค่านิยมโสดดีกว่ามีครอบครัว จริงป่ะ?!

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้โครงสร้างครอบครัวของสังคมไทยได้เปลี่ยนไปแล้ว ผู้คนชาว Generation Y เลือกที่จะครองตัว เป็นโสด กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเพราะด้วยยุคสมัย ทัศนคติ ค่านิยมที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เกิดใหม่ขึ้นมาทุกวัน ที่ส่งผลให้สังคมไทยกำลังจะกลายเป็น "สังคมผู้สูงอายุ" ในไม่ช้า อีกทั้ง ยังทำให้รูปแบบของ "ครอบครัวสมัยใหม่" เกิดขึ้นอีกด้วย คือ ครอบครัวที่แต่งงานแล้วไม่นิยมมีลูก ซึ่งคน Gen Y นี้ถือเป็นช่วงวัยหลักในการสร้างครอบครัวในปัจจุบันนี้ค่ะ แล้วทำไมคน Gen Y จึงมีไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปเช่นนี้ MoneyGuru.co.th มีคำตอบ

Gen Y ต้องแบกรับภาระอย่างหนัก
ผศ.ดร.ภูเบศร์ สมุทรจักร รอง ผอ.ฝ่ายวิจัยและวิเทศสัมพันธ์สถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้เผยข้อมูลในงานเปิดตัวรายงานสถานการณ์ประชากรไทย พ.ศ. 2558 ว่า คน Generation Y หรือคนที่มีช่วงอายุตั้งแต่ 13-36 ปีนั้น หากดูจากสถิติแล้ว ตอนนี้มีจำนวนประมาณ 22 ล้านคน หรือ 34% ซึ่งคนกลุ่มนี้ต้องแบกรับทั้งหน้าที่การงาน และยังต้องคิดสร้างครอบครัวอีกด้วย ซึ่งทำให้คน Generation Y ต้องแบกรับภาระอย่างหนัก ส่งผลให้คน Generation Y ไม่ค่อยสนใจเรื่องสร้างครอบครัวมากนัก เพราะไลฟ์สไตล์ของคน Generation Y ไม่เหมือนคนยุคเดิมค่ะ

Gen Y ให้ความสำคัญกับการเรียนต่อเป็นลำดับแรก
นอกจากนี้ จากการสำรวจกลุ่มคน Generation Y ยังพบด้วยว่า คน Generation Y นั้นจะให้ความสำคัญกับการเรียนต่อเป็นลำดับแรก แล้วค่อยคิดถึงความมั่นคงเรื่องงาน โดยส่วนใหญ่มองว่าปริญญาตรีนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป จะใช้ดีกรีที่ได้มาเพื่อหางานที่ดีกว่า ทำให้คนกลุ่มนี้อยู่ไม่ค่อยทน เมื่อวางแผนงานแล้วก็จะมองเรื่องซื้อรถก่อนจะซื้อบ้าน สิ่งที่ตามมาลำดับสุดท้ายคือการสร้างครอบครัว แต่งงาน และค่อยมีลูกเมื่ออายุ 30 เป็นต้นไป ซึ่งการคิดที่จะมีลูกนี่ก็ล่วงเลยเวลาเจริญพันธุ์ไปกว่าครึ่งแล้ว ก็ยิ่งทำให้คน Generation Y นั้นมีลูกยากขึ้นไปอีก ทำให้คลินิกปรึกษาปัญหาเรื่องลูกเยอะขึ้นมากกว่าเดิมค่ะ

การมีลูกหนึ่งคนต้องใช้เงินมาก
ผศ.ดร.ภูเบศร์ ยังเผยอีกว่า ปัจจุบันคนนิยมครองตัวเป็นโสดกันมากขึ้น ส่วนคนที่แต่งงานแล้วมักจะตัดสินใจ ไม่มีลูกหลังแต่งงาน เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะหลายคนคิดว่าการมีลูกหนึ่งคนต้องใช้เงินมาก ค่าเฉลี่ยที่ต้องใช้ต่อคนอยู่ที่ 1.9 ล้านบาท ซึ่ง Generation Y นั้นไม่ได้มองว่าลูกเป็นโซ่ทองคล้องใจเหมือนคนยุคก่อน แต่มองว่าคือสิ่งเติมเต็มให้คำว่า "ครอบครัว" สมบูรณ์เท่านั้น หลายคนจึงคิดหนักที่ต้องปันเงินที่จะเติมเต็มความสุขส่วนอื่น อย่างเช่นการ ซื้อบ้าน รถ ไปท่องเที่ยว มาให้กับการมีลูก

ผู้หญิงจะไม่ยอมมีลูก หากไม่มั่นใจว่าสามีจะช่วยแบ่งเบาภาระ
นอกจากนี้ความเท่าเทียมของชายหญิงก็เป็นเรื่องสำคัญ ผู้หญิงจะไม่ยอมมีลูก หากไม่มั่นใจว่าสามีจะช่วยแบ่งเบาภาระ ที่สำคัญคือหลายคนกลัวว่าจะเลี้ยงลูกได้ไม่ดีในสังคมแบบนี้ สุดท้ายหากตัดสินใจมีลูกก็จะอยู่เพียงแค่ 1-2 คน ดังนั้น ผศ.ดร.ภูเบศร์ จึงเสนอว่า หากทัศนคติของคน Generation Y ยังเป็นเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อจำนวนประชากรในอนาคตได้ เพราะสภาพของสังคมไทยควรต้องเอื้อต่อการมีลูกมากกว่านี้ ทั้งความปลอดภัยและนโยบายที่ช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่าย ทั้งบทบาทของสามี ภรรยา และความยืดหยุ่นของเวลาและรายได้ ทำให้หลายครอบครัวใช้วิธีโดยให้คนหนึ่งมีรายได้ที่มั่นคง และอีกคนหนึ่งเป็นฟรีแลนซ์ยืดหยุ่นเพื่อดูแลลูกได้ค่ะ

คน Gen Y นิยม เป็นโสด กันมากขึ้น

สำหรับในเรื่องของความโสดนั้น แน่นอนว่าการเป็นโสดหรือไม่โสดนั้นเป็นเรื่องของสิทธิส่วนบุคคล แต่คน Generation Y นิยมเป็นโสดกันมากขึ้น ซึ่งในทางอ้อมก็เท่ากับว่า เป็นการส่งเสริมภาวะสังคมผู้สูงวัยให้ทวีความ รุนแรงมากขึ้น ทำให้ตาชั่งระหว่างคนวัยทำงานกับคนสูงวัยค่อย ๆ เทไปทางด้านคนสูงวัยแทน ซึ่งถ้าไม่มีการเตรียมการรับมือให้ดี ปัญหาที่จะเกิดตามมาคือวิกฤตเศรษฐกิจค่ะ ซึ่งอาจจะทำให้สังคมในอีก 20-30 ปีข้างหน้าขาดแรงงานวัยทำงาน กรณีเช่นนี้เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ ไม่เพียงประเทศทางฝั่งตะวันตก ปัจจุบันในอาเซียนมีตัวเลขของสาวโสดมากขึ้น โดยบริษัท MeetNLunch ระบุว่า ในปี 2563 ประเทศไทยจะมีผู้หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 1.5 ล้านคน โดยเฉพาะ "ผู้หญิงตัวคนเดียว" จะมีเพิ่มมากขึ้น โดยตัวเลขจะอยู่ที่ประมาณ 5.6 ล้านคน

ที่มา - NoozUP

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์