จดหมายถึงเด็ก ๆ ที่เกิดไม่ทันในหลวง รัชกาลที่ 9

จดหมายถึงเด็ก ๆ ที่เกิดไม่ทันในหลวง รัชกาลที่ 9


         บทความเรียกน้ำตา ที่อยากให้คนไทยได้อ่าน เรื่องราวนี้เผยแพร่โดย เพจเฟซบุ๊ก เรื่องเล่า ภาพเก่า ในอดีตราชบุรี. ซึ่งได้มีการหยิบเอาบทความของ กานท์ชญา. ที่ได้เขียนเอาไว้ ในวันหลังรู้ข่าวการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่เปรียบดั่งเป็นจดหมายส่งต่อให้แก่เยาวชนไทยในรุ่นต่อไป

ถึง เด็กๆที่เกิดไม่ทันแผ่นดินรัชกาลที่ ๙

จดหมายถึงเด็ก ๆ ที่เกิดไม่ทันในหลวง รัชกาลที่ 9


ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้หลังจากวันที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
เสด็จสวรรคตแล้ว


พวกเธอ รู้อะไรไหม ว่ามันคือช่วงวันเวลาที่ฉันทรมาน กับความเสียใจที่สุดในชีวิตคนไทยอย่างฉัน เพราะอะไร...นั่นคือคำถามที่พวกเธอคงอยากจะรู้จากฉันใช่ไหม ?
และทำไมฉันกับคนไทยอีกหลายล้านคนต้องร้องไห้กับเหตุการณ์ครั้งนี้ ! ...
มาสิ ฉันจะเล่าให้ฟัง...

เพราะฉันเกิดในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
ตอนฉันเกิดมา ไม่เคยมีใครบอกฉันว่า ฉันต้องรักพระเจ้าอยู่หัว แต่ฉันรักด้วยตัวของฉันเอง ด้วยสายตาที่ฉันมองเห็น และหัวใจของคนไทยคนหนึ่ง

ฉันเห็นพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จพระราชดำเนินไปในที่ไกลแสนไกล ทุรกันดาร น้ำไฟเข้าไม่ถึง ทางรถไม่มี เดินเท้า หลายสิบกิโลเมตร ฉันเห็นท่านนั่งลงกับพื้นดินเพื่อสอบถามความทุกข์ร้อนของประชาชน ฉันเห็นภาพพระเสโทของพระองค์เต็มพระปฤษฎางค์และพระพักตร์ ฉันเห็นสิ่งที่พระองค์ดำริกลายเป็นสิ่งที่ทำให้คนไทยมีชีวิตที่ดีขึ้น

พระองค์สร้างเขื่อนเพื่อกั้นน้ำไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้ง เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เพื่อการประมง สร้างอาชีพให้พสกนิกรของพระองค์ และป้องกันน้ำท่วมในเขตเมืองหลวง ทรงคิดค้นโครงการแก้มลิงเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในยามที่น้ำแล้ง และป้องกัน น้ำท่วมในยามที่น้ำมีมาก ทรงทำให้น้ำเสียกลายเป็นน้ำดีได้ ด้วยการเติมออกซิเจนลงไปในน้ำ สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญ ของโลก อันมีลักษณะเป็นทุ่นหมุนลอยน้ำได้ที่เรียกว่า "กังหันน้ำชัยพัฒนา"

พระองค์เสกฝนได้ ใครๆก็ว่ากันว่าฝนคือสิ่งที่เทวดาสั่งให้เกิด แต่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ ท่านทำฝนให้เกิดขึ้นได้จริงๆ พวกเราเรียกว่า "ฝนหลวง" ท่านเสกฝนเพื่อให้พื้นที่แล้งได้มีน้ำ เพื่อให้เกษตรกรได้ทำมาหากิน เพื่อให้คนจนได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ไม่ใช่แค่เสกฝนนะ พระองค์ยังเปลี่ยนดินได้ด้วย เปลี่ยนดินเปรี้ยวให้เป็นดินดีได้ด้วยการ "แกล้งดิน" ทรงดำริและค้นคว้าจนรู้ว่า "น้ำ" สามารถเปลี่ยนดินเปรี้ยวให้เป็นดินดีได้ ให้น้ำล้างความเป็นกรดของดินเปรี้ยว แล้วใช้ปุ๋ยไนโตรเจนและฟอสเฟต ก็จะปลูกพืชให้ผลผลิตได้

หรือแม้แต่ดินเสื่อมโทรมพระองค์ก็เสกให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ได้ด้วย "หญ้าแฝก" ที่สามารถป้องกันการชะล้าง ของหน้าดิน และทำให้ดินเป็นดินร่วนได้เหมาะสมกับการทำเกษตรกรรมได้

เวลาราษฎรเดือดร้อนจากภัยพิบัติต่างๆนาๆ พระองค์ก็จะส่งถุงยังชีพขนาดใหญ่ไปให้ เพื่อให้ทุกคนได้มีกิน ประทังชีวิตในยามทุกข์ยาก หรือบางครั้งพระองค์ก็เสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยม ไปทอดพระเนตร ไปแก้ปัญหาด้วยพระองค์เอง


ทั้งยังทรงสร้างโรงเรียนให้เด็กด้อยโอกาสได้มีโอกาสเรียน ทำให้คนบนดอยมีอาชีพที่มั่นคงยั่งยืน ให้โอกาสคนจนได้เรียนรู้วิชาชีพแบบฟรีๆไม่มีค่าใช้จ่าย ให้ทุนของผู้ที่เรียนดีไปศึกษาหาความรู้ที่ต่างประเทศให้กลับมาพัฒนาประเทศไทย ของเรา ไม่เพียงแต่วิชาความรู้นะ พระองค์ยังให้ที่พัก เสื้อผ้าและอาหารอีกต่างหาก

ยังมีเรื่องปากท้องอีก พระองค์ทำการทดลองโครงการส่วนพระองค์ พระราชทานพันธุ์ปลาเศรษฐกิจ เพื่อให้ราษฎรของพระองค์มีกิน มีอาชีพ มีรายได้ มีขนมและนมที่อร่อยที่สุดในโลกได้ดื่มกินเพื่อสุขภาพที่ดี ถูกสุขลักษณะและปลอดสารพิษ ในราคาย่อมเยา

และทรงแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตแบบพอเพียงและยั่งยืนอีกด้วย เพราะทรงห่วงว่าพสกนิกรของพระองค์จะไม่มีกินในยามที่เศรษฐกิจของโลกกำลังแย่ เพราะระบบเศรษฐกิจพอเพียงนี้จะทำให้คนไทยอยู่ได้

ยังมีเกษตรทฤษฎีใหม่อีกนะ เป็นระบบที่สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง พึ่งพาตัวเองได้ ทุกอย่างในครัวเรือนเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันทั้งหมด

นี่ยังไม่นับรวมเรื่องราวเล็กๆน้อยๆที่พระองค์ทำเพื่อคนไทยอีก
ทุกพื้นที่ในประเทศไทยพระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นทุกที่ เพราะทรงมีแผนที่ประเทศไทยในพระหัตถ์ มีกล้องคอยบันทึกภาพ ตลอดเวลา ดินโคลน เดินทางลำบากขนาดไหนพระองค์ก็จะไป เพื่อนำความเจริญไปให้ประชาชนของพระองค์ ร้อนแค่ไหน เหงื่อออกมากเท่าไหร่ท่านก็ไม่บ่น ทำทุกทางเพื่อให้พื้นที่ตรงนั้นเจริญ ทำพื้นที่แห้งแล้งให้อุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว เพื่อให้ประชาชนของพระองค์...พึ่งพาตัวเองได้

ตลอดรัชกาลของพระองค์ เกิดเรื่องมากมายของคนในประเทศ ราษฎรทะเลาะกัน หนีตายเข้าไปในวังพระองค์ ทรงเปิดประตูรับ ออกมาเยี่ยม ออกมาห้ามไม่ให้ทะเลาะกัน หรือตอนที่พระองค์ประชวรและเข้าประทับที่โรงพยาบาล พอทรงทราบว่ามีราษฎรไปเฝ้า ก็พระราชทานขนมและอาหารเลี้ยง
ทรงเป็นพระราชาที่พอเพียง ไม่ใช้ของหรูหราทั้งที่พระองค์จะซื้อเท่าไหร่ก็ได้ แม้แต่ตอนประชวรก็ยังให้หมอไทยรักษาเพราะเชื่อในฝีมือแพทย์ไทย ช่างตัดฉลองพระองค์สูทก็คนไทย ช่างตัดฉลองพระบาทก็คนไทย ทั้งยังเคยให้ช่างซ่อมฉลองพระบาทอีกครั้งแล้วครั้งเล่าจนซ่อมไม่ได้ แม้พระองค์จะเป็นพระราชา จะซื้อฉลองพระบาทแพงเท่าไหร่ก็ได้ จะตัดฉลองพระองค์ราคาแพงขนาดไหนก็ได้ แต่พระองค์เลือกจะซ่อม เลือกจะใช้ฝีมือช่างไทย ไม่ฟุ่มเฟือย

. ทรงเป็นนักดนตรี เป็นคีตราชา เพลงพระราชนิพนธ์ของพระองค์ไพเราะทุกเพลง ขนาดที่ว่าจะมีการสวนสนามของมหาดเล็กรักษาพระองค์ หรือสวนสนามราชวัลลภ พระองค์ยังพระราชนิพนธ์เพลงมาร์ชราชวัลลภ เพื่อให้ทหารมาสวนสนามถวายพระองค์ ทั้งเพลงพรปีใหม่ เพื่อให้คนไทยได้ใช้ในงานรื่นเริง คนไทยบางคนร้องเพลงนี้ได้ เป็นเพลงประจำปีใหม่ ให้คนไทยได้มีความสุข
พระองค์เป็นพระราชา จะมีพระชายากี่คนก็ได้ แต่ทรงมีสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนารถ เพียงพระองค์เดียว.

พระองค์ทรงงานทั้งที่ทรงเสียพระเนตรไปข้างหนึ่งจากอุบัติเหตุ และใช้พระเนตรข้างเดียวนั้นทรงงานกว่า ๔,๐๐๐ โครงการ เพื่อคนไทยมาตลอดเจ็ดสิบปี โดยไม่มีวันหยุดพักแม้แต่วันเดียว
แล้วแบบนี้จะไม่ให้ฉันรักพระองค์ได้อย่างไร...

ฉันหวังว่าพวกเธอจะได้คำตอบนั้นแล้ว เพราะฉันได้คำตอบของฉันมาตั้งแต่จำความได้แล้วว่าฉันรัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙ รักโดยไม่มีเงื่อนไข....

และฉันก็คิดว่าพวกเธอก็คงจะรักพระองค์เหมือนที่ประชาชนคนไทยในยุคสมัยของฉัน ... รักพระองค์.
Cr : กานท์ชญา.

" ฉันเขียนถึงพวกเธอ ในวันที่สิ้นแผ่นดิน รัชกาลที่ ๙. และ ฉันเกิดในสมัย รัชกาลที่ ๙. "

จดหมายถึงเด็ก ๆ ที่เกิดไม่ทันในหลวง รัชกาลที่ 9

ที่มาจาก ::: FB เรื่องเล่า ภาพเก่า ในอดีตราชบุรี,กานท์ชญา

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์