น้ำตาซึม!! “ถุงยาของแม่” เรื่องจริงสุดซึ้งที่ลูกได้ดูแลแม่ป่วยเป็นมะเร็ง

น้ำตาซึม!! “ถุงยาของแม่” เรื่องจริงสุดซึ้งที่ลูกได้ดูแลแม่ป่วยเป็นมะเร็ง

แม่เป็นมะเร็ง ผลการตรวจเอกซ์เรย์ด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(Magnetic resonance imaging, MRI) ที่ฉันถืออยู่ในมือสั่นระริก ใจฉันหายจนต้องยกมืออีกข้างกุมหน้าอกข้างซ้ายเอาไว้ ความจริงหัวใจมันยังอยู่ที่เดิม แต่ที่หล่นหายไปคือพลังใจ พลังชีวิตของฉันนั่นไง มันหลุดลอยและหายวับไปในทันทีที่ฉันเห็นข้อความในกระดาษแผ่นนั้น
 
แม่จ๋า…ราวฟ้ากลั่นแกล้ง เราพึ่งได้อยู่ด้วยกันเพียงแค่ห้าปี…แค่ห้าปีเท่านั้น ก่อนหน้านั้นหนูได้แต่เฝ้ามองแม่อยู่ห่าง ๆ แม่ทำงานหนัก ต้องเลี้ยงน้อง ๆ อีกสองคน…เพียงลำพัง ผู้ชายที่พวกเราเรียกว่าพ่อไม่เคยมาดูดำดูดี แม่ยุ่ง เหนื่อย บางครั้งเมื่อหนูมาหา หนูก็เห็นแววท้อแท้อ่อนล้าในดวงตาคู่นั้นของแม่ แต่หนูรู้แม่ยังสู้…แม่สู้เพื่อลูก ๆ เสมอ

แม่จ๋า…หนูรักแม่ ถึงแม้หนูโตมากับยาย แต่หนูเข้าใจดีว่าเพราะอะไรแม่จึงต้องฝากหนูไว้กับยาย หนูเข้าใจตั้งแต่เริ่มจำความได้เพราะมีคนบอกเล่า และเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ตามอายุและโลกที่ผ่าน หนูรอโอกาสที่เราสองคนพร้อมจะอยู่ด้วยกันโดยไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับปากท้อง หรือความฝืดเคืองเรื่องเงินทองมากั้นกลางระหว่างเรา

หนูพยายาม…จนในที่สุดวันนั้นก็มาถึง วันที่เราต่างประสบความสำเร็จ วันที่เราสองคนต่างยิ้มให้กัน วันที่เราสองคนต่างมองเห็นความสุขสบายของกันและกัน มันแสนชื่นใจ…แต่มันเป็นเช่นนั้นได้แค่ห้าปี และแล้วราวฟ้าถล่มลงมาตรงหน้า ทำไมวันเวลาแห่งความหวานชื่นจึงไม่เคยยืนยาว ฉันรอวันฟ้าสว่างมาตลอดห้าสิบปี รอมาอย่างอดทน แต่วินาทีที่กระดาษแผ่นบางนั้นมาถึงมือ…ฟ้ากลับมืดดำไปเสียสิ้น วันพรุ่งนี้ของฉันฟ้าไม่สวยใสอีกต่อไป

หมอบอกว่า…อีกแค่สี่เดือน…สำหรับมะเร็งปอดที่แพร่กระจายไปยังกระดูกสันหลังละต่อมน้ำเหลือง สี่เดือน!!!

สองเดือนแรกสำหรับการตระเวนตรวจรักษาอาการข้างเคียงต่างๆ และโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่ตามมา รวมทั้งโรคที่มีอยู่เดิม เราแม่ลูกระหกระเหินไปตามสถานพยาบาลทั้งของรัฐและเอกชน…เราบอกกันว่า เราสู้! สองเดือนต่อมาแม่ขยับท่อนล่างไม่ได้ ระบบขับถ่ายมีปัญหา เราสองคนต้องมีชีวิตกินนอนอยู่แต่ในโรงพยาบาล ที่สาหัสที่สุดก็คือความเจ็บปวดจากมะเร็งร้าย!!!
โอ…ความปวดของมันร้ายกาจเสียยิ่งกว่าความตายเสียอีก…แม่บอกอย่างนั้น ฉันได้แต่ร้องไห้ กอดแม่ไว้…แม่จ่า หนูจะพยายามหาทางให้แม่หายปวดให้ได้ มันเป็นสองเดือนแห่งความทุกข์ทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ในขณะเดียวกัน…เป็นครั้งแรกที่เราแม่ลูกได้อยู่ด้วยกันจริง ๆ  เช้ามาหนูเช็ดตัว ล้างหน้าแปรงฟัน หวีผม ทาแป้งทาลิปสติกให้แม่ ป้อนข้าวป้อนยา หนูพยายามทำให้แม่มีความสุขที่สุดเท่าที่หนูมีแรงทำได้ แล้วเราก็ถ่ายรูปเล่นด้วยกัน หนูชมว่าแม่เป็นคนไข้ที่สวยที่สุดและดูมีความสุข หมอและพยาบาลต่างเข้ามาชมแม่กันทั้งนั้น…ดูไม่รู้เลยว่าเป็นคนป่วย…แม่บอกหมอว่า แม่มีความสุขดี ยกเว้นตอนที่แม่ปวด!!!

วันเวลาเหล่านั้นผู้คนต่างถามไถ่ ทำไมฉันช่างทรหดไม่ยอมให้ใครมาเปลี่ยนดูแลที่โรงพยาบาล ไม่มีใครเข้าใจหรอก…นี่เป็นเวลาแห่งความสุขที่แอบแฝงอยู่ในความทุกข์ ฉันได้อยู่ในอ้อมกอดแม่ทุกวัน…ใช่แล้ว เราอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันทุกวัน

จนกระทั่งแม่จากฉันไป… ฉันเก็บถุงยาของแม่เอาไว้ ยามมองดูมัน…และแล้วฉันก็เห็นภาพนั้น ทุกวันทุกคืนที่เราอยู่ด้วยกันในห้องของโรงพยาบาล สิ่งที่เราทำด้วยกัน พูดหยอกล้อกัน มันเหมือนกับฉันยังได้ดูแลแม่ ป้อนยาให้แม่ ทำให้แม่หายปวด…ณ เวลานั้นฉันมีความสุข ฉันจึงยังวางถุงยาของแม่เอาไว้ไม่เคยให้ห่างตา…
 
เป็นเรื่องราวที่ซึ้งจริงๆ จงรักและหวงแหนคนที่คุณรักดั่งดวงใจ เพราะเวลาชีวิตนั้นแสนสั้นนัก ไม่รู้ว่าจะอยู่ด้วยกันนั้นได้อีกนานเท่าไหร่ จงทำดีและตอบแทนท่านอย่างดีที่สุด จนถึงวันสุดท้านที่ท่านจากไปจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่า “รู้งี้ฉันน่าจะทำสิ่งนี้ให้ท่านดีกว่า”

น้ำตาซึม!! “ถุงยาของแม่” เรื่องจริงสุดซึ้งที่ลูกได้ดูแลแม่ป่วยเป็นมะเร็ง


ที่มา : http://pantip.com/topic/34826667

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์