บทเรียนราคาเเพง!! สำหรับคนที่คิดทำงานพาร์ทไทม์ ต่างประเทศ

บทเรียนราคาเเพง!! สำหรับคนที่คิดทำงานพาร์ทไทม์ ต่างประเทศ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 7 ปีที่แล้ว นานมากกก แต่ไม่เคยลืมสักที ผมมีโอกาสออกนอกบ้านไปกินข้าวที่ USA (United States of America) เมืองในฝัน ของเด็กไทยหลายๆคน ดิสนีแลนด์ นิวยอร์ค เทพีเสรีภาพ สะพานโกลเด้นเกต แคริฟอร์เนีย ฯลฯ และอีกหลายๆที่ ที่ผมตั้งเป้าว่า การออกมากินข้าวนอกบ้านไกลๆครั้งนี้ ต้องพาสองเท้าคู่ใจไปเหยียบ ณ ดินแดนเหล่านั้นให้ได้ ผมสมัครไปเป็นแรงงานต่างด้าว โครงการ Work & Travel เลือกทำงาน McDonald งานหนักหน่อย แต่ไม่เป็นอุปสรรคมากนักสำหรับ กระเหรี่ยง ออกเสียงสำเนียงพื้นเมืองอเมริกันไม่ชัดพูดอังกฤษไม่คล่องอย่างผม  เรื่อง ราวทั้งหมดมันเกิดขึ้นที่นี่ McDonald 2nd St, Williamsburg, VA  ทุกวันที่ McD หน้าที่ประจำของผมคือ Make Food and Grill บางทีเข้างานเย็นหน่อย ก็รอปิดร้านและคลีน ทุกสิ่งอย่าง อยู่ที่นี่เราต้องทำตามระเบียบของร้านอย่างเคร่งครัด จะทำเหมือนประเพณีบ้านเราไม่ได้เลย โดนด่า!!!! ปิดร้านวันแรก Boss said : xxx (ชื่อผม) can u clean baskets แน่นอน ผมไม่สามารถพูดคำอื่นได้นอกว่า Yes, Sir!!  กองถาดใส่เนื้อประมาณเกือบ 20 อัน นอนรออยู่ในซิงค์อย่างสงบ คราบเนื้อคราบไขมันเกาะติดอยู่เยอะมาก!!!!!!!!!  แต่ละวันไขมันมันติดเยอะ ขนาดนี้เลยหรอ Oh Jesus!!! คิดในใจ โอทีวันนี้ กูบวกถึงตีห้าแน่ มันเยอะมากจริงๆ ยิ่งเป็นตะแกรง มันจะมีคราบเกาะตามซี่ลวด จินตนาการยาวๆ กลับไป ใครจะขัดซอกเล็บ นวดแขนให้กูได้มั่งเนี่ย  หลังจากเริ่มขัดอันแรกเสร็จ สะอาด เอี่ยม ใส่ใจสุขภาพผู้บริโภคพรุ่งนี้สัดๆ กินเวลาไปเกือบครึง ชม. T^T พอเริ่มอันที่ 2 เท่านั้นแหละ Boss เข้ามา ถามว่า What r u doing???? + ทำหน้าสงสัย  It’s time to close ผมก็บอกไปว่า กูก็คลีนไง  มันเลยบอกว่าให้ผมไป กดรหัสออกก่อน เด๋วเวลาทำงานจะ Overtime แล้วมันจะต้องจ่าย โอทีให้ พอกลับมา มันเลยสาธิต การล้างแบบ อเมริกันให้ดู แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง มี 3 ซิงค์ อันที่ 1 วางไว้เอาน้ำร้อนๆ มาล้าง จากนั้น เอาไปแช่ น้ำยาสีแดงที่ซิงค์ 2 เสร็จปุ๊ป เอาไปแชร์ต่อซิงค์สามกับน้ำยาสีฟ้า แล้วผึ่ง จบ!!!! ตาค้างเลยดิกู ที่บ้านไม่ได้สอนให้ล้างจาน     เหลือๆแบบนี้ ถึงจะมีน้ำยาวิเศษ ฆ่าเชื้อโรค แต่ ไขมันเกาะค้างปีมันไม่หลุดไปไหน ปิด Job วันนั้นแบบสบายและอึ้งๆ ที่มันอร่อยๆ อาจเพราะมีคราบเกาะเหล่านี้เป็นส่วนผสมก็เป็นได้

2 เดือนผ่านไปกับชีวิตพนักงาน McDonald เราสามารถซึมซับวัฒนธรมมอเมริกันต่างได้เยอะแยะ เพื่อนอเมริกันมักจะให้อาหารฟรีถ้าเพื่อนมากิน หรือทำแบบ Extra เพิ่มของเข้าเยอะๆ แบบว่า Nugget กล่องบรรจุ 8 ชิ้น จัดไปซะ 15 ชิ้น กล่องแทบแตก พอเห็นแบบนั้นก็ เอาบ้างดิ พนักงานอเมริกันทำ เมเนเจอร์ก็ทำ เราจะพลาดได้ไง วันนั้น ตารางงานของผมเริ่ม 4pm – 0.00am ง่ายๆ คือปิดร้าน วันนั้นผมจัด ฟรีไอศรีม ให้เพื่อนคนไทยไป 1 โคน กะ Grill Chicken ให้เพื่อนอีกคนนึงในราคา Meet (Grill Chicken จะแพงกว่า Meet)  ประมาณ 6 โมง ผมได้รับคำสั่งว่า Go home งงดิคับ พึงทำได้ 2 ชม เอง พอถามหาเหตุผล ก็ได้คำตอบมากับคำที่ฟังยากๆ เพราะน้ำเสียงเปลี่ยนไป รึเพราะผมไม่ชินกับศัพท์พวกนี้ ฟังออกแค่ I know u รู้อะไรกูวะ คิดในใจ  เมื่อรู้ว่าเถียงไม่ได้อะไร ก็กลับห้องดีกว่า ปาร์ตี้กันเถอะ เลิกงานไว สบายๆๆๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเปิดประตูห้องออกไปรับ เพื่อนหน้าตาตื่นพร้อมกับพูดว่า ตำรวจมาหาผม งงดิ อำกูป่ะเนี่ย มองลอดไรผมเพื่อนไป เห็นตำรวจอเมริกัน 2 นาย นิโกร 1 ขาว 1 ยืนอยู่ข้างรถ เหมือนที่เห็นบ่อยๆในหนัง ก็เลยออกไปแสดงตัว ตำรวจถามไม่กี่คำถามก็กลับไป ถามแค่ว่า R u Xxx , Today u gift free Ice-cream to ur friend? ผมก็ตอบตามความจริง ในใจไม่ได้คิดว่าจะร้ายแรง ตำรวจก็จดๆ ๆๆ ๆ ๆ แล้วขับรถกลับไป หายไปสัก 30 min  พวกเขากลับมาใหม่ คราวนี้ ถามคำถามเดิม R u Xxx? พอตอบ Yes เท่านั้น ประโยคถัดมาคือ turn around and put ur hand on the door ผมงงดิคับ พอจะพูด ตร.จับปืน มือผมก็ยกโดยอัตโนมัติ (ไม่แน่ใจว่าปืนอัดลม หรือปืนไฟฟ้า ไม่ใช่กระสุนจริงแน่นอน) ตร ก็พูดซ้ำๆ    turn around and put ur hand on the door!!!!! จะพยายามแก้ตัวยังไงก็จะจับปืนอย่างเดียว  ผมเลยหันหน้าเข้าประตู ตร. เดินเข้ามาใส่กุญแจมือ ในใจคิดว่า เอาแบบเฉินหลงดีป่าวว่ะ หันไปกระแทก เตะ ต่อย แย่งปืน คิดในใจ กุสูงยังไม่ถึงไหลยิ้มเลย รีบมารัดข้อมือกุเถอะ
นั่งรถตร. ครั้งแรก เป็นรถเก๋งแบบในหนังเลยย ข้างหน้า ตร. 2 นาย มีแก้วกาแฟ โดนัท มีกระจกรูๆกั้นระหว่างผู้ต้องหา กับ ตร. เบาะที่ผมนั่งเป็นเบาะพลาสติก รึเอาง่ายๆ ไม่มีเบาะ มีแต่แข็งๆ ถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังอยู่ มันนั่งลำบากพิลึก ใช้เวลาไม่นานก็ถึงสถานีตำรวจของเมือง Williamsburg  และถูกสอบปากคำ สรุป พึ่งรู้ ณ ตอนนั้น ว่าถูกจับเพราะ ให้ไอครีมเพื่อนฟรี 1 แท่ง ราคา 1.1$ ข้อหาคือ ทุจริตไม่เกิน 200$ และนอนคุกรอสู้คดี
หลังจากโดนจับ ช่วงระหว่างสอบสวน ด้วยข้อจำกัดทางภาษา ตร.กดโทรศัพท์สำหรับล่าม คือที่อเมริกา ด้วยความที่เสรี ทำให้มีคนหลายเชื้อชาติ เลยทำให้มีหน่วยงานสำหรับแปลและโต้ตอบทางโทรศัพท์ได้ทันที ตร. พยายามกดโทรศัพท์ เพื่อให้มันออกลำโพง กดยังไงก็ไม่ได้ คงถึงคราวที่ผมจะทำคุณไถ่โทษ อาจได้สิทธิ์พิเศษอะไรสักอย่าง แค่คิดในใจนะ ผมก็เปิด ให้ ง่ายมาก  ตอนนี้ล่ามของผมพร้อมแล้วในโทรศัพท์ คำแรกที่ล่ามพูดออกมา คือภาษาลาว !!!!!     ตายห่าแล้วกู นี่กูต้อง เว้าลาวคุยกะล่ามเพื่อล่ามจะพูดภาษาอังกฤษป่ะเนี่ย ผมก็บอกไปว่า ผมใช้ภาษาไทยครับ เหมือนล่ามจะหายไปจูนโหมด สักแปปก็พูดออกมาว่า สวัสดีค่ะ แต่ไม่ค่อยชัด ช่วงสอบสวน ล่ามเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญมากจริงๆ ด้วยภาษาทางกฎหมาย ซึ่งไม่คุ้นเอามากๆ แล้วอีล่ามก็จะแปลอย่างเดียว ถามอย่างอื่น ยิ้มด่า กลับ ด่าจริงจังด้วย (ดิชั้นแค่แปลให้คุณ คุณอย่าถามมาก) เลยพยายามทำตัวเป็นผู้ต้องหาที่ดี ตอบได้เท่าที่ถาม และไม่ถามอะไรให้มากความ นอกจากเมื่อไหร่ผมถึงจะได้ออก ตร.ตอบกลับมาว่า ต้องหลังจากคุยกับศาล แล้วเมื่อไหร่ผมถึงจะได้คุย พรุ่งนี้ ไม่ก็อีก 2 วันถัดไป หายรื่นเริงโดยเฉียบพลัน นี่กูต้องกลายเป็นขี้คุกแล้วหรอเนี่ย หลังจากโดนสอบสวน ผมได้รับสิทธิ์ให้ ทำอะไรก็ได้ ในอณาบริเวณนั้น 1 คืน ก่อนเจ้าหน้าที่ทะเบียนจะมาทำงาน มองดูนาฬิกาข้อมือ พึ่งจะ 10pm ทำไงดีกว่า หนาวมาก ตอนโดน ตร.จับ ใส่เสื้อยืดตราห่าน สีขาว กางเกงผ้าสีเทา รองเท้าแตะ  ตอนอยู่ที่โมเทล มันมีฮีตเตอร์นี่หว่า นั่งกอดอกนอนหลับบนเก้าอี้หน้าเค้าเตอร์ รอเช้า  พอหนาวจนทนไม่ไหว ผมพยายามลุกไปคุยกับเจ้าหน้าที่ ผู้หญิงคนนึง ซึ่งมีคนเดียว ณ ตอนนั้น พยายามขอผ้าผม ชีเซย์ โน งั้นขอแจ๊กเก็ต รึอะไรก้อได้ ผมหนาวมาก ผมมาจากปรเทศร้อน ที่นี่ไม่ใช่อุณหภูมิของผม พอถามมากๆเข้า ยิ้มทำ เหมือน ตร. ที่มาจับ คือ จับปืน อีกแล้ว บ้าแล้ว คุยกะกูดีดีก็ได้ ไม่ดื้อ พอมันจับ คราวนี้ผมนั่งโดยอัตโนมัติ สักพักเจ้าหน้าทีก็เปิดห้องขังให้ผม เข้าไปขดตัวนอน มีเก้าอี้แบบบิ้วอินขนาดสัก 1.5×1.5 เมตรมั้ง เพราะผมนอนเหยียดไม่ได้ นึกถึงพวกฝรั่งตัวใหญ่ๆเลย ถัดไปเป็นผนังปูนกั้นครึ่งตัว เป็นโถอึ อยู่ จังหวะนั้นทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่พยายามข่มตาหลับ ขดตัวรักษาความอบอุ่นเอาไว้ให้มากที่สุด หลับๆ ตื่นๆ สุดท้ายเช้าจนได้ ตื่นเพราะมีเสียงเจ้าหน้าที่เอาถาดอาหารมีเคาะ เบรกฟัสมือแรกในเจลเป็น ซีเรียว นม และ กล้วยหอม อิ่มอร่อยไปอีกแบบ ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่มาบอกว่าวันนี้ผู้พิพากษาไม่เข้า สถานะของผมวันนี้จึงชัดเจน ใกล้กับคำว่านักโทษเข้าไปทุกทีๆ นี่กูต้องนอนที่นี่อีก 1 คืนเพื่อรอคุยกับศาล สายๆ เจ้าหน้าที่มา ผมถูกเรียกตัวให้ไปทำประวัติ ถ่ายรูป และเปลี่ยนชุดผู้ต้องหา ตอนนี้ผมกลายเป็นผู้ต้องหาเต็มตัวแล้ว ได้สวัสดิการเป็นชุดสีส้ม เท่มาก (โคตรอยากถ่ายรูปตัวเองเลย ) อาหารสามมื้อฟรี และตร. รักษาความปลอดภัย 24 ชม T^T  ตอนที่ไปเปลี่ยนชุด ก็จะมีผู้ต้องหาคนอื่นๆด้วยไปพร้อมกัน  มีนิโกรคนนึงเข้ามาพร้อมผม เห็นผมใส่รองเท้าแตะ และเดินแบบหนาวๆ นิโกรคนนั้นยื่นถุงเท้าให้ผมหนึ่งคู่ น้ำใจดีมากอ่ะ ผมนี่รีบรับแบบเกือบลืมขอบคุณเลย ต้องขอบคุณถุงเท้าคู่นั้นมากจริงๆ เพราะการใส่รองเท้าแตะเดินชิว ตีนปล่าว มันไม่ไหวจริงๆ ด่านต่อไป เจ้าหน้าที่พาผมไปที่ห้องขัง ห้องที่เป็นห้องส่วนตัวของผมอย่างแท้จริง ที่ใครๆ จะเข้ามาไม่ได้ นอกจากเจ้าหน้าที่จะอนุญาต มีเตียงนอน 2 ชั้นส่วนตัว มาก และผมมีรูมเมทด้วย 1 คน ถ้าจะจินตนาการถึงเพื่อนร่วมห้องคนนี้ ขอให้นึกถึง นักบาส NBA โคบี้ ไบร์อั้น นิโกร ผิวดำ ตัวสูงเกือบ 2 เมตร ผมจำได้แค่ชื่อ ชาล์ล จำนามสกุลไม่ได้ ชาล์ล บอกว่าผมตัวเล็ก นอนชั้นล่างไป เขาจะนอนข้างบนเอง พูดจบ โดดทีเดียวถึงชั้น 2 เลย นั้นระดับหัวกูเลยนะ มีโอกาสได้คุยกับชาล์ล ชาล์ลติดคุกด้วยข้อหามียาเสพติด โคเคน ไว้ในครอบครอง มีลูกชายพึ่งเกิดได้ไม่กี่เดือน และคิดถึงลูกมาก ผมมองดูแววตาชาล์ล เหมือนจะมีน้ำใสๆมาคลอ มื้อเที่ยงวันนี้ ผมทานอาหารในห้องพักส่วนตัว มีบริกร เอาอาหารมาเสริฟให้ถึงหน้าห้อง เป็นข้าว ไก่ทอด ผักต้ม ซอสมะเขือเทศ และขนมปัง (เป็นของหวาน) รสชาดค่อนข้างดี ยกเว้นข้าวที่แปลกๆ คล้ายๆข้าวนึ่ง
เช้าวันที่ 2 ผมถูกปลุกด้วยเสียงเคาะถาดเหมือนเช่นเคย เช้าววันนี้เป็นข้าวโอ๊ตเหลวๆ ที่รสชาดเลวมาก ผมกินไปได้น้อยมาก วันนี้จะเป็นวันที่ผมจะถูกศาลเรียกตัวเข้าไปสอบสัมภาษณ์ว่ามีสิทธิ์นอนเรือน จำต่อไปอีกหรือเปล่า สายๆ ห้องขังของผมมีเสียงอ๊อดดัง แต่ประตูห้องถูกเปิดดดยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ไกลออกไป ผมถูกใส่กุญแจมือข้างหน้า ล่ามไว้กับกุญแจข้อเท้าที่เอว จังหวะนี้ถ้าคนข้างนอกมาเห็นผม คงคิดว่าผมเป็นนักโทษอุกฉกรรณ์ ฆ่าร้อยศพ ปล้นธนาคาร แน่ๆ ตอนนั่งรอเช็คชื่อ คนที่นี่หรือแม้กระทั้งตอนโดนสอบสวน ทุกคนเรียกผมด้วยชื่อเล่น ทุกครั้ง แต่ตอนเรียกชื่อ ดันเรียกชื่อ นามสกุลผมเต็มยศ ด้วยสำเนียงอเมริกัน ผมก็ไม่รู้เรื่องดิ รอเมื่อไหร่ว่าจะเรียกกูวะ สุดท้ายเหลือผมที่ยังไม่ได้ขึ้นรถ เข้าถามว่า What’s ur name? —- im Xxx, Sir เจ้าหน้าที่ก็ดูรายชื่อ  ไม่มี เปิดแล้วเปิดอีก  เหลือแต่ชื่อภาษาไทยที่อ่านด้วยคนอเมริกัน สุดท้าย ผมจึงเก็ตว่า ที่พยายามพูด คือชื่อกูเอง T^T ขอโทษ แล้วรถตู้ก็ถอยมารับ แบบว่าไม่ให้โอกาสเราเห็นโลกภายนอกเลย ทุกอย่างปิดดำมืด รถวิ่งไปไหน ไม่รู้เรื่อง รู้ตอนเจ้าหน้าที่มาเปิดประตูให้ลง
ตอนนี้ผมอยู่ในห้องรอไต่สวน เป็นห้องปูนดิบโล่งๆ มีเก้าอี้วางเรียงเป็นรูปตัวยูเหลี่ยม มีนักโทษนั่งเต็มทั้งแถว ทุกคนใส่เสื้อส้มทั้งหมด บางคนคุ้นหน้าเพราะมาจากที่เดียวกัน บางคนไม่คุ้น แต่ก็พยายามผูกมิตรกันไว้ มีนักโทษคนหนึ่งพยายามถามทุกคนว่าโดนคดีอะไรมา แต่ละคนเล่าเริ่มจากหัวแถวฝั่งนู้น บังเอิญผมเป็นคนสุดท้ายพอดี แต่ละคนมีโปรไฟล์เท่มาก ค้ายา ทำร้ายร่างกาย เสพโคเคน ฆ่าคนตาย ฯลฯ พอถึงพอ ผมเงียบ คือไม่รู้จะเล่ายังไง พวกเนื้อเรื่องดีกันขนาดนั้นกูจะเอาอะไรไปบัฟ สุดท้ายผมก็ต้องเล่า เพราะมันคะยั้นคะยอจนผมรำคาณ เลยบอกไปว่า Gift free Ice-cream, McDonald พอพูดจบ ยิ้มขำ กันทั้งห้อง กูบอกแล้ว อย่าให้เล่า มันจะฮา ไอ้คนที่พยายามให้คนอื่นเล่าเรื่อง มันเลยบอกว่า ออกไปแล้วจะทำยังไง จะไปยิงเมเนอจร์ คนที่ฟ้องผม เลยมั้ย เด๋วมันช่วย ผมบอก calm down Man ผมก็ฮาๆไป ในใจคิดแต่ว่ายิงเลย ไม่ต้องถามกุ  ผมนั่งรอศาลจนเที่ยง ก็ยังไม่มา เลยได้ทาน Lunch ในศาล ที่นี่มี Ice-cream เป็นของหวาน แต่อากาศหนาวสัด ผมเลยยกให้ เพื่อนนักโทษในนั้นไป จังหวะนี้ขอแค่กินอิ่มพอ ไม่ต้องของหวานแล้ว บ่ายๆ เข้าไปพบผู้พิพากษา เชื่อมั้ยว่าเข้าไป ไม่เกิน 5 นาที เสร็จ ศาลบอกว่า ขอพิจารณาเรื่องคุณอีกครั้ง ในวันที่ May 27 คือยังไงอะ นี่พึ่งจะ May8 แล้วคือกูต้องนอนที่ศาลอีก 19 วันหรอ ตายห่ะ กลับไปถึงห้องขัง ผมไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะไม่มีอะไรจะทำ นั่งๆ นอนๆ คุยกะชาล์ลบ้าง แล้วก้อนอนๆ นั่งๆ อีกวันผ่านไป มีเอเจนซี่ W&T ที่อเมริกาเข้ามาคุย คำแรกที่พูดกับผม ทำให้ผมรู้สึกแย่มาก She said :: You are Bad guy!!!! โหหห นี่กูจ่ายตังให้นะ ยิ้มไม่ ฟังผมแม้แต่คำเดียว กุไม่รู้นี่ว่ามันผิด กูทำตามที่พนักงานร้านคนอื่นๆทำ เมเนเจอร์ที่แจ้งจับกู มันก็ทำ ทำไมหวยออกตรงกูล่ะ ห่านนน ด้วยความคับแค้น ผมเดินกลับทั้งที่ยังคุยกับมันไม่เสร็จ แล้วก็เดินไปหาผู้คุมพร้อมยื่นมือเชิงให้เข้าใส่กุญแจมือผมเถอะ ไม่อยากคุยกะอีนี่แล้ว  วันนี้เจ้าหน้าที่มาพบมาแนะนำโซนต่างๆในห้องขัง หากผมไม่มีคนมาประกันตัว ตารางกิจกรรมที่นี่ มีเข้าโบสถ์ ทำกิจกรรมกลุ่ม ห้องฟิตเนส ห้องสมุด มากมาย แต่ผมไม่อยากทำซักอัน แล้วเจ้าหน้าที่ก็เอากระดาษใบนึงมาให้กรอกชื่อ ของคนที่เราจะสามารถให้เข้าเยี่ย่มได้ ที่สำคัญคือสะกดให้ถูกต้อง ความซวยเกิดขึ้นกับผมแล้วสิ ขนาดชื่อภาษาไทย ยังเขียนไม่ค่อยจะถูก นี่จะให้เขียนชื่อเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ เอาวะ สะกดๆไป เผื่อถูก จังหวะนั้น ทำไรไม่ได้แล้ว ให้มา 5 ชื่อ ผมรู้ชื่อจริงเพื่อนแค่คนเดียว เลยใส่ไปแค่1 ผู้คุมคงคิดว่า แน่นนอนมาก ที่เหลือปล่อยโล่ง ไม่มีใครคบแน่ๆ ผมก็แค่คิดไว้ แล้วสมมุติว่าถ้าผมได้รับสิทธิ์นอนที่นี่ 5 ปีจริงๆ (ขั้นต่ำ)  ออกไปจากนี่ กูต้องพูดอังกฤษ – สเปน ให้คล่อง และที่สำคัญต้องรักษาตูด ให้รอดพ้นจากอันตรายทั้งปวง
9pm ผมกำลังจะหลับ ห้องขังผมถูกเปิดไฟ ประตูห้องขังเปิดออก ชาล์ลบอกว่า ให้ผมไปเก็บของสิ จะได้ออกแล้ว จังหวะนั้นผมงงๆ อะไรวะ กูจะต้องไปไหนอีก เจ้าหน้าที่บอกว่ามีคนมาประกันตัว และผมจะได้ออก ผมกลับเข้าไปเปลี่ยนชุด รับของทุกอย่าง เซ็นเอกสาร คนที่มาประกันตัวคือ แม่ของเพื่อนอเมริกัน คนหนึ่ง ซึ่งเพื่อนอเมิกันคนนั้น เป็นเด็กชายอายุ 14 ที่ย่างเนื้อกับผมทุกวัน และไม่ค่อยได้พูดกันเลย ผมขอบคุณพวกเค้า 2 แม่ลุกทังคู่มากจริงๆ และขอบคุณเพื่อนคนไทยที่พยายามหาทางช่วย และจ่ายค่าประกันตัวให้ด้วย แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะผมยังต้องรอวันเวลาที่จะต้องขึ้นศาลเพื่อตัดสินคดีอีกครั้ง ในอีก 19 วัน

สรุป ผมนอนคุกไปแล้ว 3 คืน 2 วัน และของฝากจากคุกนี้คืด ริชแบรน 1 อันที่มีหน้าผม ชื่อ วันเกิด  วันที่เข้าและโลโก้เรือนจำไว้เป็นที่ระลึก

ต่อคับ
ออกจากคุกได้วันเดียว สิ่งแรกที่ทำเลยคือ พรางตัว ทำไงก็ได้ไม่ให้เมเนเจอร์คนที่แจ้งจับผมรู้ว่าผมถูกประกันตัวออกมา เพราะสถานการณ์ในร้านตอนนั้นค่อนข้างตึงเครียดมาก (เพื่อนเล่าให้ฟัง) ทุกคนไม่คิดว่าผมจะถูกจับเข้าคุก บรรดาพนักงานจำนวนมาก กะบ่ายถึงเย็น (หน้าเดิมๆซ้ำๆ) จะรู้จักกันดี ทุกคนรู้หมดว่าเราทำอะไร ที่ผมเรา เค้าทำกัน เมเนเจอร์ทำกันเป็นปกติ ทำไมต้องทำกับผมถึงขนาดนี้ คล้ายจะกบฏเล็กๆ ทุกคนพูดแต่เรื่องเหตุการณ์เมื่อคืน เมเนเจอร์ เห็นแบบนั้นเลยตั้งกฎขึ้นมาว่า ห้ามพูดถึงเรื่องเมื่อคืน ใครพูด ไล่ออก!!!! ทุกคนในร้านเลยไม่มีใครพูดกัน บรรยากาศเงียบกริบ เมื่อผมออกมาแล้ว คิดเลยพรางตัวไงดีวะ ร้านก็อยู่ฝั่งตรงข้ามโมเทล  งั้น…เริ่มที่ตัดผม!!!  บรรดาเพื่อนคนไทยที่ อยู่ด้วยกัน มาเลยครับ เรียนวิทย์ เรียนบช เรียนบริหาร เรียนท่องเที่ยว ไม่สน ตอนนี้ทุกคนคือบาร์เบ้อร์ ออกมาแบบแหว่งๆ เซอร์ๆ เท่ไปอีกแบบนะ เหอๆ  ทุกๆวันนี่ใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆมากเลยนะ คือเหมือนกลายเป็นพวกวิตกจริต กลัวเมเนเจอร์จะเห็น ไปไหนมาไหนนี่เสื้อคลุมแบบมีฮู๊ด ตลอดเลยเท่ทั้งวัน  บางทีไม่อยากเดินผ่านถนนข้างหน้าเพราะต้องผ่าน McD ปีนรั้วออกด้านหลังก็มี นึกแล้วก็ตลกตัวเองกะเพื่อนมาก แล้วไม่ได้เป็นคนเดียวนะ คือเป็นกันทั้งแก๊งค์
กลับมาพูดถึงเพื่อนอเมกัน คนที่พาแม่มาประกันตัว เด็กคนนี้ชื่อแอนดรู เป็นอายุ 14 ที่เข้ากะบ่าย เสาทิตย์ประจำ เวลาเจอมันจะไม่ค่อยพูดนะ เหมือนจะอายๆ เคยจับกลุ่มเม้ากะเพื่อนว่ามันไม่ยิ้มเพราะอายฟันห่างแน่ๆ เลย (คือฟันหน้ามันห่าง) เวลาผมเมคฟู๊ดกะแอนดรู นี่แทบนับคำพูดกันได้เลยนะ เพราะพูดน้อยยยยยมาก เหมือนรู้จักกันแค่ชื่อแค่นั้นจริงๆ พอวันที่ออกจากคุก คนแรกที่เข้ามากอดผมคือแม่ของแอนดรู ในใจกูนี่งงมาก ใครวะ สักพักก้อไปกอดเพื่อน เพื่อนนี่ร้องไห้มากดีใจกันสุดๆ แล้วก็เห็นแอนดรู เลยรู้ว่า ผญ คนนั้นคือแม่ของแอนดรู เพื่อนคนนึงบอกว่า แอนดรูมากระซิบตอนที่ทำเบอร์เก้อ บอกว่า รู้เรื่องของผม แล้วเค้าคิดว่ามันไม่ถูกต้อง และต้องการจะช่วย แล้วตอนเย็นนี้คุยกัน (วันที่ผมจะได้ออก) ตอนเย็น แอนดรูพาแม่มา พร้อมกับนายหน้าประกันตัว มาทำเรื่องติดต่อของประกันตัวผมออกจาก Jail และผมก็ได้ออกจนได้ ตอนนั้นที่แม่แอนดรูกอดผม ผมนี่ยังเขิลๆนะ คือไม่ใช่ว่าเขิลอายเพราะเป็น ผญ  คือเขิลเพราะ สามคืนสองวันนั้น ได้อาบน้ำครั้งเดียวตอนเข้า (อาบน้ำรวม แบบสายยางดับเพลิงฉีด) กะแปรงฟันครั้งเดียว ที่เหลือบ้วนปาก คือกลัวเค้าจะเหม็น ส่วนเพื่อนนี่ รีบมากอดกูเลยยยยย ก่อนจากกันคืนนั้น แม่กะแอนดรูบอกว่า อาทิตย์หน้าอยากให้มาที่บ้าน อยากจัดปาร์ตีรับขวัญที่ผมออกมาจากคุกได้ ใจดี น่ารัก ที่สุด ตั้งแต่วันนั้นแอนดรูนี่ขวัญใจมหาชนเลยครับ

พอโดนจับเข้าคุกไปแล้วเท่ากับว่าออกจากงาน McD โดยอัตโนมัติ ออกมาแบบคนตกงาน ค่าประกันตัวเพื่อนก็จ่ายให้ เงินสำรองเหลืออยู่ไม่กี่ร้อยเหรียญ จะไปสมัครงานก็ไม่มีใครรับ เพราะเหลือเวลาอีกเดือนเศษ ก็ต้องกลับแล้ว ใช้เงินนี่ต้องโคตรประหยัดอะ ค่าอาหารวันนึงก็ ประมาณ 10$ ของอะไรก็ยังไม่ได้ซื้อเลย ตอนนั้นเครียดเรื่องเดียวนะคือเรื่องเงินที่จะเหลือจริงๆ สุดท้ายมีเพื่อนที่ทำงานแมคเหมือนกันแต่สาขาอื่น ทำงานเสริมอยู่ร้าน ihop เป็นภัตราคารขนาดย่อมๆ แล้วเค้าจะเปลี่ยนงานพอดี เลยจะฝากเราให้เข้าไปทำแทน ขอบคุณเพื่อนคนนั้นมากๆ นางนิสัยดีแล้วก็น่ารักสุดๆ อย่างน้อยๆ เรามีอาหารฟรีแล้ว 1 วันที่ไปทำงาน งานที่ IHOP คือเป็น hostess คือเราก็ไม่แน่ใจนะว่าชื่องานจริงๆมันเรียกแบบนี้รึปล่าว แต่เจ้าของร้านเรียกเราแบบนั้น หน้าที่คือ คอนรับลูกค้า แล้วพาลูกค้าไปที่โต๊ะ  ที่นี้ก็มีปัญหาเหมือนกันนะนิดนึง คือประมาณว่า ร้านนี้จะแบ่งร้านออกเป็นโซนๆ แต่ละโซนจะมีสาวเสิร์ฟประจำ คนเสิร์ฟจะไม่มีเงินค่าจ้างให้ ค่าจ้างทั้งหมดมาจากทิป (ที่ USA ทิปอย่างน้อยตามจำนวนคน เช่นมา 3 คน ไม่ควรต่ำกว่า 3$ นี่แบบน่าเกลียดเลยนะ) วันนั้นเราก็ทำหน้าที่ตามปกติ เป็นวันอาทิตย์ (จำแม่นมาก) คนมาร้านเยอะมาก แบบว่าเข้ามาในร้านจะมีโซนนั่งคอย เก้าอี้เต็ม ที่ยืนรอเต็ม หน้าที่เราคือจำลำดับลูกค้า ว่าใครมาก่อนหลัง แล้วควรไปโต๊ะไหน ทีนี้มันก็มีลำดับของพนักงานเสิร์ฟเช่นกัน เรื่องคือ ลำดับถัดไปลูกค้าลุกจากโต๊ะไปแล้ว พนักงานเสิร์ฟยังเคลียร์โต๊ะไม่ทัน เราเลยพาไปนั่งโต๊ะถัดไปก่อน แล้วค่อยย้อมกลับมาตอนเก็บเสดแล้ว แล้วก็เป็นแบบนี้ทั้งวัน สรุปกูโดน พนักงานรุมเบลมเฉยเลยยยยย T^T น้ำตาจะไหล
กลับมาที่คดี ระหว่างที่รอขึ้นศาล ทางเจ้าหน้าที่เค้าถามเราว่า เรามีทนายมั้ย? ถ้าไม่มีเค้าจะจัดหาทนายของรัฐให้ แล้วก้อให้นามบัตรมาหนึ่งใบ เป็นคุณป้าคนนึงน่ารักๆ น่าจะเลยหกสิบล่ะ ให้นึกถึงผู้พันซานเดอร์ เวอร์ชั่นผู้หญิงอะจะนึกท่าทางแกออก เราคุยกะแกสองครั้งคือ ครั้งแรกเราแนะนำตัว แกรู้ทันทีว่าเราโดนดคีอะไร แกบบอกไม่ต้องห่วง เด๋วแกขอไปอ่านรายละเอียดก่อน แล้วเจอกันอีกทีคือวันขึ้นศาลเลย ก่อนขึ้นศาลเราก็ไปเชคสถานที่ว่าอยู่ตรงไหน เผื่อมาจะได้ไม่เลท ดูแผนที่อย่างดีเลยยย เป๊ะมาก เจอศาลอยู่ตรง ป้ายรถเมล์ที่  New town, Williamsburg  เห็นปุ๊ป นึกออกเลย เห้ยยยย ตรงนี้กูเคยมาแอบหลับ ตอนรอเพื่อนซื้อของ กะตอนรอรถเมล์นี่หว่า เพื่อนบางคนบอก มันเป็นลาง เพราะมาแอบหลับที่นี่ เลยต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป T^T กูผิดอะไร กูง่วงงงงง

May 27 มาถึงแล้ว ก่อนวันนี้สักอาทิตย์นึง มีจดหมายมาถึงห้องพัก ประมาณว่า กราบเรียนเชิญคุณ Xxx ขึ้นโดนพิจารณาคดี วันที่ 27 เวลา xxxxxxx ผมนี่เตรียมตัวอย่างดี เสื้อขาวคอปกเกงขายาว เสื้อคลุมหนึ่งตัว คิดว่าถ้าตกลงกูต้องนอนนี่อีกห้าปี กูก้อไม่หนาวแบบตอนแรกแล้ว ผมมาถึงที่ศาลตอน แปดโมงครึ่ง (นัดสิบโมง) เจอทนายแล้ว บอกว่าผมจะเรียกร้องอะไรบ้าง ผมบอกไปแค่ว่าไม่ต้องการอะไร ขอแค่ไม่ต้องถูกส่งตัวกลับก่อน อยากกลับพร้อมเพื่อน (มาเสียดายทีหลังมากๆ) สักพักเพื่อนก็มากันเต็มเลย เด็กอเมกันที่ทำงานด้วยกันทั้งนั้น มาเป็นพยาน เรื่องนิสัยของผม กับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในร้าน มีเพื่อนคนนึงที่เป็นเมเนเจอร์เหมือนกันชื่อ Troy กับ Nick App ที่เป็นคนทำอาหารด้วยกัน เราสนิทกันมาก Troy เป็นคนขับรถมารับเพื่อนผม ไปประกันตัวผมกะแม่แอนดรู (สิ่งแรกที่ทรอยทำคือ เอาบุหรี่ที่กะลังดูดอยู่ มาจี้ริชแบรนที่ระลึก ให้หลุดจากมือ ผลคือ บุหรี่ยิ้มโดน แขนแล้วริชแบรนมันไม่ขาด หึหึ ) ทรอยที่ไม่พอใจเมเนเจอร์หลักอยู่แล้วเรื่องผม วันนั้นทรอยบอกกับผมก่อนเข้าห้องพิจารณาว่า “U said everything Don’t care about me, I don’t care”  ผมนี่จำได้ขึ้นใจเลย ซึ้งน้ำใจมาก พอเริ่ม มีคดีอื่นก่อนหน้าเรา เราก็นั่งรอไป ใจมันหวั่นๆ จะได้กลับ จะอยู่กลับพร้อมเพื่อน หรือจะอยู่นี่ห้าปีแล้วทิ้งเพื่อนกลับก่อน พอถึงคิวเรา ป้าทนายเดินออกไปก่อนเลย แล้วแกก็มาจูงแขนเราไปนั่งโต๊ะข้างหน้า ฟังๆๆๆๆๆๆ อย่างเดียวเลย แปลไม่ออกเหมือนเดิม ฟังยากมาก นี่อยู่อเมกามา 3 เดือนเหมือนไม่ช่วยอะไรเลยยย แล้วก็เรียกเพื่อนเรามาเป็นเป็นพยาน ส่วนทนายฝั่งนู้นไม่ได้พูดอะไรเลย เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะมาเอาผิดเราอยู่แล้วมั้ง  เป็นช่วงประมาณ 30 นาทีที่ลุ้นมากๆ ว่าจะได้อยู่เรียนภาษาสเปน กะอังกฤษชั้นสูงในเรือนจำหรือไม่ สรุปแล้วไม่เอาผิดเรา ศาลตัดสินว่าเรื่องของเราไม่ผิด ประกอบกับเมเนเจอร์คนอื่นๆ กะเพื่อนอเมกัน เป็นพยานให้เรา

ที่มา : http://pantip.com/topic/33226681

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์