หน้าใหญ่จนเป็นหนี้สองแสน ตกอับ โดนทวงตัง ต้องหาจ่ายขั้นต่ำเดือนละ หมื่นสอง

หน้าใหญ่จนเป็นหนี้สองแสน ตกอับ โดนทวงตัง ต้องหาจ่ายขั้นต่ำเดือนละ หมื่นสอง

กระทู้จากสมาชิกเวบไซต์พันทิปขอแชร์ประสบการณ์ หน้าใหญ่ จนทำให้เป็นหนี้หลักแสน  ตกอับ แถมโดนทวงต้องหาเงินมาจ่ายขั้นต่ำเดือนละ หนึ่งหมื่นสองพันบาท โดย สามชิกฯท่านนี้เล่าว่า...

เรื่องจริงทั้งหมด  ผมจะเล่าคร่าวๆ นะครับ เหตุการณ์ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - สิงหาคม 2559 ผมโดนบีบให้ออกจากงาน ตอนเดือน กุมภาพันธ์ เพราะ บริษัทต้องการลดคน  

ตอนแรกก็ดื้อดึงว่าจะไม่ออก ให้ตายยังไงก็ไม่ออก จะฟ้องกลับให้ได้  แต่คิดไปคิดมา พวกที่โดนบีบให้ออกเค้าได้งานใหม่รองรับกันเกือบทั้งหมด เหลือผมกับเพื่อนขี้เหล้าอีกคนนึง ก็เลยยอมเซ็นต์ลาออกแล้วรับเงินดีกว่า เพราะถ้าไม่ออก ก็เข้าไปทำงานไม่เหมือนเดิมอยู่ดี แถมถ้าจะสู้กันจริงๆ ก็เสียเงิน เสียเวลา เสียประวัติไรอีกเยอะแยะ ก็คิดว่าไม่คุ้มเสีย ก็ยอมๆเซ็นต์ออกพร้อมรับเงินมาสองหมื่นห้าพันบาท พร้อมเงินที่เหลือเล็กๆน้อยๆไม่ถึงหมื่น

ทีนี้ผมมีหนี้สินด้วย ก็ประมาณ สองแสนบาท  เฉลี่ยแค่จ่ายขั้นต่ำก็หมื่นสองแล้ว  ก็ดิ้นรนหางานให้ได้ แถมต้องให้ที่บ้านอีก 3000 บาท/เดือน ซึ่งในตรงนี้ผมยังรับเงินจากประกันสังคมมาจ่ายให้ที่บ้านได้ เพราะเซ็นต์ในนั้นเป็นลาออกจากงาน (ส่วนหนี้สินทั้งหมดเกิดจากความหน้าใหญ่ + ทำธุรกิจตัวหนึ่งซึ่งล้มเหลว ทุนจม แล้วส่วนใหญ่หนี้มาจากบัตรกดเงินสดกับสินเชื่อเร่งด่วนดอกมหาโหด แต่ยังดีไม่มีหนี้นอกระบบ)

- มีนาคม ........... จ่ายขั้นต่ำไปประมาณ 12000 บาท  ขับรถวิ่งไล่หางาน ไม่เวิร์ค เจอที่ไหนน่าทำงาน แปะป้ายรับสมัครงาน รีบลงไปถามเลย แต่สรุปวิธีนี้ไม่เวิร์ค เปลืองน้ำมัน หลังๆมาเลยทนสมัครงานผ่านเน็ตอยู่บ้าน ก็ใช้เวลาเกือบ 1 เดือน ไม่มีที่ไหนเรียก แต่ยอมรับว่าหน้าบาง อายเพื่อน ให้ไปทำพวกเซเว่นไม่เอา เป็นพนักงานห้างไม่เอา ประกันสังคมสามพันที่ได้มาเอาให้พ่อกับแม่หมด

- เมษายน ............ จ่ายขั้นต่ำไปอีก 12000 บาท เหมือนเดิม มีบริษัทเรียกสัมภาษณ์ 4 ที่ แต่ไม่มีที่ไหนให้เซ็นต์เริ่มงาน รู้สึกหน้าบางเหมือนเดิม ก็รอแต่งานประจำ ประกันสังคมให้พ่อกับแม่หมด

- พฤษภาคม ............. เงินหมด ! เริ่มไม่มีจ่ายขั้นต่ำ โดนทวงกระหน่ำ โทรมาทวงทุกวัน ต้องทนรับสายไปวันนึงเกือบสิบรอบ เค้าบอกไม่จ่ายเกิน 3 เดือนก็มีหมายศาล ซึ่งตรงนี้เครียดมาก เพราะไม่อยากให้พ่อแม่รับรู้  ส่วนแฟนก็ขอเลิก  ในใจตอนนั้นไม่คิดอะไรแล้ว กลัวอย่างเดียวคือพ่อแม่รู้  แล้วเค้าสองคนซีเรียสเรื่องหนี้สินมาก ลำพังตัวเค้าสองคนก็รายได้น้อยมาก  เฉลี่ยก็คนละสามพัน เพราะเค้าแก่แล้ว ทำไรไม่ค่อยไหว

ตอนแรกผมก็กะเอาประกันสังคมมาใช้ก่อน ไม่ให้พ่อกับแม่เดือนนี้ แต่แม่บอกต้องใช้เงินด่วน ก็เอาให้แม่ไป ส่วนหนี้ก็โดนกระหน่ำทวงทุกวัน แต่ไม่รู้จะหาเงินจากไหน ก็รีบโทรยืมตังเพื่อน  โทรไปประมาณ 4 คน  ไม่มีใครให้ยืมได้เลย บางคนก็วางสายใส่เลยบอกติดธุระ  ตอนนั้นก็รู้สึกท้อแท้ ยามลำบากทำไมไม่มีที่พึ่ง ตอนยามสบายเราช่วยเหลือทุกคน หน้าใหญ่มากๆ แต่จนแล้วจนรอดมีญาติคนนึงยอมให้ยืมเงิน หมื่นบาท  แต่ต้องใช้ภายในสิ้นเดือน  ซึ่งก็โอเค คิดว่าน่าจะได้งานก่อนสิ้นเดือนแน่ๆ  แต่ปรากฎว่า ไม่ได้ !


- มิถุนายน ...................... เป็นเดือนที่เครียดที่สุด  เพราะประกันสังคมไม่มีแล้ว ส่วนหนี้ญาติก็มีหมื่นนึง  แถมขั้นต่ำอีกหมื่นสอง พ่อกับแม่อีกสามพัน  เท่ากับว่าต้องหามาให้ได้สองหมื่นห้า  จำได้ว่านอนไม่หลับ คิดไม่ตก นอกจากจะโดนทวงหนี้จากบัตรเงินสดแล้ว ยังโดนญาติทวงแบบเหมือนหมูเหมือนหมา  

พอยังไม่มีจ่ายให้ก็ทวงโหดยิ่งกว่าบัตรกดเงินสด คือ ประจานลงเฟสบุ๊คเลย แท็กชื่อมาหาผมด้วย ตอนนั้นโคตรอาย  เลยเอาวะ เป็นไงเป็นกัน อะไรขายแปลงเป็นเงินได้ยอมหมด  ไอโฟน ไอแพด ขายเรียบ  ได้มาสองหมื่น อารมณ์ตอนนั้นร้อนเงินมากๆๆๆๆๆ โดนกดราคาของสารพัด แต่ก็จำใจต้องยอม เข็ดจนวันตาย   รีบใช้ให้ไอ้ญาติเวรก่อนเลย แม่ก็มาทวงจะใช้ตังไปโลตัสๆๆๆ ก็ให้ไป  ส่วนหนับัตรยังขาดอีกประมาณสี่พัน แล้วตอนนั้นวันที่ 8 ของเดือนแล้ว (ดีลชำระวันที่ 2) ก็โดนโทรตาม

ตอนนั้นก็กะจะปล่อยให้ติดบูโรไปเลย หมดแรงแล้ว  แต่ดันได้งานที่นึง  ละดันขอตรวจบูโรก่อนเข้างาน ผมก็คิดว่าทำไมกุว์ซวยเ...ยๆแบบนี้วะ  ซวยไรขนาดนี้   ก็จำเป็นต้องหาเงินสี่พันให้ได้ก่อนจะเซ็นสัญญา ซึ่งเค้านัดเซ็นต์ วันที่ 10  เริ่มงานวันที่ 20  เงินเดือนหมื่นเจ็ด  ตอนนั้นคิดว่าโอเคมากๆ แต่อีกสองวันเอง กุว์จะหาเงินจากไหนมาวะ สี่พัน  ยืมใครก็ไม่มีใครให้ยืมซักคน

  พ่อแม่ก็ไม่มีเงิน  จะทำยังไงดีๆๆๆ ร้องไห้ นั่งเครียด  ในหัวก็คิดว่าโดนน้ำตายดีไหม   แต่สรุปเดินเจอตลาดนัด  ตอนนั้นหมดความหน้าบางแล้ว  เลยถามพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นว่าจะวางของขายทำยังไง ก็เลยได้คำตอบว่าค่าเช่าที่วันละห้าสิบบาท  แต่ขายได้บ่ายสี่ถึงสามทุ่ม  ในใจก็เอาวะ หมดความหน้าบาง  ไปขนทุกอย่างมาขายให้หมด 

 ตอนแรกไปวางขายก็โคตรอาย กลัวเพื่อนมาเจอ  เกิดมาไม่เคยทำ  แค่เดินลากของเข้าไปก็อายแล้ว แต่ทำไงได้ร้อนเงินสี่พัน   พอวางขายปุ๊บ  ก็มีน้องเด็กผู้หญิงมาชวนคุย คุยไปซักพักก็โดนซื้อของผมไปเยอะเหมือนกัน แล้วน้องแกก็ชวนๆล็อคข้างๆมาซื้อ  ก็เออขายได้ ราคาผมขายร้อยบาทขึ้น / ชิ้น

ซักพักก็มีน้องตุ๊ดแต๋วเก้งกวางบ่างชะนีเป็นแก๊งเลยแถวนั้น ก็มาถามว่าพึ่งมาหรอ เดี๋ยวอุดหนุน  ก็มาซื้อเลยไม่ต่อราคาซักบาท (ในขณะที่พวกป้าๆลุงๆต่อราคาเก่งฉิบเป๋ง) เอาไปเอามาผมขายของวันนั้นได้ประมาณ ห้าพันกว่าบาท ขากลับบ้านยืนเเทบไม่ไหว เจ็บเข่า ปวดไปหมด แต่ก็ดีใจมีเงินพอใช้หนี้อีกสี่พันบาท รอดตัวได้งานไป


- กรกฎาคม  ............. เงินเดือนยังไม่ออก  ค่าใช้จ่ายก็มีเพราะต้องไปทำงานแล้ว ทั้งน้ำมันรถ ค่ากิน ค่าจิปาถะในออฟฟิศ แถมโดนทวงเหมือนเดิมอีกหมื่นสอง  พ่อแม่อีกสามพัน  แล้วหนึ่งอาทิตย์ผมจะมีเวลาว่างหนึ่งวัน  ซึ่งวันที่ตลาดนัดเดิมจะเปิดแล้วผมจะหยุดไปขายของได้ล่อไปวันที่ 9 ซึ่งก่อนหน้านั้นโดนกระหน่ำทวงจนแทบไม่ต้องทำงาน วันนึงเป็นสิบสาย โคตรเครียด

บางวันไม่มีตังกินข้าว ไม่มีตังเติมน้ำมันเหลือสองขีด ต้องแอบๆไปกินน้ำก๊อกเอา ไม่ก็หลบๆเพื่อนในออฟฟิศตอนกลางวันในห้องน้ำ พอวันที่ 9 ปุ๊บ  คิดว่าจะสบายใจ หาเงินได้แน่ๆ 

 ปรากฎว่าวันนั้นขายของได้แค่เจ็ดพันกว่าๆ  ยังขาดอีกห้าพัน  เพราะฝนตกหนักมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  แถมทำเลวันนั้นก็ดันซวยหลบมุมเพราะเราเป็นขาจร  ทุกอย่างไม่เป็นไปตามคาด 

 เลยต้องขอลางานที่ทำงานใหม่หนึ่งวันกะทันหัน (ลาป่วยกะทันหัน)  แต่จริงๆแล้ววิ่งหาตลาดนัดขายของหาเงินให้ไวที่สุดเพราะไม่มีกินแล้ว เติมน้ำมันไป ออกวิ่งหาจุดขายของได้  สรุปบังเอิญเจอย่านชุมชนที่นึง คนพลุกพล่านมากแทบเดินซื้อของเยอะเลยรีบจอดรถ เปิดท้ายขายแบบไม่อายพ่อค้าแม่ค้าแล้ว เค้าขายเป็นรถเข็น เราขายเป็นรถเก๋ง ตอนแรกๆก็อาย กลัวๆๆๆ เพราะเป็นขายริมถนนเลย  ตอนแรกก็ไม่มีคนมาดูของเลย แต่ซักพักมามุงดู เออขายได้ แต่ขายได้แค่สามพันเก้า ยังขาดอีกพันเอ็ด  ซึ่งตอนนั้นห้าโมงเย็นแล้ว  มีเวลาอีกไม่กี่ชั่วโมงจะหาที่ลงได้

  ปรากฎว่าเจอตลาดนัดที่นึง ปกติไม่เคยสังเกตุว่าคนจะพลุกพล่านขนาดนี้ รีบจอดเลย  ถามเค้าว่ามีค่าเช่าที่ไหม เค้าบอกวางได้เลยๆๆๆ วันนี้เค้าไม่มาขายของพอดี  แต่ตลาดนัดปิดทุ่มนึงนะ   เราก็ห๊ะ ! แล้วทุ่มนึง (มองนาฬิกาปาไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว ตะวันก็ใกล้ลับฟ้า ) เราก็สองจิตสองใจ แต่ปรากฎว่าก็ลากของไปขาย ฟ้าเริ่มใกล้มืด แม่ค้าพ่อค้าแถวนั้นก็ซ้ำเติมเราอยู่นั่นบอกไม่มีทางขายได้หรอกเค้าใกล้ปิดแล้วๆๆๆๆ แมลงก้อเยอะ มืดก็มืด

แต่ผมพยายามคิดว่าเอาให้ได้ๆๆๆ มีคนเดินยังเยอะอยู่ อีกแค่พันก็ยังดี  สรุปชั่วโมงเดียวขายได้พันห้า  เพราะพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นเดินมาช่วยซื้อ กดราคาก็ยอมขาย เพราะไม่งั้นกลัวไม่รอด  สรุปรอด ! ส่วนตอนไปทำงานก็มีลำบากนิดนึงเวลากินข้าว เพราะ ไม่มีเงินจริงๆ


- สิงหาคม  เงินเดือนออกพร้อมยอดเดือนก่อนที่ไม่เข้า  ยืนร้องไห้ตอนข้อความเข้ามือถือป่วยๆที่แอบไปซื้อมือสองมาสี่ร้อยบาท จำฝังใจว่าจะไม่ยอมเป็นแบบนี้อีกแล้ว  เครียดมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  ตอนนี้ก็ยังเครียด แต่รู้สึกยังมีทางรอด หมดความหน้าบางแล้ว หน้าด้านโคตรๆ 55+  หนี้สินที่เหลือก็ยังพอมีทางใช้หมด  เพราะได้งานแล้ว เงินเดือนน่าจะพอไหว 

เหนื่อยพิมพ์คับ ประมาณนี้นะ สรปเหนื่อย ไม่เอาแล้ว เข็ด

ขอบคุณที่มา: สมาชิกเวบไซต์พันทิป หมายเลข 3327288 
http://pantip.com/topic/35470645

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์