ล่าสุด วันนี้ (1 ธ.ค.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เปิดเผยเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้ขอเรียนว่า มีป้าคนหนึ่งได้โทรฯ มาหาตนเอง เล่าเรื่องกรณีที่ป้ากับสามีไปรับจ้างติดคุก ซึ่งตอนนี้สามีติดคุกอยู่เรือนจำมุกดาหาร ทั้งนี้ป้าคนดังกล่าวได้เล่าว่า มีคนมาว่าจ้างให้สามีติดคุกแทน เพราะขณะนั้นสามีอยู่ในเรือนจำและกำลังจะพ้นโทษ โดยมีตำรวจมาติดต่อ ซึ่งคดีที่เกิดขึ้นเกิดในสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ได้มีการสนธิกำลังเข้าจับกุมพวกตัดไม้ทำลายป่า โดยบุกจับคนลอบตัดไม้พะยูงเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อประมาณวันที่ 8 เม.ย.2558 และปรากฎว่าสามารถจับนายทุนรายใหญ่ของประเทศได้ จึงได้มีการติดต่อป้าและสามีให้ติดคุกแทน เพราะถึงอย่างไรก็ติดคุกอยู่แล้ว เลยจะให้ติดคุกต่อไปเลย ให้ค่าจ้าง 2แสนบาท และบอกว่าจะติดคุกไม่เกิน 4เดือนเท่านั้น จึงได้รับงานนี้ คนจ้างได้มีการจ่ายงวดแรก 1แสนบาท แต่ต่อมากลับจ่ายด้วยวิธีการโอนมาให้ แค่ครั้งละพัน สองพันบาทเท่านั้น
นายสงกานต์ กล่าวว่า เมื่อไปปรากฎตัวต่อพนักงานเอาตัวสามีไปเป็นแพะ มีการนำตัวส่งอัยการๆ ได้มีการส่งฟ้อง ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ทำการว่าจ้าง ได้มีการไปยืนฟังด้วย พอวันที่ตัวอัยการส่งฟ้องศาล ทางแพะก็รับสารภาพ ศาลก็พิพากษาจำคุก 9ปี สารภาพลดกึ่งหนึ่งเหลือ 4ปี6เดือน สามีของป้าที่รับเป็นแพะก็ตกใจ เมื่อฟังคำพิพากษาเพราะไม่ได้เป็นไปตามที่มีการกล่าวอ้าง ตนเองได้ถามว่าทำไมทำแบบนั้น ป้าเลยบอกว่าเพราะจนไม่มีรายได้อะไร รับจ้าง 4เดือน 2แสน ก็คุ้ม และไหนๆ ก็ยากจนก็รับไป ตนก็บอกว่าในส่วนที่เขาว่าจ้างก็เรื่องหนึ่ง แต่อีกเรื่องหนึ่งคือ เรื่องที่ถูกดำเนินคดีแน่นอน นั่นคือ ข้อหาแจ้งความเท็จ และอาจโดนละเมิดอำนาจศาลด้วย ซึ่งตัวป้าก็ยอมรับ แต่ไม่อยากให้คดีที่ตนเองโดน มีคนเอาเป็นเยี่ยงอย่าง และเชื่อว่ากระบวนการนี้มีอยู่ จึงออกมาเปิดโปงเป็นรายแรก ซึ่งไม่มีใครกล้าเปิดโปงมาก่อน ซึ่งขณะนี้สามีของป้า ได้ติดคุกมาประมาณ ปีกว่าแล้ว ขณะนี้ป้าคนดังกล่าว ได้ไปที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)และได้มีการแจ้งความเอาไว้แล้ว และรับสารภาพความจริงทั้งหมดเพื่อให้มีการสืบสวนสอบสวน
"สัปดาห์หน้าวันที่ 8 ธ.ค.ผมจะพาป้าที่เป็นภรรยาของคุณลุง ที่ติดคุกแทนนายทุน ตอนนี้อยู่ที่เรือนจำมุกดาหารก็จะพาญาติพี่น้องมาพบผมทั้งหมดเลย จากนั้นจะพาไปยื่นหนังสือร้องทุกข์กับนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และยื่นต่อ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เนื่องจากดูแล้วเป็นกระบวนการใหญ่โตผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง และให้ดำเนินการสอบสวนสืบสวนเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง เนื่องจากคดีนี้มันเกี่ยวกับคนมีสี เกี่ยวข้องกับคนในกระบวนการยุติธรรม หากเราไม่ดำเนินการจริงจัง ก็จะมีคนเอามาเป็นเยี่ยงอย่าง มักง่ายเกินไปในการติดคุกแทนคนอื่น"นายสงกานต์ กล่าวและว่า ทางป้ายอมรับว่า มีบางคนที่เป็นเหมือนแก แต่แกเชื่อว่ากระบวนการเหล่านี้ยังมีอีกมาก แต่ไม่มีใครกล้าออกมาเปิดเผย ซึ่งฝากประธานศาลฏีกา ผบ.ตร. อัยการศาลยุติธรรม รวมทั้งกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ขอให้พิจารณาเรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน" นายสงกานต์ กล่าว