เรื่องราวน่าสลด! 2 ตา - ยาย ตายอย่างโดดเดี่ยว หลังตาสิ้นใจ ปล่อยยายนอนติดเตียงหมดลมตาม

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ธนากร ใจสุขสกุลดี ได้เผยเเพร่เรื่องราว ชวนสพรึงจากประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาชาวบ้านในชุมชนเมืองฮิงาชิมูรายามะ เขตฟุมิโชว ของกรุงโตเกียว ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าตรวจสอบร้านขนมโบราณร้านหนึ่ง ภายหลังจากพบว่ามีแมลงวันตอมหึ่งตรงบริเวณหน้าต่าง อีกทั้งยังไม่พบเห็นสามีและภรรยาเจ้าของร้านมานานแล้ว

โดยโพสต์ดังกล่าวเล่าว่า สกู๊ปข่าวพิเศษรายงานมาจาก เขต Fujimichō อำเภอ Higashimurayama เมืองชานเมืองของมหานครโตเกียว ปลายเดือนพฤษภาคมต้นฤดูร้อน ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าวโทรศัพท์แจ้งตำรวจที่หมายเลขโทรศัพท์ 110
ว่าชาวบ้านพบฝูงแมลงวันนับร้อยตัวบินตอมหึ่งที่บริเวณหน้าต่างร้านขนมโบราณหลังหนึ่งทางด้านที่ติดกับสวนและนอกจากนั้นเพื่อนบ้านไม่พบเห็นสามีภรรยาสูงอายุ
เจ้าของบ้านมานานพอสมควรแล้ว คาดว่าน่าจะมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอยากให้ช่วยมาตรวจดูให้หน่อย

เจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งนายเร่งรุดเดินทางไปในทันที ชาวบ้านผู้แจ้งความยืนรออยู่แล้วและพบว่าประตูบ้านล็อคจากข้างในจึงได้แจ้งเหตุไปยังดับเพลิงเขตให้ส่งทีมงานมาช่วย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงมาถึงและใช้เครื่องมือเปิดหน้าต่างแล้วลอดตัวเข้าไปภายในบ้านแล้วเปิดประตูให้กับตำรวจหนุ่มและเพื่อนบ้านผู้โทรศัพท์แจ้งความ

ภายในบ้านภาพที่ปรากฏต่อสายตาของทุกคนก็คือ สองสามีภรรยาที่คาดว่าเป็นเจ้าของบ้านนอนแหง่กกลายเป็นศพเน่าเปื่อยจนจำไม่ได้ว่าใครเป็นผู้หญิงใครเป็นผู้ชาย ตำรวจส่งทีมงานมาเพิ่มเพื่อเก็บซากศพไปพิสูจน์หา
สาเหตุการตายและระบุตัวบุคคล
( ตามกฎหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกข่าวว่า กำลังพิสูจน์บุคคลว่าผู้ตายเป็นใครและตายด้วยสาเหตุอะไร จะสรุปลงไปเลยว่าเป็นสองสามีภรรยาเจ้าของบ้านไม่ได้นะเออ )

แต่เพื่อนบ้านให้การกับนักข่าวว่า ศพทั้งสองคือสามีภรรยาเจ้าของร้านขนมเก่าแก่ของชุมชนชื่อ Sanoya
สามีชื่อ Sano Eiji อายุ 90 ปี ภรรยาชื่อ Sano Takiko อายุ 82 ปี ทั้งสองเปิดกิจการร้านขนมแห่งนี้มาอย่างยาวนานหลายสิบปีมาแล้วล่ะ
ตำรวจตรวจสอบหลักฐานใบเสร็จจากซุปเปอร์แล้ว
สันนิษฐานว่าสองสามีภรรยาน่าจะเสียชีวิตมาตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ ตำรวจตัดประเด็นฆาตกรรมทิ้งไปหลังจากที่ตรวจสอบบ้านทุกซอกทุกมุมอย่างละเอียดแล้ว

ฝ่ายคุณปู่สามีก็ป่วยเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจเป็นอัมพาตและเส้นเลือดในสมองแตกอยู่แล้ว คาดว่าคุณปู่วัย 90 น่าจะเสียชีวิตก่อนด้วยอาการของโรคดังกล่าวที่กำเริบอย่างเฉียบพลัน หลังจากนั้นคุณย่าซึ่งนอนแทบจะติดที่นอนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยน่าจะเสียชีวิตตามไปอย่างน่าเวทนา เพราะไม่ได้กินข้าวกินน้ำหลายวัน

คุณลุงคนเดิมตัดพ้อต่อว่าอย่างน่าเห็นใจว่า การตายของสองสามีภรรยาเข้าข่าย การตายอย่างโดดเดี่ยว นั่นเอง สมัยนี้เป็นยุคสมัยที่ลูกๆต่างก็แยกออกไปอยู่ข้างนอกต่างหากด้วยล่ะ หมดแล้วซึ่งยุคสมัยครอบครัวใหญ่อยู่รวมกันปู่ย่าตายายลูกหลานแล้วล่ะ เพื่อนบ้านก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่มย่ามอะไรได้มากนักเนื่องจากเหตุผลความเป็นส่วนตัว อีกส่วนหนึ่งก็มีสาเหตุมาจากสังคมญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่ต้องเคารพความเป็นส่วนตัวของคนอื่นซึ่งบางทีมันก็มากจนเกินไปนั่นด้วยล่ะ ทำให้สังคมห่างเหินกันมากขึ้นเรื่อยๆ

นี่ถ้าหากลูกชายคนเดียวของพวกเขาติดต่อมาหาเพื่อนบ้านบ่อยๆก็คงจะไม่เกิดเหตุเศร้าใจอย่างนี้หรอก
ลุงย้ำอีกด้วยว่า ไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรอก พรุ่งนี้อาจจะเป็นตัวลุงเองก็ได้ที่ต้องเผชิญหน้ากับการตายอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้เวลาควานหาตัวลูกชายคนโตของบ้านนี้อยู่สองอาทิตย์ก็ยังหาไม่พบเจอ อะไรมันจะห่างเหินไม่สนใจพ่อแม่ขนาดนั้นน้อ !!

คุณปู่ Sano Eiji เคยแต่งงานครั้งแรกไม่มีลูกและได้
หย่าร้างกันไปกับภรรยาคนเก่า หลังจากที่มาพบคุณย่า Tokiko ในวัยสี่สิบกว่าๆคุณย่าโทคิโกะได้ให้กำเนิดลูกชายในวัย 40 ปีพอดี ทั้งสองพยายามเลี้ยงลูกชายสุดที่รักอย่างดีจนสุดความสามารถ สู้อุตส่าห์ส่งเรียนโรงเรียนเอกชนที่มีชื่อเสียงประจำอำเภอ

ในญี่ปุ่นจะมีวันที่พ่อแม่ต้องเข้าร่วมชั้นเรียนของลูกเพื่อ
สังเกตการณ์และมีส่วนร่วมกับวัยเรียนของลูก แต่ลูกชายคนนี้บอกว่า
" พ่อกับแม่ไม่ต้องมานะ ผมอายเพื่อนที่มีพ่อแม่แก่ "

หลังจากที่เวลาผ่านไปเกือบเดือนนายลูกชายก็คงจะรู้ข่าวว่าพ่อแม่เสียชีวิตแล้ว ชาวบ้านค่อยเห็นเขามาที่บ้านเพื่อจัดการกับบ้านและที่ดินที่เป็นมรดกของพ่อแม่ ได้ยินว่าเขาว่าจ้างให้บริษัทรีไซเคิลมาจัดการเก็บกวาดทุกสิ่งทุกอย่างไปขายเปลี่ยนเป็นเงินในสิ่งที่ขายได้และบ้านหลังนี้ก็ยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้ และอาจจะกลายเป็นบ้านร้างอีกหนึ่งหลังในที่สุด จบข่าวเศร้าจากชานนครโตเกียว