กระทู้เด็ดพันทิป แชร์กระทู้ ของสาเหตุที่ทำให้การศึกษาไทยตกต่ำ จริงๆแล้วเกิดจาก ครูผู้สอน รึ ตัวบุคคลกันแน่ ?
จากผู้ใช้งานกระทู้ในเว็บพันทิปหมายเลข 3936291 โพสถึงการศึกษาไทย ถึงสาเหตุส่วนนึงที่ทำให้การศึกษาไทยตกต่ำ จากสิ่งที่พบเจอ ซึ่งในกระทู้แจกแจงความคิดเห็นจากสิ่งที่ผู้โพสพบเจอมาเอง
1. ครูไทยไม่ได้มีหน้าที่สอนเป็นงานหลัก
งานหลักของข้าราชการครูไทยปัจจุบัน คือสนองนโยบายรายบุคคลของรัฐมนตรีแต่ละยุค ส่วนวิธีการสนองนโยบายคือ ประชุม อบรม กลับไปทำเอกสาร ถ่ายรูป ตกแต่งโรงเรียนรับการเข้าประเมิน แล้วส่งไปยังผู้บังคับบัญชาตามสายงาน งานส่วนนี้เบียดบังการสอนอย่างมาก เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีสัปดาห์ไหนได้สอนอย่างเต็มที่เลย
หมายความว่าเมื่อมีรัฐมนตรีมาใหม่รอบนึง ก็จะมีโครงการใหม่ๆมาให้ทำโดยโครงการเก่าก็ยังไม่ยกเลิกทำให้เกิดการทับซ้อนกันมาเรื่อยๆ แล้วยังมีการประกวดแข่งขันทางวิชาการเพื่อเอาผลงานของโรงเรียนประกอบการย้ายของ ผอ โรงเรียนด้วย สารพัดเรื่องหยุมหยิม นอกเหนือการสอน
ดังนั้นการเรียนของนักเรียนเอาไว้ทีหลังเป็นเรื่องนอกเวลาว่างค่อยสอนไม่ว่างก็โยนรายงานไปให้นักเรียนทำ เป็นแบบนี้มาตลอด นักเรียนจึงไม่มีโอกาสได้เรียนอย่างจริงจังเลย แล้วเด็กส่วนใหญ่จะมีความรู้อะไร
การเรียนการสอนที่แท้จริงของเด็กไทยที่ทำให้มีเด็กเก่งเกิดขึ้นมาจาก "การเรียนกวดวิชา หรือเรียนพิเศษ" เป็นส่วนใหญ่ ครูของพวกเขาคือติวเตอร์ครับ
ถามว่าครูที่โรงเรียนความรู้ไม่พอสอนหรือ เปล่าเลยครับมีพอและต้องการถ่ายทอดแต่ไม่สามารถทำได้ ถ้าครูคนไหนดื้อแพ่งรักการสอนไม่ยอมทำงานอื่นนอกจากการสอน สิ่งที่จะได้รับคือการว่ากล่าวตักเตือน อาจจะไม่ได้พิจารณาความดีความชอบ บางคนโดนกดดันจนต้องย้าย บางคนก็ลาออก
นี่คือปัญหาแรก
2. เรื่องการวัดผลประเมินผล
การวัดผลตอนนี้กระทบกับผลงานของโรงเรียนครับ ดังนั้นจะประเมินตามจริงไม่ได้ จะประเมินให้ตกไม่ได้ ซ้ำชั้นไมได้ ต้องผ่านหมดทุกคน ไม่อย่างนั้นตัวเลขในเอกสารจะมีปัญหา ผู้บังคับบัญชาไม่พอใจ ผลคือ นักเรียนที่ความจริงไม่ควรจะผ่านเกณฑ์ ความรู้ไม่พอสำหรับจะเรียนในชั้นต่อก็ต้องผ่านครับ เด็กพวกนี้จะถูกปล่อยไปสร้างปัญหาต่อในชั้นถัดไป จนกระทั่งจบ ม.6 ซึ่งผลคือนักเรียนหลายคน ณ ตอนนี้ ที่เรียนจบ ความรู้พื้นฐานยังเทียบไมได้กับ ป.6 สมัยโบราณเลย หลายคนอ่านเขียนภาษาไทยให้ถูกต้องยังทำไม่ได้ เวลาเจอการสอบวัดผลจริงๆ อย่าง O-Net หรือ PISA เลยตกกันระนาว สะท้อนความเน่าหนอนของระบบการศึกษาไทย
แล้วผลพวงต่อมาจากการที่ให้นักเรียนตกไม่ได้ ทำโทษใดๆ ไม่ได้นั้น คือการปลูกฝังความไม่รับผิดชอบให้กับตัวนักเรียนเองด้วย เนื่องจากนักเรียนโดยมากไม่ได้มีหน้าที่อะไรในการช่วยงานพ่อแม่ที่บ้านอยู่แล้ว มาโรงเรียนก็ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ กับผลการเรียนอีก เด็กบางคนพื้นฐานครอบครัวแย่ได้รับการปลูกฝังมาแย่ ก็เริ่มไม่สนใจอยากเรียน ไม่มาเรียนบ้าง ก่อกวนบ้าง ตั้งกลุ่มตั้งแก๊งกันบ้าง การสอนของครูในห้องยิ่งลำบากเข้าไปอีก 1 ชั่วโมง อาจจะต้องอย่างน้อย 10-20 นาทีในการจัดระเบียบห้อง อีกส่วนทบทวน อีกส่วนสอนเพิ่ม ความรู้ที่อยากจะให้ยิ่งมีโอกาสน้อยลงไป
อยากสอนก็สอนไม่ได้ มีความรู้จะให้ก็ไม่พร้อมรับ คนที่พร้อมรับก็ไม่สามารถเน้นกลุ่มนั้นกลุ่มเดียวได้อีก
3. การปลูกฝัง อบรม นิสัย ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป
นอกจากการสอนในห้องเรียนที่ทำได้ไม่เต็มที่แล้ว ที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันหรืออาจจะสำคัญกว่าด้วยซ้ำก็คือ การอบรม ขัดเกลานิสัยในนักเรียน เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่หลายคนมองข้าม แต่มันคือเรื่องหลักในความเหลื่อมล้ำของโรงเรียนชนบท โรงเรียนเล็ก โรงเรียนกระจอกนอกสายตา กับโรงเรียนใหญ่ ที่ต้องจ่ายแป๊ะเจี๊ยะเพื่อแย่งกันเข้าเลยครับ การแย่งเข้าโรงเรียนใหญ่ หลักๆ เลยไม่ใช่แค่งบครับ อันดับ 1 สำหรับผมคือเรื่องการอบรม บ่มนิสัย ค่านิยมของนักเรียน
เรื่องนี้คาบเกี่ยวกับปัญหาที่สอง คือ ปัจจุบันครูแทบจะไม่สามารถอบรมนักเรียนได้แล้วครับ ต้องเข้าใจก่อนว่า สภาพของสังคมเรานั้น พ่อแม่ส่วนใหญ่คิดแต่จะให้โรงเรียนเป็นผู้ทำการอบรม นิสัยของนักเรียน ปลูกฝังค่านิยมต่างๆ โยนภาระนี้ให้ครูแบบเต็มๆ แต่กระทรวงได้ออกนโยบายหลายอย่างทำให้การอบรมวินัย มารยาท นิสัยเด็กนักเรียนเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
โรงเรียนไม่สามารถลงโทษอะไรเด็กได้ ตีนี่ห้ามแน่นอน ดุว่า ก็ทำไม่ได้ ไล่ออกก็ไม่ได้ ตัดคะแนนก็เท่านั้น เพราะให้ตกให้ซ้ำชั้นไมได้ ต่อให้ติดลบล้านคะแนนก็ไม่มีผล สรุปคือครูทำอะไรไม่ได้เลย นักเรียนก็รู้ว่าจะทำอะไรก็ได้ ไม่เรียนก็จบ ดังนั้นอย่าหวังจะใช้จิตวิทยาครับ ผู้ปกครองไม่ร่วมมือ นักเรียนไม่สนใจฟัง จิตวิทยาอะไรต่างๆ แค่เรื่องไร้สาระทันที ไม่มีประโยชน์ แถมเสียเวลาด้วย เพราะปัญหาเมื่อเราลงโทษนักเรียนไมได้ คนอื่นก็เอาตาม เด็กมีปัญหาจึงมีเต็มโรงเรียนไปหมด