เปิดโปงชีวิต! หวานเจี๊ยบ เน็ตไอดอลดัง ทำงานกลางคืนเลี้ยงแม่ป่วยอัมพฤกษ์

หน้าแรกTeeNee ข่าวร้อนโลกโซเชียล โพสของคนดัง เปิดโปงชีวิต! หวานเจี๊ยบ เน็ตไอดอลดัง ทำงานกลางคืนเลี้ยงแม่ป่วยอัมพฤกษ์

ถูกกระแสโซเซียลพูดถึงมาตลอดสำหรับเน็ตไอดอลชื่อดังแห่งเมืองเชียงใหม่ น้องหวานเจี๊ยบ เจ้าของที่โดนโจมตีกับการเป็นผู้หญิงทำงานกลางคืนจนใครๆต่อใครต่างพากันเหมาและเข้าใจว่าเธอเป็นผู้หญิงอย่างว่า ได้ยินแล้วมันน่าเจ็บปวดใจ ทั้งๆที่ผ่านมาเป็นลูกกตัญญู ไม่เคยเล่าหรือบอกใครมาก่อนว่าทางบ้านลำบากยากจนแค่ไหน มีแม่ที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก เดินเหินก็ไม่ค่อยจะได้พ่อก็แค่ทำงานรับจ้างไปวันๆ หนักสุดเหลือเงินติดตัวแค่ 15 บาทจนต้องหันหน้าเข้าสู่วงจรคนทำงานกลางคืน ผ่านประสบการณ์โดนแซว โดชวนทุกสิ่งอย่าง ถ้าเลือกได้อยากทำงานที่ไม่อยากให้ใครมามองดูถูก!!

“ผู้หญิงกลางคืนกับคนทำงานกลางคืนนั้นไม่เหมือนกัน แต่ชอบมีคนเอาหนูไปนินทา พูดเสียๆหายๆ ดูถูกเราว่าหนูเป็นแบบนั้นแบบนี้ แรกๆหนูก็ไม่เคยคิดหรอกที่เข้ามาทำงานสไตล์แบบนี้เพราะแน่นอนมันสุ่มเสี่ยง แต่ครอบครัวลำบาก หนูเป็นเสาหลักของที่บ้านต้องออกทำงานเป็นเด็กขายป๊อปคอร์นทั่วผับในเมืองเชียงใหม่ แล้วก็กลายมาเป็นพรีตตี้เชียร์เบียร์แทบทุกยี่ห้อ แน่นอนลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย เจอแซว เจอแทะโลม สารพัดรูปแบบ หนูก็พยายามอดทน บางครั้งเจอลูกค้าหยาบคายลามกใส่ ก็ต้องกล้ำกลืนอดทนเพื่อหาเงิน ที่แย่สุดมีคนเอาเราไปด่าว่าเราเป็นผู้หญิงใจง่ายสำส่อน ได้ยินแล้วมันเจ็บใจมาก จนหนูบอกกับตัวเองว่าถ้าฉันรวยมีเงินเยอะเมื่อไหร่ จะพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าฉันไม่เคยคิดเอาศักดิ์ศรีลูกผู้หญิงไปแลก”

เล่าประสบการณ์ชีวิตของคนที่ทำกลางคืน ก่อนผันตัวกลายเป็นเน็ตไอดอลมีแฟนคลับติดตามหลายหมื่นคน “หนูเป็นคนหนึ่งที่ต้องทำงานกลางคืนแล้วมีเพื่อนที่แบบเป็นสาวนั่งดริงค์แบบนี้ อารมณ์เด็กเชียร์เบียร์ตามผับตามร้านเหล้าที่มีผู้ชายไปเที่ยวเยอะๆ แต่ถ้าให้แนะนำ ถ้าไม่ได้เดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายจริงๆ แนะนำว่าอย่าทำเลยค่ะ มีเพื่อนๆที่เคยทำทั้งๆที่เข้าไปตอนแรกก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบ ตอนที่ทำแรกๆอาจจะสนุกเพราะเงินได้มาง่าย เหมือนได้ไปเที่ยว ไปกินฟรี แต่หนูทำงานเฉพาะอยู่ในร้านไม่เคยออกไปกับแขกหรือใครชวนไปไหนไม่มีทาง เลิกงานก็กลับบ้าน เห็นเพื่อนๆหลายคนที่เขามีผู้ชายมาเลี้ยง ก็เจอกันที่ร้านนั่นแหละ คบกันได้พักส่วนใหญ่ก็เลิก หลายคนหลวมตัวเข้ามาทำงานอย่างว่า สิ่งที่ได้หลังจากนั้นคือ ความทรงจำที่จะติดตัวไปตลอดชีวิต ว่าเคยเป็นผู้หญิงทำงานกลางคืน เป็นผู้หญิงนั่งดริ้งค์อะไรแบบนี้

เชื่อเถอะค่ะ ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครเชื่อว่าเราจะเป็นคนดี ถึงแม้ว่าเราจะแค่นั่งดริ้งทำงานในร้านก็เถอะ จนตอนนี้บางทีหนูยังแอบคิดเลยว่า ถ้าหากเรามีแฟนไปจริงๆ เค้าจะรับเราได้จริงๆรึเปล่า ถ้าคุณพอจะมีทางเลือกก็อย่าทำเลย หนูเคยเจอเพื่อนพ่อมาเที่ยวที่ร้าน แล้วเขาก็เจอเราแต่เราบอกว่ามาเที่ยวกับแฟน เค้าเคยเลี้ยงเราตอนเด็กๆด้วย หนูรู้ว่าเค้าคงไม่เชื่อ เพราะดูจากสายตาเค้าคงไม่เชื่อเราหรอก แต่หลังจากนั้นหนูก็ไม่กล้ามองและคุยกับเค้าอีก ไหนจะเสี่ยงเจอเพื่อนอีกโลกนี้มันกลมมาก คุณต้องเจออะไรอีกหลายอย่างที่ไม่คิด อย่าคิดว่าเงินมันได้มาง่ายเหลือเกิน เพราะค่าใช้จ่ายก็เยอะเช่นเดียวกัน หนูอยากจะบอกในฐานะที่เคยมีเพื่อนทำงานผ่านงานแบบนี้มาก่อน เพราะสถานที่ อยากให้คิดดูให้ดีๆ อย่าคิดง่ายๆ เผลอๆการตัดสินใจครั้งนี้อาจจะเปลี่ยนชีวิตคุณเลยก็ได้”

หวานเจี๊ยบ เล่าต่อว่ามีคนพยายามชักชวนเธอจากเด็กขายป็อปคอร์น สู่เด็กนั่งดริ้งค์ เจ้าตัวลั่นถึงตายยังไงก็ไม่คิดทำงานอย่างว่า แต่ที่อดทนยอมโดนคนมองไม่ดีหรือทำงานในแวดวงนี้มาได้เพราะต้องเก็บเงินหาเงินสร้างชีวิตในขณะที่ภาระดูแลที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซึก และหนี้บ้านที่กำลังโดนยึด การทำงานเสี่ยงชีวิตกลางคืนจ่ายผลตอบลัพธ์ที่ดีพอจนเจ้าตัวปลดหนี้บ้านได้เป็นล้านและเก็บเงินก้อนเพื่อวางแผนอนาคตต่อไป เป็นลูกกตัญญูที่น่ายกย่องมากกว่า

“เรื่องราวจุดเริ่มต้นของหนูกัดก้อนเกลือกิน เคยมีเงิน 15 บาท นั่งกินข้าวไปร้องไห้ไป เคยเดินขายของพวกขนมป๊อบคอร์น แถวร้านเหล้า เดินไปทั่วมีแต่คนดูถูก ต่อสู้ชีวิตมาเรื่อยๆ เพราะมีความฝันและ ชอบเกี่ยวกับพวกความสวยความงาม ลองผิดลองถูกล้มลุกคลุกคลาน เคยเปิดร้านในตลาดนัดขายของครีมเกี่ยวกับที่ตัวเองใช้โดยเฉพาะจนครั้งหนึ่งเคยหน้าเกือบพัง และด้วยเป็นคนชอบคุยและนำบอกต่อ เกี่ยวกับวิธีดูแลตัวเอง ผลิตภัณฑ์ที่ตัวเองใช้ เพราะก่อนหน้านั้นเคยหน้าแหกมาก่อน

จนตอนหลังมานี้ทำแบรนด์ของตัวเอง ยอดขายทะลุหลายล้าน แต่ก่อนแม่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีกลำบากกันมากแต่หลังจากที่หนูเริ่มเก็บเงินได้ก็ช่วยทางบ้านรับผิดชอบหมด พ่อรับจ้างทั่วไปบางวันก็ไม่มีงานเราก็ไม่ให้พ่อทำอีกแล้ว ด้วยความที่หนูเป็นลูกคนเดียว เป็นเสาหลักของบ้าน ภาระทุกอย่างที่พ่อกับแม่เคยเป็นหนี้ รวมถึงบ้านที่เกือบโดนยืดหนูก็เป็นคนปลดหนี้ให้ ยอมเหนื่อยเพื่อคนที่เลี้ยงเราเอง ในวันที่เขาเดินไม่ไหวเดินไม่ได้ หวานนี่แหละ ถึงจะเป็นลูกผู้หญิงตัวเล็กๆก็จะดูแลพ่อกับแม่เอง”