ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีนี้ลงบนเฟซบุ๊ก ชูวิทย์ I'm Back โดยได้เขียนข้อความ ดังนี้
สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน
ขณะผมถูกคุมขังอยู่ที่ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์" ได้พบเห็น "ยู่ยี่" อดีตนางแบบซุปเปอร์สตาร์ ถูกคุมขังอยู่ที่ "ขังหญิง" ซึ่งเป็นอาคารแยกต่างหากสำหรับนักโทษหญิงเท่านั้น เมื่อวานศาลตัดสินลงโทษยู่ยี่ โดยยืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ จำคุก 20 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์ ลดให้ 1 ใน 4 เหลือ 15 ปี ข้อหานำยาเสพติดเข้ามาในราชอาณาจักรศาลชั้นต้นตัดสินเอาไว้ตั้งแต่ปี 2556
จวบจนปัจจุบันเป็นระยะเวลา 3 ปี ที่ยู่ยี่อยู่ในเรือนจำ เสียเวลากับขั้นตอนการต่อสู้ทางกฎหมาย สถานะจึงเป็นเพียง "ข.ญ. ขังหญิง" ไม่ได้เป็น "น.ญ. นักโทษเด็ดขาดหญิง" ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ข.ญ. หรือ ขังหญิง นั้น หมายถึง "คดียังไม่สิ้นสุด" ยังอยู่ในกระบวนการต่อสู้ ศาลยังไม่ตัดสิน และประกันตัวไม่ได้ ส่วน น.ญ. หรือ นักโทษเด็ดขาดหญิง นั้น หมายถึง "คดีสิ้นสุดแล้ว" ตามคำพิพากษาของศาลอันถือว่าเป็นเด็ดขาด
สิทธิที่จะได้เมื่อเป็นนักโทษเด็ดขาด คือ การได้เลื่อนชั้นนักโทษ อันมีผลต่อการได้รับอภัยโทษ เช่น หากเป็นชั้นเยี่ยม จะได้รับการลดโทษ 1 ใน 2 หมายความว่า ติด 10 ปีก็จะเหลือ 5 ปี กรณีนักโทษคดียาเสพติดอาจจะแตกต่าง หากโทษที่ได้รับมากกว่า 8 ปี จะต้องเว้นไม่ได้รับอภัยโทษไป 1 ครั้ง หากต่ำกว่า 8 ปี ก็จะได้รับการลดโทษ 1 ใน 5 สำหรับชั้นเยี่ยม นี่ถ้าหากยู่ยี่รับสารภาพเสียตั้งแต่ปี 2556 ที่ศาลชั้นต้น โทษ 20 ปี ก็จะเหลือเพียง 10 ปี สถานะจะเป็น "นักโทษเด็ดขาด" โดยเป็นนักโทษ "ชั้นกลาง" และมีการปรับชั้นทุก 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง หากไม่กระทำผิดวินัยของเรือนจำเพียง 1 ปี ครึ่ง ยู่ยี่จะได้รับการปรับชั้นไปถึง "ชั้นเยี่ยม"
เมื่อมีอภัยโทษปี 2558 1 ครั้ง และปี 2559 อีก 2 ครั้ง รวมเป็น 3 ครั้ง ยู่ยี่เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม สำหรับคดียาเสพติดจะได้รับการลดโทษครั้งละ 1 ใน 5 หมายความว่า ติด 5 ปี ได้ลด 1 ปี เท่ากับยู่ยี่ติด 10 ปี ได้ลด 2 ปี รวมอภัยโทษ 3 ครั้ง ได้ลดโทษรวม 5 ปีแสดงว่า "โทษของยู่ยี่ จาก 10 ปี จะเหลือ 5 ปี"
ยู่ยี่ติดคุกมาแล้วตั้งแต่ปี 2556-2560 คือ 3 ปี จาก 5 ปี เท่ากับอยู่เกิน 2 ใน 3 ของโทษที่ได้รับแล้ว จึงเข้าเงื่อนไขของการ "พักโทษ" วันนี้ยู่ยี่จะต้องเดินออกมาจากคุกพบกับอิสรภาพแล้ว
แต่ในทางกลับกัน ยู่ยี่เลือกต่อสู้คดี จึงเสียเวลาในกระบวนการทางกฎหมาย ทำให้ไม่ได้เป็นนักโทษเด็ดขาด จึงไม่มีสถานะ ไม่มีชั้น ไม่ได้รับอภัยโทษ เพราะคดียังไม่สิ้นสุด นี่เป็นเทคนิคในการต่อสู้และการยอมรับ ที่ทำให้ออกจากคุกได้เร็วกว่า
คนเรานั้นเมื่อทำผิดแล้วยอมรับผิด ศาลลงโทษ ก้มหน้าก้มตารับกรรม มันยังเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ มีวันที่ได้ออกชัดเจน ผมไม่ได้หมายความว่า ให้ยอมรับ หากคุณไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าคุณทำผิด ยอมรับสารภาพเสีย เพราะการสู้คดีนั้น ไม่ได้หมายความว่าคุณจะชนะเสมอไปภาษาคุกจึงบอกว่า "สู้ติดแน่ แพ้ติดนาน" ท้ายสุดคนที่เข้าคุกคือ "เรา" ไม่ใช่ "ทนาย"