6 พฤษภาคม จากกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและแกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) มอบอำนาจให้ทนายความแจ้งความดำเนินคดีกับมือโพสต์ที่ทำให้คุณหญิงสุดารัตน์เกิดความเสียหาย และได้รับความเกลียดชัง กรณีนำภาพและข้อความเท็จเพื่อให้คนเข้าใจผิดว่าการที่นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล นิสิตคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ได้รับเลือกเป็นประธานสภานิสิตจุฬาฯ มาก้มกราบคุณหญิงสุดารัตน์ และคุณหญิงอยู่เบื้องหลังการกระทำของนายเนติวิทย์ที่เสนอแนวคิดที่่จะไม่ก้มกราบพระบรมรูปพระปิยะมหาราช
เบื่อหน่ายพวกป่วยทางจิต ครั้งนี้ขอยาวนิดนึงครับ รูปนี้เป็นผมเองครับไม่ใช่เนติวิทย์
เมื่อเดือน ก.ค.ปี57 ผมได้ลาสิกขาบทจึงได้ไปกราบขอขมาคุณหญิงสุดารัตน์ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่ผมเคารพและเปรียบเสมือนผู้บังคับบัญชาของผม เพราะในอดีตที่ผ่านมา ผมยอมรับว่าผมเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อน และอาจทำอะไรหลายๆอย่างที่ทำให้คุณหญิงไม่สบายใจ ดังนั้นเมื่อผมตัดสินใจลาบวชจึงตั้งใจไปกราบท่านเพื่อขออโหสิกรรมในสิ่งที่เคยล่วงเกินเอาไว้ อันเป็นแนวทางที่ชอบแล้วของพุทธศาสนิกชนทุกคนก่อนที่จะลาสิกขาบท
ต้องเรียนทุกท่านว่าวันนี้ ผมเห็นรูปซึ่งผมให้ลูกน้องถ่าย และผมเป็นคนโพสต์ลงเฟสบุ๊คด้วยตัวผมเอง ช่วงที่กราบลาสิกขาบทกับคุณหญิง แล้วนำไปกล่าวเท็จว่าผมเป็นเนติวิทย์ เพื่อทำให้ผู้อ่านและผู้พบเห็น เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเกลียดชังต่อบุคคลที่อยู่ในรูป ถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้าย เกินกว่าที่ปุถุชนคนทั่วไปเขาจะทำกัน ผมเองถูกกล่าวหาจากสังคมหลายครั้งว่ามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ผมจะทำตัวเป็นอีแอบและไปกล่าวหาผู้อื่นโดยใช้หลักฐานที่เป็นเท็จแบบนี้
แม้ผมจะไม่ใช่คนดีแต่ผมเชื่อว่าผมก็ไม่ใช่คนเลว ผมก้มกราบคุณหญิงด้วยใจ เพราะคุณหญิงคือผู้ที่มีพระคุณและหวังดีกับผมมาโดยตลอด ผมโดนคุณหญิงดุ ว่าเธอยกมือไหว้ขอขมาอย่างเดียวก็พอ ไม่เห็นต้องกราบขนาดนั้น แต่ผมตั้งใจทำเพราะถือว่ามันเป็นธรรมเนียม ซึ่งชายไทยทุกคนที่จะเจ้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ จะต้องขอขมาต่อผู้อื่นทุกคน เพื่อชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ ปราศจากความรักโลภโกรธหลงใดๆทั้งสิ้น
วันนี้ได้ยินข่าวว่าคุณหญิงฯได้ไปแจ้งความต่อกลุ้มบุคคลดังกล่าวแล้ว ผมยินดีจะไปเป็นพยาน เพื่อให้การตามข้อเท็จจริงนี้ จนกว่าคดีจะถึงที่สุดครับ