ล่าสุด 4 มี.ค. รศ.ดร.จักษ์ พันธุ์ชูเพชร ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายการศึกษาต่อเนื่อง และรักษาการผู้อำนวยการสถานการศึกษาต่อเนื่องมหาวิทยาลัยนเรศวร ก็ได้มีการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊คส่วนตัวถึงเรื่องนี้เอาไว้ว่า..
ศาลชั้นต้นตัดสินว่าผิด หมายถึงคนนั้นเป็นผู้กระทำผิดตามคำสั่งศาล
การขอประกันตัวเพื่อไปอุทธรณ์เป็นสิทธิ์ของผู้กระทำผิด
แต่ไม่ได้ทำให้ความผิดเขาสะดุดหยุดลง หรือทำให้เขากลายเป็นผู้บริสุทธิ์
นั่นคือเขาได้เป็นผู้กระทำผิดแล้ว เพียงแต่ได้รับความเมตตาจากศาลให้ประกันตัวไปต่อสู้ทางคดีอีกครั้งหนึ่ง
คดีที่ศาลตัดสินแล้วจึงประทับบนสำนวนเป็น "คดีแดง" คือผลทราบชัดเจนแล้ว
การบอกว่ายังไม่ถึงศาลสูงถือว่าเขายังบริสุทธิ์อยู่จึงเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
กรณีของ บ.ไร่ส้ม และคุณสรยุทธได้มีหลักฐานชัดเจนว่าไม่จ่ายเงินให้ อสมท. และพบการสร้างหลักฐานเท็จของเจ้าหน้าที่ อสมท. โดยการจ่ายเช็คหลายฉบับลงลายมือชื่อคุณสรยุทธ อีกทั้ง จนท.ของ อสมท.เบิกความต่อศาลว่า แก้ไขข้อมูลตามคำแนะนำของคุณสรยุทธ การไม่ชำระเงินแก่ อสมท.จึงไม่ใช่การชำระเงินไม่ครบ แต่เป็นการหลบเลี่ยงในลักษณะการโกงตามกฎหมายบ้านเมือง
การชำระเงินของคุณสรยุทธให้ อสมท. เป็นการชำระภายหลังการตรวจสอบพบความผิดปกติ ซึ่งความผิดได้เกิดขึ้นและสำเร็จแล้ว
การอ้างว่าคุณสรยุทธเป็นคนเก่ง เงินทั้งหมดเป็นของ บ.ไร่ส้ม และคุณสรยุทธไม่ได้โกงเพียงแต่ชำระเงินไม่ครบ ซึ่งต่อมาได้ชำระเงินจนครบนั้น
จึงเป็นการอธิบายที่ไม่ถูกตัอง
การพิพากษาของศาลย่อมเป็นไปตามพยานหลักฐานอันเป็นข้อเท็จจริง โดยใช้กฎหมายเป็นแนวทางในการตัดสิน หากไม่มีหลักฐานการกระทำความผิดศาลก็ไม่สามารถลงโทษได้ และหากหลักฐานไม่ชัดเจน ศาลก็จะยกประโยชน์ให้จำเลย
การตัดสินของศาลไม่ได้อยู่ตรงที่ว่าเป็นพวกใคร ข้างใคร
การคิดว่า "ถึงจะแสนดีอย่างไร ถ้าไม่ใช่พวกตัว ก็ชั่วอยู่ดี" จึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้กับการพิพากษาของศาล
เพราะความชั่วมีความชั่วในตัวของมันเอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเป็นพวกตัวหรือพวกใคร
การพูดเช่นนั้นจึงเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง
คนที่ทำผิดอันเกิดในหน้าที่หรืออาชีพของตน ย่อมต้องรับผิดชอบทั้งในทางกฎหมายและจรรยาบรรณของวิชาชีพ
เช่นแพทย์หากทำผิดอันเกิดจากอาชีพนอกจากรับผิดในทางกฎหมายทั่วไปแล้ว ยังต้องรับผิดทางวินัยอันเป็นจรรยาบรรณของวิชาชีพ
คนขายน้ำเต้าหู้ แม้ไม่มีสภาน้ำเต้าหู้ทำหน้าที่ควบคุมจรรยาบรรณของคนขาย แต่หากคนขายน้ำเต้าหู้ทำผิดในหน้าที่หรืออาชีพตัวเอง เช่น โกงเงินลูกค้า ทำอาหารสกปรกไม่ได้มาตรฐาน หรือตะโกนด่าลูกค้าตลอดเวลาจนสร้างความเดือดร้อนต่อสังคม แบบนี้เขาก็ควรเลิกขายน้ำเต้าหู้ไปทำอย่างอื่น
การถามว่าถ้าสรยุทธขายน้ำเต้าหู้แล้วถูกศาลตัดสินว่าโกง ต้องเลิกขายไหม มันต้องใช้ชัดเจน ว่าโกงใคร ถ้าโกงลูกค้าที่มาซื้อ หรือโกงท้องถิ่นไม่ยอมเสียภาษีอันเกิดจากการขายน้ำเต้าหู้ ก็ควรหยุดขาย อันนี้คงต้องอยู่กับสำนึก
เพราะคนขายน้ำเต้าหู้ไม่มีสภาน้ำเต้าหู้ แต่เชื่อได้ว่า คนทั่วไปที่ขายน้ำเต้าหู้จะเกิดสำนึกและยุติการขาย
การยกอาชีพขายน้ำเต้าหู้มาเปรียบเทียบกับอาชีพสื่อ ซึ่งลักษณะงานและผลต่อสังคมแตกต่างกันอย่างมาก เป็นการยกตัวอย่างที่ผิดหลักการเปรียบเทียบโดยสิ้นเชิง
การยกตัวอย่างแบบนี้จึงไม่ถูกต้องทั้งหลักการ เหตุผล และวิธีคิด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง