ช่วงนี้เป็นประเด็นแม่ลูกกันเยอะครับ ผมขอแสดงความคิดเห็นบ้าง เพราะเห็นคอมเม้นต์ด่าแม่ดาราสาวท่านนึงซึ่งผมก็รู้จัก และ เคยดูดวงกับผมหลายครั้ง ผมทนไม่ได้ครับ เรื่องนี้ไม่มีใครผิดใครถูก แต่ทำไมต้องด่าแม่เขาด้วย ผมไม่เข้าใจ ในชีวิตผมผมทำงานมาตั้งแต่ยังเล็ก เลี้ยงดูคุณพ่อคุณแม่ และ คุณป้า และ เลี้ยงคนในครอบครัวทั้งหมดมาโดยตลอด ซื้อบ้านให้ท่านอยู่ ซื้อรถใหัท่ารใช้ มีเงินเดือนให้ท่านใช้ทุกเดือน แต่ผมไม่ถือว่านั้นเป็นการทดแทนบุญคุณอะไรเลย เพราะถ้าไม่มีท่านผมจะไม่มีโอกาสมีวันนี้ วันนี้มีได้เพราะท่านคือจุดเริ่มต้น ท่านทำให้ผมได้เห็นโลกใบนี้ แม้โลกกลมๆใบนี้มันจะดีหรือไม่ดีก็ตาม พลังชีวิตของเรา เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่พ่อแม่ให้มา แค่เงินแค่ทองมันไม่สามารถ ทดแทนบุญคุณได้หรอกครับ มันทดแทนไม่ได้จริงๆครับ เอาง่ายๆมีคนมาเสนอว่า ขอแขน 2 ข้างคุณ กับลูกตา 1 ข้าง ให้เงินคุณ 100000000000000000 บาท กับคุณคุณจะเอาไหม ถ้าคุณตอบว่าไม่เอา นั้นแสดงว่า การที่พ่อแม่ให้กำเนิดเรา จะเลี้ยงดูเราดีหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็น จะเบียเบียนเราไหมก็ไม่ใข่ประเด็น เพราะอวัยวะเราที่ท่านให้มามีค่ามากกว่าเงิน มีค่ามากกว่าทุกอย่าง ต่อให้คุณแบกพ่อแม่ไว้บนบ่าตลอด 24 ชมจนท่านตายยังไม่พอหรอกครับกับคำว่าบุญคุณ เพราะตราบใดที่คุณยังใช้ร่างกาย สังขาร ร่างนี้ ทำงานหาเงิน ก็ขึ้นชื่อว่านั้นคือบุญคุณของเขาแล้วครับ ผมนำคำสอนของพระพุทธเจ้ามาให้อ่านครับ
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่จะตอบแทนคุณแก่บุคคลทั้ง ๒ คือ มารดา ๑ บิดา ๑ เรากล่าวว่ากระทำไม่ได้ง่ายเลย
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุตรพึงแบกมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง แบกบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง เขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และพึงปฏิบัติบำรุงทั้ง ๒ ด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการบีบนวดอวัยวะต่าง ๆ แก่ท่านทั้งสอง แม้ท่านทั้ง ๒ ก็พึงถ่ายอุจจาระบนบ่านั่นเอง ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนบุญคุณแก่มารดาบิดา
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บุตรพึงตั้งมารดาไว้ในราชสมบัติ มีอำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดินใหญ่ อันมีรัตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ แม้กระนั้นก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนคุณมารดาบิดา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก เป็นผู้บำรุงเลี้ยง เป็นผู้สอนให้ลูกรู้จักโลก
"ส่วนบุตรคนใด ทำให้มารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธาให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา ให้มารดาบิดาผู้มีทุศีลสมาทานตั้งมั่นในสีลสัมปทา ให้บิดามารดาผู้มีความตระหนี่สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ให้มารดาบิดาผู้ทรามปัญญา สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านั้น และบุตรย่อมชื่อว่าเป็นผู้อันกระทำตอบแทนบุญคุณแก่มารดาบิดาแล้ว"
ป. ทุก. อํ. (๒๗๘)
ตบ. ๒๐ : ๗๘-๗๙ ตท. ๒๐ : ๗๐-๗๑
ตอ. G.S. ๑ : ๕๖-๕๗
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การที่จะตอบแทนคุณแก่บุคคลทั้ง ๒ คือ มารดา ๑ บิดา ๑ เรากล่าวว่ากระทำไม่ได้ง่ายเลย
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุตรพึงแบกมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง แบกบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง เขามีอายุมีชีวิตอยู่ตลอดร้อยปี และพึงปฏิบัติบำรุงทั้ง ๒ ด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการบีบนวดอวัยวะต่าง ๆ แก่ท่านทั้งสอง แม้ท่านทั้ง ๒ ก็พึงถ่ายอุจจาระบนบ่านั่นเอง ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนบุญคุณแก่มารดาบิดา
"ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บุตรพึงตั้งมารดาไว้ในราชสมบัติ มีอำนาจยิ่งใหญ่ในแผ่นดินใหญ่ อันมีรัตนะ ๗ ประการมากหลายนี้ แม้กระนั้นก็ยังไม่ชื่อว่าตอบแทนคุณมารดาบิดา ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะมารดาบิดามีอุปการะมาก เป็นผู้บำรุงเลี้ยง เป็นผู้สอนให้ลูกรู้จักโลก
"ส่วนบุตรคนใด ทำให้มารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธาให้สมาทานตั้งมั่นในสัทธาสัมปทา ให้มารดาบิดาผู้มีทุศีลสมาทานตั้งมั่นในสีลสัมปทา ให้บิดามารดาผู้มีความตระหนี่สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ให้มารดาบิดาผู้ทรามปัญญา สมาทานตั้งมั่นในปัญญาสัมปทา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านั้น และบุตรย่อมชื่อว่าเป็นผู้อันกระทำตอบแทนบุญคุณแก่มารดาบิดาแล้ว"
ป. ทุก. อํ. (๒๗๘)
ตบ. ๒๐ : ๗๘-๗๙ ตท. ๒๐ : ๗๐-๗๑
ตอ. G.S. ๑ : ๕๖-๕๗
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
