นักข่าวและพิธีกร ชื่อดัง กนกรัตน์ วงศ์สกุล โพสต์อินสตาแกรมส์ ส่วนตัว ร่ายความรู้สึกถึงความเจ็บปวดในหัวใจ ณ ช่วงเวลาแห่งความสูญเสีย จนไม่สามารถจะทำงานต่อไปในฐานะ สื่อมวลชน ที่ดีได้ ว่า
"@kanok_ratwongsakul วันนี้ครบ ๗ วัน ที่ในหลวงทรงเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ มีนักข่าวช่องอื่นๆมาถามฉันถึงความรู้สึก ความผูกพันต่อสถาบัน ฉันตอบว่า ฉันโตมาในครอบครัวคนจีนที่รักเทิดทูน "อ่วงแก" (ในหลวง) เป็นที่สุด คนจีนถือว่า ลืมตาอ้าปากในผืนแผ่นดินไทยได้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ แม่ฉันให้เรียนจบปริญญา ด้วยหวังให้มีสักคนในตระกูล ได้ขึ้นไปรับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์พระองค์ท่าน
ตอนฉันเป็นนักศึกษา ฉันยกย่องพระองค์เป็น "กษัตริย์นักพัฒนา" ที่ทรงงานทั้งในวัง นอกวัง อย่างที่ไม่เคยเจอเรื่องราวเช่นนี้จากกษัตริย์พระองค์อื่น
ตลอด ๗๐ ปีครองราชย์ ไม่รู้กี่หนที่พระเสโทชุ่มโชก ฉลองพระองค์ชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ หลายครั้งที่เปียกชุ่มเห็นชัดถึงเสื้อนอก แต่..ไม่เคยมีใครได้ยินพระองค์ท่านปริพระโอษฐ์ว่าทรงเหนื่อย หรือทรงบ่นถึงอากาศที่ร้อนแล้งแม้แต่ครั้งเดียว
ฉันอ่านเรื่องราวของพระองค์มาพอสมควร ท่านทรงเบิกดินสอใช้ปีละ ๑๒ แท่ง ต้องเป็นดินสอที่มียางลบติดอยู่ ท่านทรงใช้จนกุด ในหลวงทรงพระราชนิพนธ์เพลงทั้งหมด ๔๘เพลง ที่น่าทึ่งคือ ๔ เพลงแรก แสงเทียน ยามเย็น สายฝน ใกล้รุ่ง..ทรงพระราชนิพนธ์เมื่อพระชนมายุเพียง ๑๙ พรรษา มหัศจรรย์อัจฉริยะภาพจริงๆ
ฉันสนใจเรื่องนี้ตอนเรียนอยู่ธรรมศาสตร์ เพลงประจำมหาวิทยาลัย คือ "ยูงทอง" เป็น ๑ ใน ๔๘ บทเพลง ฉันจึงหารายละเอียดอ่านดู จึงรู้ว่า ท่านพระราชนิพนธ์เพลงนี้ให้เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๖ เป็นปีที่ฉันเกิดพอดี
ในหลวงทรงเป็นนักกีฬาที่ได้เหรียญทอง ในกีฬาแหลมทอง ปี ๒๕๑๐ ทุกท่านคงทราบดี ที่สำคัญคือ ท่านทรงต่อเรือขึ้นเอง และทรงมีพระปรีชาสามารถถึงขนาดทรงรู้จักเลือกใช้ไม้ประเภทใด จึงให้น้ำหนักเบา แต่มั่นคง
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายเกี่ยวกับ พระบาทสมเด็จพระเจ้าหัว รัชกาลที่ ๙ ที่เล่ากันได้ชั่วลูกหลาน ผมสรุปให้นักข่าวฟังว่า ยิ่งศึกษาพระราชประวัติยิ่งเชื่อว่า พระองค์เป็นเทพ พอคิดว่าเป็นเทพ หรือเทวดา จึงไม่คิดว่าจะมีวันที่ ๑๓ ตุลาคม
พอวันที่ ๑๓ ตุลาคม ๒๕๕๙ เกิดขึ้น หัวใจเหมือนถูกช็อค! ๗ วันที่ผ่านมา..ฉันร้องไห้ไม่น้อยไปกว่าครั้งที่เสียแม่
ลืมคิดไปว่า เพราะในหลวงเป็นเทวดา ท่านจึงควรประทับในที่อันควรของเทพ
หลายท่านถามมา ทำไมไม่ไปทำงาน ก็งานของฉันเป็นงานที่ออกโทรทัศน์ ฉันรู้ตัวดีว่า..คงไม่เข้มแข็งพอจะไปนั่งอ่านข่าว ที่มีแต่ข่าวในหลวง ฉันต้องมีสภาพเหมือนอย่างที่คุณธีระเป็นบางช่วงในค่ำคืนนี้ ถ้าเป็นฉัน..ก็ได้แต่อ่านข่าวไปน้ำตาไหลไปตั้งแต่นาทีแรก แล้วเราจะให้ท่านผู้ชม มาชมเราในสภาพแบบนั้นได้อย่างไร ... ฉันคิดถึงในหลวงเหลือเกิน"