เหมือนโดนคนพยายามจะข่มขืนเป็นคดีความอีกและทุกวันนี้คดีก็ไม่คืบหน้าเลย โดนโกงจนหมดตัว
แล้วแบบตอนนี้ก็ต้องทำงานหาเงินด้วยตัวเองเรื่องคร่าวๆ
แต่เงินและทรัพย์สินรวมมูลค่ากว่า 65 ล้านบาท ต้องมลายหายไปในพริบตาจากการไว้ใจคนใกล้ชิดซึ่งเป็นอดีตแม่บ้านที่มีบุตรด้วยกัน หรือจะเรียกให้เคลียร์ก็คือ เมียน้อย นั่นแหละ โดยที่เรื่องเกิดจากเธอไปกู้เงินนอกระบบ 6 แสนบาท เพื่อทำธุรกิจเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ดอกเบี้ยท่วมจนเธอจ่ายไม่ไหว เธอจึงร่วมมือกับเจ้าหนี้เพื่อปลอมแปลงลายเซ็นต์ โคลิน ฝรั่งดวงซวย เพื่อมอบโอนกรรมสิทธิ์ไปเป็นอีกชื่อ ถึงขนาดบ้านก็ถูกขายไปโดยที่นายโคลินไม่เคยรับรู้ รู้ตัวอีกทีก็ถูกกลุ่มคนพร้อมอาวุธขับไล่ตนและครอบครัวออกจากบ้านพัก และโดนหมายศาลตามมาระบุว่า บ้านหลังนี้ขายแล้ว ซึ่งคดีความคงจะจบลงตรงที่การต่อสู้ในชั้นศาล ถ้าระบบความอยุติธรรมไม่เกิดขึ้น โคลิน และครอบครัวถูก คนใกล้ชิด เจ้าหน้าที่ที่ดิน, นายธนาคาร, บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ,ผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ , รวมไปจนถึงทนายความที่เขาว่าจ้างมากับมือ รวมหัวกันฉ่อฉลจนหมดเนื้อหมดตัว
ย้อนกลับมาที่ Jessie Vard เธอคือหนึ่งในผู้ร่วมชะตากรรมกับคุณพ่อของเธอ แต่แทนที่จะงอมืองอเท้าให้คุณพ่อสู้โดยลำพัง เธอลุกขึ้นมาเป็นอีกแรงเพื่อช่วยคุณพ่อโคลิน โดยใช้ช่องทางโลกออนไลน์อัดคลิป และตั้งเพจทวงคืนความยุติธรรมขึ้นมาเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการต่อสู้ ภาษาไทยของเธอไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก แต่เธอก็ถูๆไถๆอัดคลิปนั้นลงเผื่อว่าจะเป็นอาวุธสำคัญให้เกิดแรงโหมกระพือเพื่อต่อสู้กับความอยุติธรรม เธอทำแม้กระทั่งการไปชูป้ายประท้วงหน้าสถานที่ต่างๆเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมร่วมกับคุณพ่อ แต่ล่วงเลยมากระทั่งทุกวันนี้ก็ยังอยู่ในกระบวนการต่อสู้ เธอมักอัดคลิประบายความอัดอั้นอยู่เสมอๆ โดยเธอยึดแรงบันดาลใจจากคุณเบนนี่ ฝรั่งที่โดนคดีปล้นในไทย เขาติดคุก 9 ปี และต่อสู้จนพ้นมลทินมาได้
อ้างอิง คดีข่มขืน 11**/255 ตำรวจนนทบุรีดองคดีตั้งแต่ 08-05-2014 ไม่ส่งต่อคดีให้ ศาล อัยการ และตำรวจ บางบัวทองที่ไม่เคารพสิทธิความเป็นมนุษย์ของ Jessie ตามกฎหมายไทยและกฎหมายสากล
16-10-2015 ผมพยายามผลักดันให้มีการดำเนินคดี แต่ 20-10-2015 เมื่อผมไปถึงสถานีตำรวจ นนทบุรี ตำรวจไม่สนใจผม หนำซ้ำ หัวหน้าหน่วยสืบสวน ยังทำเหมือนเป็นเรื่องตลกต่อหน้าคนทั้งโรงพัก ผมได้ถ่ายวีดีโอ ไว้ด้วย
ตำรวจนนทบุรีอ้างว่า คนขับแทกซี่ที่ลักพาตัวและข่มขืน Jessie ยังอยู่ในคุกที่โคราช พวกเขาไม่สนใจจะทำอะไรเลย แม้ว่าผมจะขอให้ตรวจสอบ เลขทะเบียนรถแทกซี่ที่ ผมเห็นเขาขับ วันที่ 05-08-2012 เพื่อมาข่มขู่พวกเรา
สงสัย การข่มขืน และคุกคามผู้เยาว์ จะไม่ใช่อาชญากรรมร้ายแรง
- สิ่งที่เกิดขึ้น
- ตำรวจไม่เคยตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุเลย
-ไม่มีการสืบสวนพนักงาน โรงแรม Paradise
-โรงแรม Paradise ให้ห้อง และแอลกอฮอร์ ทั้งๆ ที่มีผู้เยาว์ ตั้งแต่บ่ายโมง
-พนักงาน โรงแรม Paradise ปฎิเสธความร่วมมือต่อการสืบสวน
- ผมเรียกร้องให้ตำรวจผู้หญิงสอบปากคำ Jessie แต่โดนปฎิเสธ
- Jessie โดนสืบสวนกึ่งข่มขู่โดยตำรวจผู้ชายกลางโรงพัก และไม่ให้ผมอยู่ข้าง Jessie ด้วย
- เขาบังคับ ให้ลงบันทึกประจำวันทั้งๆ ที่Jessie ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อม ทั้งเศร้า และยังมึนจากฤทธิ์ ยาและ แอลกอฮอร์
- ผมขอตำรวจผู้หญิง ล่าม ทนาย และแพทย์ ตามกฎหมาย แต่ถูกปฎิเสธ หมด
- หัวหน้าตำรวจ ไม่ยอม แจ้งไปทางสถานทูต ไอร์แลนด์ตามกฎหมาย เขาบอกว่า เงียบไว้ดีกว่า
- ไม่ยอมให้แพทย์ตรวจ Jessie
- ไม่ยอมถ่ายสำเนา บันทึกประจำวัน ให้
- ไม่ยอมถ่ายสำเนา การตรวจทางการแพทย์ให้
- ไม่ส่งหลักฐานให้ศาล
- อัยการ ไม่ยอมยื่นฟ้องบริษัทแทกซี่และ โรงแรม Paradise
- เขายังโกหกแบบด้านๆ ให้ Jessie ไปฟ้องรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เพื่อค่าชดเชย 3 ล้านบาท
- อัยการไม่มาที่ศาลด้วย
- ศาลไม่ให้ทนาย ล่าม ตำรวจผู้หญิง หรือผู้ดูแล
- การตัดสินคดี ทำในศ่าลเปิด
- ไม่มีการเบิกพยาน
- บังคับให้ Jessie นั่้ง ข้าง คนขับแทกซี่ที่ ลักพาตัวและข่มขืนเธอ
- ยอมให้ คนขับแทกซี่ และครอบครัว ข่มขู่ เธอ ทั้งในและนอกศาล
- ไม่มีการลงโทษใดๆ คนขับแทกซี่
- ผู้พิพากษาหัวเราะใส่ Jessie
- หลังจากเรากลับมาบ้านก็ไม่มีการติดต่อ จากตำรวจ หรือ ความช่วยเหลือใดๆ
อัยการ ไม่ติดต่อเรามาเลยตั้งแต่ 23-05-2014
- เงินชดเชย เหยื่อข่มขืน 3 ล้านบาทก็เป็นเรื่องโกหกของอัยการ Jessie ได้รับเงินชดเชยเพียง 15000 บาท
ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของฉันขัดกับการสนับสนุนของเสด็จพระเจ้าหลานเธอพระองค์เจ้าพัชรกิติยาภามหิดลแห่งประเทศไทย ในความสามารถของเธอในฐานะทูตสันถวไมตรีไทยยูนิเฟม จริงๆแล้วพ่อฉันได้โทรหาUNIFEM และพวกเขาได้วางสายใยขณะที่พ่อกำลังพูดสายอยู่และไม่เคยโทรกลับมาเลย
สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงและเด็กกล่าวว่า;
ก) ต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้ทำการสอบสวนเพศหญิงระหว่างการสอบสวนและกระบวนการทางกฎหมาย
ข) ต้องมีตำรวจหญิงระหว่างการสอบสวนและกระบวนการทางกฎหมาย
ค) จะต้องมีสมาชิกของ One Stop Crisis Centre หรือ OSCC
ง) ควรมีการจัดเตรียมทนายไว้ให้เหยื่อ
จ) ควรมีการจัดเตรียมล่ามไว้ให้เหยื่อ
ช) ควรมีการจัดเตรียมนักจิตวิทยาไว้ให้เหยื่อ