โอมายก๊อด !! หนุ่มศัลยกรรมจมูกเกือบ 10 ครั้ง ใครคิดจะทำจมูกดูด่วนๆ !!

เรื่องความสวยหล่อเป็นเรื่องที่ห้ามกันไม่ได้ ใครก็อยากจะดูดีกันทั้งนั้น ศัลยกรรมถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยแก้ปปัญหาได้
ซึ่งบางคนอาจเกิดความประสบความสำเร็จหรืออาจเกิดความผิดพลาด
ดังตัวอย่างสมาชิกพันทิปคนนี้ไปิ่านกันเล้ยย

สวัสดีครับ วันนี้จะมาเขียนรีวิวเกี่ยวกับศัลยกรรมที่ตัวเองเคยทำและเคยแก้ครับ โดยส่วนตัวแล้วชอบการนั่งอ่านรีวิวมากกว่า การที่เปิดหน้าเพจคลีนิคและดูรีวิว เพราะว่าแต่ละคนมีพื้นฐานใบหน้าไม่เหมือนกัน ก็เลยชอบนั่งอ่านอารมณ์ต่างๆ ของการทำศัลยกรรม

แต่วันนี้ไม่ได้มาริวิว คลีนิคหรือคุณหมอท่านใดนะครับ จะไม่เอ่ยชื่อคุณหมอเลย เพราะตัวเองก็ทำงานที่คลีนิคเหมือนกันจะกลายเป็นการดิสเครดิตคุณหมอท่านอื่นๆ ไป

แต่จะมาขอให้เป็นข้อคิดละกัน ว่าการศัลยกรรมมีทั้งข้อดีและข้อเสีย เราต้องเข้าใจใบหน้าเราก่อนว่าเราบกพร่องตรงไหนถึงเริ่มศัลยกรรม เพราะถ้าเกิดทำไปแล้วเป็นแคสแก้นี้ ราคาโหดมาก.....เลยอยากให้ทุกคนรู้ไว้ว่าการศัลยกรรมไม่มีวันสิ้นสุดครับ เหมือนดั่งเช่นเทคโนโลยี

มาเริ่มจากหน้าเดิมๆ เลยช่วงนั้นน้ำหนักน่าจะประมาณ 100 กว่าๆ เพราะค่อนข้างสูงเหมือนกัน

หลายคนอาจมองว่าก็ไม่ได้แย่ ใช่ครับไม่ได้แย่เพราะว่าเราไม่ได้มีปัญหาในใบหน้าเลย แต่ที่เริ่มทำเพราะอยากปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น เริ่มด้วยการลดน้ำหนักก่อน ก็ลดมาเรื่อยๆ ใช้เวลาเหมือนกัน จนน้ำหนักตัวของเรามาอยู่ที่ประมาณ 70-75 ไม่เพิ่ม ไม่ลดไปมากกว่านี้แล้ว ก็พอดีกับส่วนสูง อาจมีปัญหาแตกลายและหย่อนคล้อยบ้าง ก็จะใช้การออกกำลังกายช่วยเอา แต่แค่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ ๕๕๕

เมื่อผอมแล้วเราก็เริ่มศัลยกรรมแรกเลย พักหลังๆ มาการศัลยกรรมเป็นเรื่องปกติบ้างไม่น่าตื่นเต้นอะไรมากนัก แต่การที่คุยกะคุณหมอ หรือพูดคุยกันไม่ชัดเจนก็จะทำให้เราไม่ได้ผลตามที่เราคาดหวังเอาไว้ โจทย์นี้เราอยากจะจมูกเรียวเล็ก คุณหมอแนะนำให้เสริม ซึ่งเทคโนโลยีสมัยก่อนก็ไม่มากเท่านี้ เราจึงไม่รู้จักการทำ Open หรือเย็บ อินเดอร์โดมต่างๆ เราก็เลยเสริมตามที่คุณหมอแนะนำ ก็เลยได้ผลตามนี้ในราคา 12,900

จมูกแท่งแรกเราก็เบี้ยวซะละ ไม่ได้เบี้ยธรรมดา เบี้ยวแบบผิดทรงมาก ซึ่งก็เครียดเหมือนกันช่วงนั้น นอกจากเบี้ยวแล้วยังผิดทรงจากจมูกคนปกติ เพราะด้านบนเรียวเล็ก ด้านล่างใหญ่แบบเกินปกติ เราเลยต้องหาวิธีแก้ซะ แต่ก็ทำๆ ใจนะครับ เพราะว่าเราเป็นคนจมูกใหญ่จริงๆ ก็ไปต่อด้วยการแก้แท่งที่สอง แต่เหมือนยังงบไม่พอ ก็ยังเลือกราคา 15,000 อยู่ เพราะตอนนั้นยังเรียน

ถึงการทำจมูกครั้งนี้จะไม่ได้แก้ให้เราจมูกเล็กลงสักเท่าไหร่ แต่เราก็ชอบจมูกแท่งนี้มากเลยนะ แต่ก็เหมือนที่ทุกๆ คนรู้กัน การทำจมูกแบบทรงแบบนี้มีโอกาสเสี่ยงมากจากการทะลุ แต่ของเราทำมา 6 เดือนเริ่มเห็นว่ารัดแกนเรารีบไปให้หมอดู หมอเค้าก็บอกจริงๆว่า ทั้งตรงฮัมที่ยื่นมา และปลายอาจทะลุได้ หมอเลยขอเก็บเงิน 3,000 บาท ละจะแก้ลดปลายให้ เราโอเคเผื่อเสี่ยงในอนาคต ก็ตกลงทำ แต่ไหงงงง การแก้ครั้งของหมอดันไม่เปลี่ยนแท่งใหม่ให้ เค้าเอาแท่งออกมาและเหลายัดเข้าไปใหม่ เราก็งงๆ นะเพราะที่คลีนิคนี้ก็เป็นไม้ๆ ธรรมดา ก็คงคิดว่าไม่เป็นโอเคเย็บแผลละกลับบ้าน ผลออกมาก็โอเคอันนี้ก็ถือเป็นการผ่าตัดครั้งที่ 3 ของเราละ

และก็มาถึงเวลาที่ได้เอาออก คราวนี้ก็คงเอาออกที่โรงพยาบาลเลยครับ ก็มีค่าเอาออกตามเดิม จำไม่ค่อยได้นะ น่าจะราวๆ 10,000 บาท ก็โอเคตกลงเอาออกไปซะ ละหมอก็ให้พักเนื้อ แล้วนัดเรามาใหม่ 3 เดือน เพื่อดูอาการ เท่ากับว่าเราผ่าตัดจมูกอีกครั้งที่ 4

คราวนี้เราก็ยังไม่เข็ดนะ ดันไปนั่งรอเพื่อนที่คลีนิคศัลยกรรม เพื่อก็ปรึกษาทำจมูก เราก็ไปนั่งด้วย คุยไปคุยมา เอ๊าา า ขึ้นไปทำกะเพื่อนเฉยเลย แต่อันนี้คุณหมอแนะนำดีครับ หมอน่ารัก แต่เราก็เผื่อๆ ใจไว้แล้ว ว่ามันอาจจะไม่รอด แต่ก็ยังทำ แหะๆ อย่างว่างั้นว่างี้เลยเนอะ หลังๆ มาเราไม่จำราคาศัลยกรรมแล้วอะ ก็เลยผ่าตัดครั้งที่ 5

(อันนี้ก็เริ่มใช้กล้องโปรละ พักหลังๆ สกิลการถ่ายภาพเริ่มแข็งแกร่ง เทคโนโลยีก็เลยช่วยให้ดีขึ้น)

ถามว่าอันนี้โอเคไหม ก็โอเคครั้งแต่มันดันเบี้ยวข้างบน แต่เรารู้แล้วหละว่าผลที่เบี้ยว มาจากจมูกของเราเอง จริงๆ แล้วเราควรจะทำจมูกแบบ Open และเย็บอินเดอร์โดมตั้งแต่แรกจะได้จบปัญหาทุกอย่าง หลังๆ มาเริ่มขำๆ กะการทำศัลยกรรม เออ...ลืมบอกไป ทุกๆ ครั้งที่เราทำเรามีการฉีดปรับหน้า Botox ร้อยไหม รักษาผิวหน้าตลอดนะครับ ขอข้ามไปเพราะไม่ใช่การผ่าตัด เราเลยไม่นับเป็นศัลยกรรมที่ต้องพักฟื้น มาถึงจมูกที่เบี้ยวนี้คุณหมอก็ดัดให้ด้วยการเอาเหล็กแทงเข้าไปในสิริโคนและทิ้งเอาไว้สองอาทิตย์

เข็มนี้ก็น่ารักดีนะ ๕๕๕๕๕ ถ้าว่าช่วยเรื่องการเบี้ยวไหม ช่วยได้ในระดับนึง คราวนี้ทุกอย่างเข้าที่เราก็ไปว่ายน้ำ เพราะเราติดว่ายน้ำ จริงๆ ทำจมูกว่ายน้ำได้นะ แต่ควรให้พ้นหลัง 4-6 เดือนไปก่อน ก็เป็นไปตามเรื่องครับ สิวขึ้นที่หัวจมูกเป็นเม็ดเล็กๆ เราก็ไม่รอช้า เพราะว่ารู้อยู่แล้วเราจึงเอาออกเลย เพราะว่าค่อนข้างมั่นใจว่าถึงปล่อยไปก็ทะลุแน่ๆ ก็เอาออกไปตามระเบียน ผ่าไปอีก ครั้งที่ 6 และก็พักเนื้อตามเดิมมม ม

พอหลังๆ มาเราเริ่มไม่ได้ถ่ายรูปเอาไว้แล้วเพราะว่าทำบ่อยมาก จนรู้สึกจริง พอเอาออกมันก็บุ๋มๆ ลงไปตามที่เห็นตามเน็ตต่างๆ แต่เราไม่ได้ถ่ายรอบนี้เลย เพราะชินชากะการบุ่มมาก แต่เราใช้วิธีนวดให้เนื้อกลับมาเร็วๆ และก็ดื่มน้ำว่านห้างจระเข้ อันนี้ไม่รู้นะ แต่เราทำแบบนั้น ก็อ่านๆ เอาตามเน็ตหละ ก็โอเคเนื้อดีไม่มีปัญหา เว้นระยะไปอีก 6 เดือนก็เริ่มเอาอีกละ จัดหนักอีกรอบ คราวนี้ราคาแรงแบบโอ้วววว ว นี้ราคาที่ไทยหรอ ก็ได้ทรงนี้มา

ที่เห็นปลายบวมๆ ไม่ใช่ไรนะครับ น้ำมันไม่ยอมออกมาหายบวมครั้งนี้ก็ครั้งที่ 7 แล้วครั้งนี้ก็ทำด้วยหลังหู ตะไบกระดูกจริง ทุกอย่างเลย แต่ว่าน้ำไม่ยอมออก ก็เลยให้หมอผ่าครั้งที่ 8 แล้วนำน้ำล้างโพลงจมูก ปรากฏว่าก็ไม่สามารถให้อันนี้อยู่รอดต่อไปได้ เพราะว่ามีตุ่มน้ำเหลือง ออกมาทางแผลที่กรีดใต้จมูก ก็ตัดสินใจเอาออก สรุกเอ๊า นี้ผ่าครบ 9 รอบละหรอ แอบงงๆ เหมือนกัน

จมูกก็ทรงนี้ครับ ส่วนการเก็บหน้า หรืออะไรต่างๆ ขออนุญาติไม่พูดถึง เพราะเราก็ไม่ได้ดีที่สุด ถามว่าเปลี่ยนจากเดิมใหม่ คงใช้ แต่หลักๆ เลยคือการลดน้ำหนักครับ ที่มันยากกว่าศัลยกรรม

ขอแนะนำนิดนึงนะครับ สำหรับใครที่จะศัลยกรรม ศัลยกรรมไทยไม่ได้น่ากลัวครับ มีหมอหลายๆ ท่านที่มีการเรียนเทคนิตจากเกาหลี มันทำได้หมดครับ เปิดจมูกโอเพ้น เย็บหน้า ผ่าตัดขากรรไกร หรือเย็บผิวให้หน้าเรียว ทำได้หมดครับอยู่ที่ว่าคุณหมอที่เราไปปรึกษาเค้าทำอะไรได้บ้าง ส่วนตัวเองก็อยากแนะนำให้ ดูแลตัวเองดีๆครับ หลังจากศัลยกรรมช่วงแรก 1 เดือน ช่วยเคร่งกะมันนิดนึง เหล้า บุหรี่งดครับ ของแสดงพักก่อน หมอทุกท่านเก่งทุกคนครับ แต่เค้าช่วยศัลยกรรมให้เรา เราก็ช่วยเค้าโดยการดูแลตัวเองนิดนึง เพราะว่าศัลยกรรม จะรัดแกน เข้าที่ มันใช้เวลา 3-6 เดือนครับ ขอทิ้งท้ายไว้รูปสุดท้ายละกัน และอาจจะไม่ตอบ เพราะมันดูเป็นเชิงการตลาดมากไปแล้ว เนื่องจากตัวเองก็ทำงานเกี่ยวกับด้านศัลยกรรมต่างๆ ก็ขอให้ทุกคนที่เริ่มจะทำ หรือแก้ รักษาตัวเองให้ดีครับ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรือโหดร้าย ชีวิตมีความเสี่ยงตลอด สู้ๆ ละกันครับ สำหรับคนที่มีปัญหาในรูปหน้าและต้องพึ่งศัลยกรรมมครับ

ขอขอบคุณ pantip