เปรียบเทียบ! 8 ความเหมือน ความต่างของThe Mask Singer เวอร์ชั่นไทย vs เกาหลี

เปรียบเทียบ! 8 ความเหมือน ความต่างของThe Mask Singer เวอร์ชั่นไทย vs เกาหลี

นาทีนี่คงไม่มีใครไม่รู้จักรายการ The Mask Singer Thailand รายการประกวดร้องเพลงรูปแบบใหม่ ที่ดังจนทำลายทุกสถิติคนดูเยอะที่สุด คนพูดถึงเยอะที่สุด และเอาไปเถียงกันมากที่สุด ปังขนาดนี้น้องๆ รู้มั้ยคะว่าเป็นรายการที่ซื้อลิขสิทธิ์มาจาก King of Mask Singer ของเกาหลีใต้ ไทยเอามาทำแล้วจะเป็นยังไง? เหมือนหรือต่างจากต้นฉบับแค่ไหน? ไปดูกัน!

"คอสตูมหน้ากาก"

ไทย
จุดเด่นของรายการนี้แน่นอนว่าอยู่ตรงที่ "หน้ากาก" ที่จะต้องเป็นสิ่งปกปิดตัวตนของนักร้องผู้เข้าแข่งขัน ไม่ให้คนดูรู้ว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ของฝั่งไทยนี่เรียกได้ว่าซ่อนมิดชิด มีความเล่นใหญ่ปิดหมดตั้งแต่หัวจรดเท้า แทบจะไม่ได้เห็นเนื้อ เห็นหนังอะไรเลย แถมมีการหลอกไซส์ อำพรางส่วนสูง เดายากซะจนโคนันยังต้องหลั่งน้ำตา

เกาหลี
เปรียบเทียบ! 8 ความเหมือน ความต่างของThe Mask Singer เวอร์ชั่นไทย vs เกาหลี
ภาพจากรายการ King of Masked Singer
ในส่วนของต้นฉบับเวอร์ชั่นเกาหลี เขาจะเน้นที่หน้ากากอย่างเดียวเลยค่ะ ส่วนเสื้อผ้าก็ต้องมิกซ์แอนด์แมชต์ไปในทิศทางเดียวกัน แต่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไรขนาดนั้น ยังพอเห็นผิว เห็นรูปร่างบ้างอะไรบ้าง ยิ่งถ้าเป็นหน้ากากคนไหนเป็นไอดอลหรือดาราชื่อดัง แค่แฟนคลับดูจากหุ่น สีผม เรียวขา ก็รู้แล้วว่านักร้องปริศนาคนนี้คือใคร

"กติกาการแข่งขัน"

ไทย
รายการของไทยมีการแข่งขันออกมาเป็น 4 สาย A B C D เริ่มต้นสายละ 8 คน แข่งวีคละ 4 คน 2 คู่ แล้วก็จับผู้ชนะมาแข่งกันในวีคต่อไป จนได้แชมป์ของแต่ละกลุ่มแล้วก็จับแชมป์มาชนแชมป์ จนเหลือ 2 คนสุดท้ายเป็นหน้ากากทุเรียน มาเจอกับหน้ากากอีกาดำ เป็นรอบแชมป์ออฟเดอะแชมป์ แล้วก็ได้แชมป์ของรายการซีซั่นแรก ได้แก่ หน้ากากทุเรียนผู้ตะมุตะมินั่นเอง

เกาหลี
ทางเกาหลีใต้ไม่ได้แบ่งเป็นซีซั่นค่ะ เพราะมีแข่งทุกสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง แต่วิธีการคือจะแบ่งเป็นรอบๆ รอบละ 8 คน ใช้เวลาแข่ง 2 วีค รอบแรก คือจับเป็นคู่ 4 คู่ มาร้องเพลงเดียวกัน แบทเทิลกันไปเลยว่าใครจะอยู่ ใครจะไป รอบ2 ก็เหลือ 4 คน 2 คู่ ร้องคนละเพลง แล้วก็เอาผู้ชนะไปเจอกันในรอบ3 ใครที่ชนะแล้วก็ต้องไปไฟต์กับ King หรือ Queen ที่เป็นแชมป์จากสัปดาห์ก่อน

เพราะฉะนั้นคนที่เป็น King หรือ Queen ก็สามารถครองบัลลังก์ไปได้เรื่อยๆ จนกว่าจะมีใครมาโค่น เพราะฉะนั้นแฟนๆ ได้เชียร์ต่อเนื่องทุกอาทิตย์ไม่มีปิดซีซั่น ผู้เข้าแข่งขันไม่มีหมดด้วยนะ พีดีบอกว่ามีสต็อกคนอยากมาแข่งยาวเป็นหางว่าวเลย และคนที่ครองบัลลังก์ King of Mask Singer เอาไว้ได้นานที่สุดก็นานถึง 9 สมัย ได้แก่หน้ากาก Music Captain อยู่ยาวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จนถึงมิถุนายน ถ้าน้องๆ ได้ดูฝีไม้ลายมือแล้วจะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงครองแชมป์ได้นานขนาดนี้

"ร้องเพลง"

ไทย

ในแต่ละสัปดาห์ หน้ากากนักร้องของไทย จะได้ร้องเพลงแข่งขันกันคนละ 1 เพลง เพลงใครเพลงมัน ปล่อยของกันให้เต็มที่ ในรอบหลังๆ จะมีร้องเพลงคู่กันบ้าง ร้อง 4 คนบ้าง แต่ก็ไม่นับว่าเป็นการแข่งขัน แต่เป็นการเพิ่มอรรถรสให้แฟนๆ

เกาหลี
แต่ทาง King of Mask Singer ของเกาหลี ในรอบเเรกผู้เข้าแข่งขันจะต้องมีเพลงที่ใช้ร้องแบทเทิลกัน สองหน้ากากต้องร้องเพลงเดียวกัน ใครร้องดีกว่าก็เดินสวยๆ รอแข่งรอบถัดไป แต่สำหรับผู้แพ้ก็ต้องมีร้องเพลงเดี่ยว โชว์คนเดียวเต็มๆ อีกหนึ่งเพลง ส่วนในรอบ 2 และ รอบ 3 ก็แข่งร้องกันคนละเพลงเหมือนของไทยเลย

"เปิดหน้ากาก"

ไทย
กติกาของหน้ากากนักร้องของไทย คนที่ได้คะแนนโหวตน้อยกว่าจะต้องเป็นคนที่ถอดหน้ากาก เปิดเผยตัวตนออกมาให้โลกรู้ ส่วนแชมป์เปี้ยนของซีซั่นก็จะเปิดเผยตัวตนในรอบสุดท้าย อย่างหน้ากากทุเรียนก็จะเฉลยว่าเป็นใครในวันพฤหัสบดีที่ 30 มีนาคม 2560 จดใส่ปฏิทินเอาไว้เลย แต่กว่าที่คนดูจะได้รู้ว่าภายใต้หน้ากากคือใคร ก็ต้องลุ้นกันจนหืดขึ้นคอเลยค่ะ เพราะยืดยิ่งกว่าชีสบนขอบพิซซ่า ลีลายิ่งกว่านักยิมนาสติก

เกาหลี
ตรงข้ามกับแชมป์ของเกาหลีค่ะ เพราะถ้าไม่มีใครมาโค่นบัลลังก์ ถ้ายังไม่เป็นผู้แพ้ ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเขาคือใคร ในส่วนของผู้แพ้ก็ต้องโดนถอดหน้ากากไปตามระเบียบ แต่สิ่งที่ต่างกับไทยก็คือ ในรอบแรกผู้แพ้จะถอดหน้ากากระหว่างที่ร้องเพลงทิ้งทวนไปด้วย โดยจะใช้เวลาถอดแค่แป๊บเดียวหลังจากร้องท่อนฮุคแรกจบ เพราะฉะนั้นเราก็จะได้เห็นสีหน้า แววตาและฟิลลิ่งของนักร้องคนนั้นๆ เวลาร้องเพลงด้วย ชอบตรงนี้

"กรรมการ"

ไทย
กรรมการของ The Mask Singer Thailand จะมีทั้งหมด 8 คน เป็นส่วนผสมระหว่างสายสาระวิชาการ และสายฮา โดยจะเน้นถามคำถาม ล้วงแคะแกะเกา เอาคำใบ้ออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะฟันธงว่าภายใต้หน้ากากคือใคร ถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากรรมการของไทยสร้างสีสันให้รายการได้มากจริงๆ หลายๆ คนรอดูช่วงตอบคำถามมากกว่าตอนร้องเพลงซะอีก ก็มันขำอะ 555+

เกาหลี

กรรมการเกาหลีมีถึง 12 คนด้วยกัน มีทั้งดารา พิธีกร นักร้อง ไอดอล สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา แต่ลักษณะจะตรงข้ามกับกรรมการชาวไทยเลยค่ะ คือแทนที่จะถามข้อมูลเพื่อมาวิเคราะห์ว่าคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากคือใคร แต่กรรมการของทางฝั่งเกาหลีจะไม่มีการถามตอบ แต่ต้องวิเคราะห์จากสิ่งที่เขาได้ฟัง ได้เห็นว่ามีลักษณะแบบไหนและน่าจะเป็นเสียงของใคร

อีกหนึ่งตัวช่วยก็คือพิธีกรอาจให้หน้ากากนักร้องโชว์ความสามารถพิเศษ อาจมีสัมภาษณ์เบาๆ พอให้เอาไปเดากันต่อไป แล้วก็มีหลายครั้งที่กรรมการก็รู้คำตอบอยู่ในใจแล้วล่ะ แต่เขาก็จะยังไม่เฉลยนะคะ แต่จะให้ข้อมูล บอกใบ้มากขึ้น เพื่อให้แฟนๆ รายการลองทายไปด้วยกัน อย่างนี้ก็สนุกไปอีกแบบ

"คะแนนโหวต"

ไทย
ทุกรอบการแข่งขันที่ผ่านมายกเว้นรอบสุดท้ายแชมป์ออฟเดอะแชมป์ที่เป็นรายการสด กติกาการค้นหาผู้ชนะคือให้ผู้ชมในห้องส่งโหวตหน้ากากที่ชอบ ใครที่ได้คะแนนเยอะกว่าก็เป็นผู้ชนะไป ส่วนในรอบสุดท้าย คู่ชิงแชมป์ระหว่างหน้ากากทุเรียนและหน้ากากอีกาดำ ใช้คะแนนโหวตทาง SMS จากทางบ้านมาเป็นข้อตัดสิน แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าใครได้คะแนนเท่าไหร่ เฉือนชนะไปกี่คะแนน จริงๆ ก็แอบอยากรู้เบาๆ นะ

เกาหลี
ในส่วนของทางต้นฉบับไม่มีรอบที่ถ่ายทอดสดค่ะ ดังนั้นก็เลยใช้คะแนนจากผู้ชมรวมถึงคะแนนโหวตจากคณะกรรมการ ร้องเสร็จปุ๊ป โหวตปั๊บ จากคะแนนทั้งหมด 99 คะแนน แล้วก็ประกาศผลแบบเปิดเผยคะแนนให้โลกรู้กันไปเลยว่า ชนะและแพ้ไปด้วยคะแนนเท่าไหร่ แล้วก็มีหลายครั้งที่เฉือนชนะกันไปแค่คะแนนเดียว 50/49 โอ้โฮ..บีบหัวใจกองเชียร์ไปอีก

"พิธีกร"


ไทย
ทางพิธีกรของ The Mask Singer Thailand พี่ กันต์ กันตถาวร ของเรานั้น ก็เอา 10 10 10 ไปเลยจ้า เพราะทั้งหล่อ มีมุขน่ารักๆ มาเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆ ตลอดเวลา และในส่วนความลับระดับโลกว่าซุป'ตาร์ภายใต้หน้ากากคือใคร พิธีกรอย่างพี่กันต์ก็รู้พร้อมกับประชาชนชาวไทยค่ะ

เกาหลี

ในส่วนของพิธีกรของรายการเกาหลีอย่างคุณคิมซองจู จะเป็นอีกหนึ่งคนนอกเหนือจากทีมงานที่เป็นผู้ล่วงรู้ความลับสวรรค์ มีข้อมูลและรู้ว่าคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากคือใคร บางครั้งก็แอบมีการแซวๆ แอบบอกใบ้ เป็นการสร้างสีสันให้รายการไม่ใช่น้อยเลย

"เวทีพิสูจน์ตัวเอง"

ไทย
The Mask Singer Thailand ในซีซั่นแรก ก็มีนักร้องเก่าที่เคยดังเมื่อนานมาแล้วหลายๆ คน มาแข่งให้เเฟนได้หายคิดถึง รวมถึงดารา ดาวตลกที่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร้องเพลงเพราะ นอกจากจะได้โชว์ความสามารถแล้ว ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนยังได้ใช้เวทีนี้แจ้งเกิดอีกครั้ง ที่พีคที่สุดก็ต้องยกให้หน้ากากจิงโจ้ ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เป๊กผลิตโชคฟีเวอร์ ออกอีเวนท์แต่ละทีมีห้างแตก

เกาหลี
ที่เกาหลีเองก็ไม่ต่างกันค่ะ เพราะคนดูก็ได้เซอร์ไพรส์ในความสามารถของดารา นักแสดง นักดนตรี นักร้องกันแทบทุกสัปดาห์ โดยเฉพาะเหล่าไอดอลที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ปล่อยของในเพลงของวงซักเท่าไหร่ พอมาออกรายการนี้ก็ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ ชอบสไตล์ร็อค สไตล์บัลลาด ก็ปล่อยไปไม่ต้องยั้ง หลายครั้งที่เปิดออกมาแล้วคนดูยังตกใจว่าไอดอลร้องเพลงได้ดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

อ่านจบแล้วขอบอกเลยว่า ถึง The Mask Singer ของไทยจะซื้อลิขสิทธิ์มาจากรายการ King of Mask Singer ของเกาหลี แต่ทั้งคู่ก็มีเสน่ห์ที่แตกต่างกันออกไป ของเกาหลีก็เน้นร้องเพลงจริงจังกันไป ส่วนไทยก็ขอมีความเฮฮาตามสไตล์


เปรียบเทียบ! 8 ความเหมือน ความต่างของThe Mask Singer เวอร์ชั่นไทย vs เกาหลี


เปรียบเทียบ! 8 ความเหมือน ความต่างของThe Mask Singer เวอร์ชั่นไทย vs เกาหลี


เปรียบเทียบ! 8 ความเหมือน ความต่างของThe Mask Singer เวอร์ชั่นไทย vs เกาหลี


เปรียบเทียบ! 8 ความเหมือน ความต่างของThe Mask Singer เวอร์ชั่นไทย vs เกาหลี


ที่มา xoxopampam dek-d

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์