ในโลกออนไลน์มีการแชร์เรื่องราวของคุณ "Supachok Thongprasit" สมาชิกเว็บไซต์เฟซบุ๊ก ซึ่งได้เล่าถึงเรื่องราวเตือนภัยถูกหลอกให้โอนเงินไปเป็นจำนวนเงินแสนกว่าบาท ให้เป็นอุธาหรณ์กับผู้ที่อาจถูกหลอกในภายภาคหน้า โดยเรื่องราวดังกล่าวเริ่มต้นจากผู้โพสต์ได้รับสายแปลกที่โทรเข้ามา โดยมีการอ้างว่าเป็นคอลเซ็นเตอร์จากไปรษณีย์ไทย ที่ได้พูดสนทนาว่า "คุณศุภโชค(ตรงกับชื่อผู้โพสต์จริง) มี พัสดุตกข้างไม่ถึงมืออยู่กล่องหนึ่ง ต้องการทราบรายละเอียด กด 9" โดยผู้โพสต์ได้กดไปและสายดังกล่าวได้โอนไปให้พนักงานหญิง โดยพนักงานหญิงมีการอ้างว่า มีพัสดุที่ผู้โพสต์ได้เป็นคนส่ง ซึ่งจริงๆตนไม่ได้ส่ง ได้ค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ไทยหลักสี่ ส่งถึงนางวิไล จันทวงศ์ แต่ที่อยู่จังหวัดทางภาคใต้ แต่ตนจำไม่ได้ว่าจังหวัดอะไร
โดยปลายสายยังอ้างว่า เพื่อความปลอดภัยในรายละเอียดและเป็นกฎให้แสดงตัวโดยให้ผู้โพสต์บอก ชื่อกับเลขที่บัตรประชาชน ซึ่งผู้โพสต์ได้บอกไป ต่อมาพนักงานหญิงปลายสายได้อ้างอีกว่า ในพัสดุดังกล่าวเป็นบัญชีเงินฝากจำนวนหนึ่ง และเงินอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการผิด พ.ร.บ.ไปรษณีย์ ซึ่งผู้โพสต์ไม่ทราบว่ามีจริงหรือไม่ แต่ทางปลายสายขอโอนไปต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยใช้เวลาไม่นาน โดยเป็นผู้ชายรับและแสดงตนว่าเป็นร้อนตำรวจเอกนายหนึ่ง ประจำอยู่ที่ภาค 6 จ.พิษณุโลก ด้วยความที่ผู้โพสต์ลังเลจึงเปิดเว็บไซต์กูเกิ้ลเพื่อค้นหาดูว่ามีชื่อตำรวจที่คุยด้วยจริงอยู่ภาค 6 จริงหรือไม่ ปรากฏว่าจริง เลยทำให้ผู้โพสต์คิดว่านี่อาจจะเป็นเรื่องจริง
โดยปลายสายที่อ้างว่าเป็นนายตำรวจ ได้อ้างว่า นางวิไล ไม่มารับพัสดุเพราะถูกจับข้อหามีส่วนพัวพันกับการฟอกเงินขบวนการค้ายาเสพติด และในบัญชีจำนวนดังกล่าวที่อยู่ในพัสดุมีบัญชีนึงตรงกับชื่อของผู้โพสต์ จึงอยากขอตรวจสอบทรัพย์สินได้หรือไม่ ซึ่งผู้โพสต์เริ่มเอะใจว่า จ.ที่ส่งไปรษณีย์และตำรวจที่รับเรื่องทำไมอยู่คนละที่กันหมด ทำให้ผู้โพสต์ตอบไปว่าไม่อนุญาต
จากนั้นปลายสายได้พูดถึงวิธีการต่างๆ ในชั้นสืบสวน ตามด้วยเหมือนไม้ตาย คือปลายสายถามว่ารู้จัก บัค 1133 หรือไม่ ให้จดเบอร์นี้แล้วโทรไป 1133 ถามหาเบอร์สถานีตำรวจภูธร ภาค 6 พิษณุโลก ให้ลองตรวจสอบดู ชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจจะขอวางสายหลังจากนั้นจะโทรมาใหม่ แล้วก็วางสายไป
เมื่อผู้โพสต์ได้โทรไป 1133 ปรากฏว่าเบอร์ตรงกัน ก็ขอบคุณพนักงานและวางสายไป แต่วางได้ไม่ถึง 2 นาที เบอร์ที่ตรวจสอบก่อนหน้านี้ก็โทรกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ทำให้ผู้โพสต์เริ่มหลงเชื่อว่าเป็นของจริง จึงได้คุยกันต่อกับชายที่อ้างว่าเป็นตำรวจคนเดิม โดยได้เรื่องว่า การตรวจสอบนี้ต้องให้แบงค์ชาติระงับบัญชีทั้งหมดที่มีแล้วทำการตรวจสอบ ซึ่งจะกินเวลานานมาก และจะไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ ได้เลย แล้วถามผู้โพสต์ต่อว่าจะเดือดร้อนไหม แน่นอนว่าเดือดร้อน ทางปลายสายจึงบอกว่า หากผู้เสียหายเดือดร้อนให้ใช้วิธีที่สอง คือการถอนเงินแล้วใส่ตู้โอนเงินเพื่อตรวจสอบโดยเค้าจะคุยกับแบงค์ชาติให้ตัดสัญญาณแล้วเปลี่ยนสัญญาณตู้นั้นเป็นระบบส่งเข้า เพื่อแยกทรัพย์สินของผู้โพสต์ไว้ตรวจสอบ
ซึ่งในการตรวจสอบนี้ต้องทำการโอน จังหวะนั้นไม่รู้ผู้โพสต์คิดอะไร ทางปลายสายพูดอะไรก็เชื่อไปหมด จนกระทั่งเสร็จธุรกรรม ซึ่งเป็นการใช้ตู้ทั้งหมด โดยมีทั้งการโอนแบบถอนแล้วมาใส่ตู้โอน รวมทั้งเสียบบัตรแล้วกดโอน ทั้งหมดเป็นจำนวนเงินกว่า 100,000 บาท ปลายสายจึงทำการพูดถึงชั้นสอบสวน และเล่าถึงการโกงโดนการนำสลิปที่มีอยู่ไปใช้โกง จึงสั่งให้เราฉีกสลิปทั้งหมด แม้ในจิตใต้สำนึกผู้โพสต์จะบอกว่าไม่สาเหตุสมผล แต่ผู้โพสต์ก็ฉีกทิ้งจนละเอียด แล้วทิ้งลงถัง เมื่อทำทุกอย่างเสร็จสิ้นปลายสายคนล่าสุดซึ่งเป็นคนละคนกับคนแรกโดยอ้างว่ามียศใหญ่กว่า ได้พูดย้ำว่าจะทำการตรวจสอบบัญชีแล้วจะโทรกลับไป ระหว่างนี้ห้ามทำธุรกรรมใดๆ ทั้งสิ้น แล้ววางสายไป
หลังจบเรื่องผู้โพสต์ได้เดินออกมาจากจึดเกิดเหตุได้หนึ่งนาที รู้สึกเสียวสันหลังวาป ขนลุก เหมือนสติคืนมารีบโทรหาคนที่รู้จัก ถามว่าเกิดอะไรขึ้นจึงได้รู้ว่า โดนเข้ากับตัวแล้ว จึงถามปลายสายว่าควรทำอย่างไร และวิ่งกลับไปธนาคาร โดยในใจคิดว่าตนทำไปไม่นานน่าจะยกเลิกได้ ซึ่งจากการคุยกับทั้งธนาคารที่โอนและธนาคารปลายทางได้ความว่า ไม่มีอำนาจยกเลิกธุรกรรมในลักษณะนี้ได้เพราะไม่ใช้การโอนผิดบัญชี ซึ่งหากเป็นการโอนผิดบัญชีต้องมีบัญชีอ้างอิง และเลขบัญชีต้องผิดเพียง 1-2 ตัว ทางธนาคารจะช่วยติดต่อทางบัญชีที่ผิดเพื่อขอให้โอนเงินคืนให้ แต่นี้ไม่ใช่ ทำได้เพียงแจ้งความ
ไปถึง สน. ขอแจ้งความ ผู้โพสต์เล่าไม่ถึง สองประโยค คุณตำรวจก็เล่าต่อได้แล้วเป็นฉากๆ ทำให้รู้ว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหายคนแรก ทางตำรวจบอกโดนหลายรายแล้ว พี่ตำรวจด้านหลังก็โดนแต่ไม่เยอะ อาจารย์เกษียณโดนไป 7-8 แสนก็มี ระหว่างลงบันทึก คุณตำรวจก็ถามถึงเลขบัญชีปลายทาง ก็บอกฉีกแล้วทิ้งไปแล้วไปโกยกลับมาแล้วแต่ต่อกลับไม่ได้ ตำรวจอ้าปากค้าง จึงคิดได้ว่า ตนเองโอนด้วยบัตรด้วย ในแอพฯก็ต้องขึ้นแสดงโชว์ จึงทำการเปิดแอพฯดูธุรกรรมล่าสุด ปรากฏว่าไม่ใช่การโอนแต่เป็นการถอน จังหวะนั้นผู้โพสต์เผยว่าตนอ้าปากค้าง คิดว่าถอนได้ยังไง ในเมื่อโอนกับมือ
สรุปว่า ผู้โพสต์ซึ่งเป็นผู้เสียหาย ไม่มีเลขบัญชีของผู้หลอกให้โอนเงิน ซึ่งได้ลงบันทึกแจ้งความไปแล้ว แต่นึกย้อนว่าตนเองโดนหลอกจริงหรือ เพราะทั้งชื่อ เบอร์โทรนั้นจริงทุกอย่าง ผู้โพสต์จึงอยากเตือนว่า หากเจอเหตุการณ์ลักษณะนี้ วางสายไปเลย แม้ทุกอย่างมันจะดูจริงมาก ตอนนี้พูดกับคนใกล้ตัวก็มีคนโดนแล้ว ทุกอย่างมันดูจริงและไวมาก เหมือนตรวจสอบได้ มาคิดได้ก็สายไปแล้ว เป็นไปได้ฝากบอกต่อ จะได้ไม่มีใครโดนแบบนี้อีก