ในเพจเฟซบุ๊ก ราชบัลลังก์จักรีวงค์ ได้เคยนำเสนอเรื่องราวของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ครั้งเสด็จไปยังณ ฐานปฏิบัติการ พญาพิภักดิ์ จังหวัดเชียงราย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารหาญ ในการสู้รบกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕ ทั้งที่สถานการณ์การสู้รับเพิ่งสงบลงหมาดๆ และยังคงสุ่มเสี่ยงต่ออันตราย ถือเป็นหนึ่งในเขตที่มีความรุนแรงที่สุด เพราะเป็นประตูในปฏิบัติการประสานกันระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ในไทย ลาว และ เวียดนาม และได้ทรงประทับรอยพระบาท ณ ฐานปฏิบัติการ ซึ่งนายทหารที่ทำการถอดถุงพระบาทให้นั้น ยังสังเกตุเห็นรอยขาดที่ถุงเท้าของพระองค์ แสดงถึงการที่ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างเรียบง่าย สมถะ รู้จักคุณค่าของการใช้สิ่งของ สร้างความประทับใจและเป็นขวัญกำลังให้กับเหล่าทหารกล้าที่คอยรักษาดินแดนเป็นอย่างยิ่ง
กำลังใจหลัง รอยพระบาท
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงประทับรอยพระบาทลงบนปูนปลาสเตอร์ ตามคำกราบบังคมทูลขอพระราชทานจากนายทหาร เพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารหาญ ในการสู้รบกับกองกำลังคอมมิวนิสต์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๕
ในภาพ พ.ท.วิโรจน์ ทองมิตร กำลังสวมถุงพระบาทถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ขณะทรงประทับรอยพระบาท ณ ฐานปฏิบัติการ พญาพิภักดิ์ จังหวัดเชียงราย...
"..แค่ได้สวมถุงพระบาทถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว...แค่นี้ก็เป็นสิ่งที่สร้างความประทับใจให้กับทีมงานทุกๆ คน ตราบจนวันนี้.."
ในการเสด็จฯ ครั้งนั้น แม้สถานการณ์ควันไฟจากการสู้รบจะเพิ่งสงบได้หมาดๆ ยังคงสุ่มเสี่ยงต่ออันตราย เพราะในเขตพื้นที่ดอยพญาพิภักดิ์ ถือเป็นหนึ่งในเขตที่มีความรุนแรงที่สุด เพราะเป็นประตูในปฏิบัติการประสานกันระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์ในไทย ลาว และ เวียดนาม
แต่ด้วยน้ำพระทัยอันกล้าหาญ พระองค์ท่านทรงรับการมอบตัวและมอบอาวุธต่อกองกำลังฝ่ายตรงข้ามกับรัฐบาล เพื่อรับเข้าเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ทำให้ความขัดแย้งยุติลง ความสงบสันติสุขกลับคืนมา
ในเรื่องนี้ทหารที่อยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นได้บันทึกเอาไว้ใน..หนังสือ "เที่ยวตามพ่อ" ว่า...
"...เมื่อพระองค์ท่านถอดรองพระบาท(รองเท้า) ได้เผยให้เห็นถึงถุงพระบาทที่ขาด ก่อนจะถอดถุงพระบาท และได้ประทับพระบาทลงในเบ้าพิมพ์ที่เป็นปูนปลาสเตอร์ผสมหมาดๆ..
ถุงพระบาทนั้น คือสิ่งที่ได้แสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงเป็นทั้งนักทฤษฎีและปฏิบัติ
พระองค์มิใช่พระมหากษัตริย์ซึ่งทรงครองสิริราชสมบัติยาวนาน แต่เพียงสถานเดียว
แต่ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงปฏิบัติพระองค์อย่างเรียบง่าย สมถะ รู้จักคุณค่าของการใช้สิ่งของมากยิ่งกว่าพระมหากษัตริย์ใดในโลก หรือยิ่งกว่าสามัญชน แม้กระทั่งพสกนิกรมากหลาย ที่ยังดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องมีความพอเพียงเช่นนั้นไม่ได้..."
เห็นการประทับรอยพระบาทของในหลวงแล้วทำให้คิดถึง ถนนแห่งเกียรติยศที่ฮอลลีวูด อเมริกา
แต่ความหมายของการประทับของในหลวงนั้นยิ่งใหญ่กว่ามากนัก เพราะนี้คือขวัญและกำลังใจที่ให้ไว้ ทั้งเป็นสิ่งเตือนใจ และให้กำลังใจเราให้เข้มแข็งและกล้าหาญ
หลังจากนั้นมาพระองค์ท่านไม่เคยประทับรอยพระบาทลักษณะนี้ที่ไหนอีกเลย...
ดังนั้น ที่นี่จึงเป็นแห่งเดียวในโลกที่มีรอยพระบาทในหลวงของเราอยู่
ปัจจุบันได้รับการเชิญมาไว้ที่ ดอยโหยด ศาลารอยพระบาท ค่ายเม็งรายมหาราช อ.เมือง จ.เชียงราย