เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงความน่ากลัวของสัญชาตญาณของมนุษย์ เมื่อผู้ชาย 32 คนกับหญิงสาวชาวญี่ปุ่น 1 คนถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวอยู่บนเกาะแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นระยะเวลายาวนานถึง 7 ปี ความต้องการและความกระหายจากสัญชาตญาณของมนุษย์ทำให้ผู้คนเกิดความขาดสติจนเข่นฆ่ากันเอง กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่น่าเศร้า
โศกนาฏกรรม! หญิงสาวคนเดียว บนเกาะร้าง กับ ผู้ชาย 32 คน ป่าเถื่อนจนน่าขนลุก!
ปี 1939 มานามิ มิซาโกะ หญิงสาวจากโอกินาว่าวัย 16 ปีได้อพยพจากโอกินาว่าไปยังทะเลแปซิฟิกตามพี่ชายของเธอ เธอเดินทางมาถึงเกาะ Bacan เมื่อเธออายุได้ 18 ปีก็ได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่อาศัยอยู่บนเกาะโอกินาว่า สามีของเธอทำงานอยู่บนเกาะนี้มีหน้าที่ดูแลจัดการผู้ใช้แรงงานตัดต้นมะพร้าวบนเกาะ
หลังจากนั้นในปี 1944 พวกเขาถูกสั่งให้ย้ายไปทำงานที่เกาะ Anatahan ซึ่งบนเกาะนี้มีชาวพื้นเมืองอยู่ 20 กว่าเผ่า โดยมีเธอ สามี และหัวหน้างานอีกหนึ่งคน รวมทั้งหมดเป็น 3 คนที่เป็นชาวญี่ปุ่นที่อยู่บนเกาะ ภายหลังเกาะถูกกองทัพอเมริกาโจมตีทางอากาศทำให้สามีของเธอสูญหายไป เธอจึงได้แต่งงานกับหัวหน้างาน
วันที่ 12 มิถุนายน 1944 เรือประมงจับปลาทูน่าของญี่ปุ่นได้ถูกโจมตีทางอากาศโดยกองทัพอเมริกัน ทำให้ชาวประมงผู้รอดชีวิตต้องว่ายน้ำหนีตายมาอยู่บนเกาะแห่งนี้ ขณะนั้นมีทหารญี่ปุ่นและลูกเรือประมงอีกรวมๆ 31 คนเข้ามารวมแล้วบนเกาะมีคนญี่ปุ่นทั้งหมด 33 คน เป็นผู้ชายจำนวน 32 คน เธอจึงกลายเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวบนเกาะแห่งนี้
วันที่ 15 สิงหาคม 1945 ญี่ปุ่นประกาศพ่ายแพ้สงคราม ทหารอเมริกันได้ป่าวประกาศชัยชนะทั่วทั้งเกาะแต่คนญี่ปุ่นบนเกาะต่างไม่มีใครเชื่อเลยสักคน ภายหลังกลุ่มคนดั้งเดิมบนเกาะได้เริ่มทยอยอพยพหนีออกไปจากเกาะ ทำให้ทั่วทั้งเกาะเหลือเพียงคนญี่ปุ่น 33 คนเท่านั้น โดยที่พวกเขาคิดว่าสงครามยังไม่สิ้นสุดลง
ในเดือนสิงหาคม ปี 1946 พวกเขาพบซากเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบ B-29 ของกองทัพอเมริกันลอยมาเกยตื้นบริเวณชายหาด พบปืน 4 กระบอก กับกระสุนอีก 90 กว่านัด หลังจากเอามาซ่อมแซมแล้วปืนใช้ได้เพียง 2 กระบอก ทำให้ปืนกลายเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจบนเกาะ ใครที่มีปืนไว้ในครอบครอบก็จะสามารถครอบครองผู้หญิงได้เช่นกัน
จึงทำให้ผู้คนบนเกาะเริ่มเข่นฆ่ากันเองทำให้มีผู้เสียชีวิตไปหลายคน ได้มีคนตัดสินใจโยนปืนทิ้งลงไปในทะเลเพื่อตัดปัญหา แต่ก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ พวกเขาจึงได้ตัดสินใจแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุนั่นคือการฆ่าผู้หญิงนั่นเอง แต่นับว่ายังโชคดีที่เธอสามารถหลบหนีไปอยู่ในหุบเขาลึกได้ก่อน จนเวลาผ่านไป 1 เดือนเธอได้ขอความช่วยเหลือจากทหารอเมริกัน
จนสามารถหลบหนีออกจากเกาะได้สำเร็จ หลังจากเธอได้กลับมาถึงญี่ปุ่นก็ได้บอกเล่าเหตุการณ์นี้และเรื่องราวของผู้รอดชีวิตบนเกาะให้คนอื่นฟัง ทางญาติของฝั่งผู้รอดชีวิตบนเกาะจึงพยายามเขียนจดหมายหาคนบนเกาะเพื่อให้กลับไปญี่ปุ่นแต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีและคิดว่าเป็นอุบายของทหารอเมริกันจนกระทั่งผ่านไป 1 ปี พวกเขาจึงได้ตัดสินใจเดินทางกลับมาญี่ปุ่น
หลังจากที่พวกเขากลับมาญี่ปุ่นก็พบว่าอะไรหลายๆอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วสามีคนเดิมของเธอได้กลับมาถึงญี่ปุ่นก่อนเธอตั้งนานแล้ว เขาคิดว่ามาซาโกะเสียชีวิตไปแล้วจึงไปแต่งงานและมีครอบครัวใหม่ ส่วนภรรยาของผู้รอดชีวิตบางคนก็ได้แต่งงานใหม่ หลังจากเรื่องราวนี้ได้เผยแพร่ออกไปทำให้กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมทันที
มาซาโกะได้จัดทำละครเวทีเรื่องเกาะ Anatahan ซึ่งนำแสดงโดยตัวเธอเองแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เธอจึงผันตัวไปเป็นสาวนักเต้นระบำ และได้แต่งงานอีกครั้งในวัย 34 ปี เธอได้เปิดร้านเล็กๆและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย หลังแต่งงานกันไม่ถึง 10 ปีสามีของเธอก็ได้เสียชีวิตลง
ส่วนตัวเธอเองก็ได้เสียชีวิตลงจากอาการเนื้องอกในสมองในปี 1974 ด้วยวัย 49 ปี ทิ้งเรื่องนี้ไว้ให้เป็นตำนานเล่าขานกันมาจนถึงทุกวันนี้
ที่มา liekr