แม่สามี รังเกียจ ลูกสะใภ้เพราะกำพร้า แต่พอรู้ว่าน้องชายเธอมีฐานะดี กลับทำแบบนี้ ถึงกับพูดไม่ออก!

เมื่อไม่นานมานี้เว็บไซต์ต่างประเทศได้มีการแชร์เรื่องราวของหญิงคนหนึ่ง เธอได้ออกมาเล่าชีวิตของตัวเองโดยเรื่องราวมีอยู่ว่า.. ตอนฉันอายุได้ 14 ปี แม่ทะเลาะกันกับพ่อ แม่จึงหนีออกจากบ้านไป ผ่านไปไม่นานพ่อก็มาประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิตอีก ทำให้ฉันต้องกำพร้าพ่อแม่ อีกทั้งยังมีน้องชายอายุ 4 ขวบอีกคน ฉันต้องคอยเลี้ยงดูน้องชายมาโดยตลอด และต้องหยุดเรียนตั้งแต่ชั้น ม.ต้นอีกด้วย ฉันต้องไปทำงานหาเงินในโรงงาน เพื่อหาเงินเลี้ยงดูและส่งน้องเรียน

โชคดีที่น้องชายเป็นเด็กดี และเชื่อฟังมาก เวลาผ่านไปน้องสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อได้ ในวันที่น้องเข้าเรียนมหาวิทยาลัย น้องให้สัญญาว่าจะตอบแทนฉัน และขอบคุณที่ฉันยอมเสียสละเพื่อเขา

ช่วงที่น้องชายเรียนหนังสือ น้องยังรับงานพิเศษหลายอย่างด้วย ฉันจึงรับผิดชอบแค่ค่าเทอมเท่านั้น เวลาผ่านไปฉันมีอายุมากขึ้น มีคนเข้ามาจีบบ้าง และได้รู้จักกับสามีคนปัจจุบัน เขาชื่นชมที่ฉันเป็นคนขยัน และจิตใจดี หลังคบหากันได้เพียงครึ่งปี ฉันก็ไปที่บ้านพบครอบครัวของเขา แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่ของเขาไม่เห็นด้วย แต่ฉันก็ไม่แปลกใจ เพราะฉันยังมีน้องชายอีกคนที่ต้องดูแล ฉันไม่ได้จบสูง ไม่มีพ่อแม่ แถมยังมีภาระติดตัวอีกด้วย แต่สามีปกป้องฉันไว้ เขาตัดสินใจพาฉันย้ายไปที่อื่นเพื่อไปใช้ชีวิตร่วมกัน

หลังจากนั้นเราก็ได้แต่งงานกันอย่างเงียบ ๆ เราไม่ได้จัดงานแต่ง ไม่นานนักฉันก็ตั้งครรภ์ลูกสาว แต่ในระหว่างทำคลอด ทารกเกิดขาดออกซิเจน แพทย์จึงต้องทำการผ่าคลอดเร่งด่วน ในเวลาแบบนี้แม่สามียังพูดจาหาว่าฉันว่าเป็นตัวซวยอีกต่างหาก หลังคลอดแม่สามีไม่เคยมาดูแลฉันเลย ส่วนน้องชายก็สอบได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศแล้ว ตอนที่ลูกสาวอายุครบหนึ่งขวบ น้องชายก็กลับมาพอดี น้องได้งานทำที่บริษัทข้ามชาติมีรายได้ดีมาก และยังมีรถประจำตำแหน่งอีกด้วย วันหนึ่งขณะที่แม่สามีมาที่บ้าน เพื่อขอเงินกับสามี ก็ได้พบกับน้องชายฉัน เมื่อเธอเห็นน้องชายฉันแต่งตัวดี มีรถดี ๆ ขับ ก็แสดงสีหน้าตกใจ น้องชายได้รับเงินเดือนหลายแสนบาท เมื่อน้องเดินเข้ามาในบ้านพร้อมกับของฝากเต็มมือ แม่สามีก็รีบออกไปตลาดซื้อกับข้าวมาทำอาหาร นี่เป็นครั้งแรกที่เธอทำอาหารให้เราทาน ทำให้ฉันรู้สึกขยะแขยงเธออย่างบอกไม่ถูก

และเมื่อน้องชายบอกฉันว่าจะช่วยผ่อนบ้านให้ และคืนเงินที่ฉันเคยส่งเสียน้องเรียนประมาณสามแสนหยวน (1.5 ล้านบาท) แม่สามีก็แสดงสีหน้าตกใจยิ่งกว่าเดิม เธอพูดขึ้นว่า อยากมาอยู่ที่บ้านด้วยกัน เพื่อช่วยเลี้ยงดูลูกสาว ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยมาช่วยดูแลเลยสักครั้ง คนเราเพียงแค่เงินและความสะดวกสบาย ก็ทำให้เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในพริบตา ช่างน่าสงสารคนเหล่านี้จริง ๆ ค่ะ