หนุ่มใหญ่โดนแม่กีดกัน ไม่ให้แต่งงานกับแฟนสาว สาปแช่งถึงขั้นเอาชีวิต แต่สุดท้ายเรื่องกลับกลายเป็นแบบนี้?

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า อดีตนักร้อง แต่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นนักแสดงชื่อ หวัง ซือ เสียน วัย 49 ปี ชาวไต้หวัน เข้าวงการบันเทิงมานานกว่า 20 ปี ไม่ว่าจะออกอัลบั้ม หรือ ด้านการแสดงเขาก็เคยผ่านมาหมด

เขาแต่งงานมีครอบครัวมานานกว่า 13 ปีแล้วมีลูกสาวที่น่ารัก 2 คนกับภรรยาที่แสนดี ความรักของพวกเขาทั้งสองหวานแววตลอดมา เขาไม่เคยมีข่าวพาดพิงที่เสียหายมาก่อน เป็นคนดีในสายตาของคนทั่วไป และเป็นตัวอย่างที่ดีของสังคม แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังของเขา เคยทะเลาะกับแม่ที่ให้กำเนิดเขามา โดยเป็นสงครามเย็นตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่า

ตั้งแต่ หวัง ซือ เสียนเข้าวงการบันเทิง เขาก็ได้รับยกย่องให้เป็นบุตรที่กตัญญูมาก หลังจากเขาเข้าวงการได้ไม่นาน พ่อของเขาเสียชีวิตไป เขาเป็นบุตรคนที่ 2 ของบ้าน แต่กลับเป็นคนที่ต้องแบกภาระของครอบครัวทั้งหมด เพื่อเป็นเสาหลักที่มั่นคงให้กับแม่ของเขาเอง

ได้ชื่อว่าเป็นบุตร กตัญญู ในทุกๆเดือนจะให้เงินแม่ใช้เป็นเลข 6 หลัก และยังช่วยจ่ายเงินดาวน์งวดแรกให้น้องสาวซื้อบ้านอีกด้วย ครอบครัวของเขาสนิทสนมกันมาโดยตลอด จนกระทั่ง วันแรกที่เขาได้พาว่าที่เจ้าสาว เสี่ยวหยิน เข้าบ้าน

ทำให้แม่ของเขารู้สึกไม่ดี เมื่อเห็นลูกชายพาว่าที่สะใภ้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดเวลา ติดกันอย่างกับปาท่องโก๋เลย แม่ของเขาทนไม่ไหว ในใจว้าวุ่น

ที่สำคัญคือ ว่าที่สะใภ้คนนี้ก่อนหน้านี้เคยทำงานเป็นสาวเชียร์เบียร์ มิน่าถึงไม่เป็นที่โปรดปรานของแม่สามี โดยแม่ของหวัง ซือ เสียน ถึงกับประกาศว่า "ลูกชายฉันสามารถหาผู้หญิงที่ดีกว่านี้ได้"

ข่าวเล่าลือว่า เสี่ยวหยินไม่เพียงเคยเป็นสาวเชียร์เบียร์แล้ว ยังมีความสามารถในการสื่อสารกับวิญญาณได้ ทำให้แม่ของเขายิ่งกังวลมากขึ้นกว่าเดิม

แต่ หวัง ซือ เสียนออกมาชี้แจงว่า "ได้อันเชิญอาจารย์มาปิดช่องทางในการสื่อสารกับวิญญาณแล้ว ส่วนเรื่องอดีตของเธอ ผมไม่แคร์ เพราะมันก็ผ่านไปแล้วเป็นเรื่องของอดีต"

แต่แม่ของเขายืนกรานที่จะต่อต้านพวกเขาแต่งงานกัน การที่ต้องกลายเป็นคนกลางระหว่างผู้หญิง 2 คน มันวางตัวยากมาก ในที่สุดหวัง ซือ เสียนตัดสินใจไปจดทะเบียนสมรสกับแฟนสาวคนนนี้ โดยที่ไม่จัดงานแต่งงาน หลังจากแต่งงานก็ย้ายออกจากบ้าน ทำให้แม่ของเขายิ่งไม่เข้าใจในสิ่งที่ลูกชายกระทำ ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ยิ่งห่างเหินและเย็นชามากขึ้น นาน 1 ปีกว่า

โดยแม่ของหวัง ซือ เสียนบอกว่า "ตอนนั้นทีวีได้ฉายละครเรื่องหนึ่งที่ลูกชายแสดง ตนนั่งดูไปร้องไห้คิดถึงลูก ตลอดจนหนังจบ บางทีก็นั่งพูดคุยกับลูกชายผ่านทางทีวี จนสุดท้ายไม่กล้าดู เพราะกลัวจะเสียใจไปมากกว่าเดิม"

จนแม่ของเขาออกมาพูดว่า "เมื่อ 10 ปีก่อน แม่สำคัญสำหรับลูกมาก" กระทั่งเมื่อลูกสาวคนแรกคลอด แม่ของเขากลับสาปแช่งว่า "ขอให้ทั้งแม่และลูกตายคามือหมอในห้องผ่าตัด"

พี่ชายของเขาก็ออกมาพูดว่า "หวัง สือ เสียน ออกจากบ้าน ห่างเหินกับครอบครัว เพราะกลัวเมีย เหมือนลูกไก่ในกำมือ"

เมื่อหวัง สือ เสียนพาภรรยามางานแต่งของน้องสาว ทำให้แม่ลูกได้พบหน้ากันอีกครั้งและปรับความเข้าใจต่อกันและกัน ตอนนั้นแม่ของเขาตื่นเต้นมาก อยากจะพบหน้าหลานสาว คำแรกที่พูดหลังเจอหน้าคือ "หลานอยู่ไหน? ทำไมไม่พามาด้วย? เขาชื่ออะไร? ได้ยินไหมทำไมไม่ตอบ?" แต่แล้วแม่ของเขาก็ผิดหวัง เพราะพวกเขาไม่ได้ลูกสาวมาด้วย

แต่เมื่อสะใภ้และแม่สามีพบหน้ากัน ทั้ง 3 คนก็รู้สึกเกร็งๆ ทำอะไรไม่ถูก จนในที่สุดหวัง ซือ เสียนโอบกอดแม่ของเขา และพูดว่า "แม่ไม่เคยชนะลูกได้เลย แม่รู้ว่าลูกมีเหตุผลของลูกเสมอ อยากกลับบ้านเมื่อไรก็กลับมาได้นะ"

ชีวิตที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ กลายเป็นสงครามเย็น แต่แม่ยังไงก็คือแม่ ให้อภัยลูกได้เสมอ

ขอเพียงแค่กลับมาหาแม่ ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย ครอบครัวก็คือครอบครัวเสมอ เป็นที่พักพิงกาย-ใจ

ไม่ว่าลูกจะเดินผ่านฝน พายุ ร้ายแรง เพียงใด ตอนนี้กลับมาแล้วก็ขอให้เรื่องต่างๆ ผ่านแล้วผ่านเลย

หวัง ซือ เสียน บอกว่า "ผมไม่ต้องการจะทะเลาะ หรือเข้าข้างฝ่ายใด แต่วันนี้เมื่อผมเลือกที่จะมีครอบครัวแล้ว ก็ไม่อยากให้คู่ชีวิตของผมต้องลำบากใจ และไม่อยากให้แม่เสียใจ ผมรู้ว่าการกระทำของผม ดูแล้งน้ำใจต่อแม่เกินไป แต่ขอเวลาให้เราปรับตัวสำหรับครอบครัวใหม่ก่อน และจะพาภรรยาและลูกสาวไปขอโทษกับแม่อีกครั้ง" (นี่อาจเป็นแผนของน้องสาวก็เป็นได้ )

ไม่มีปัญหาอะไรสำคัญมากกว่าการที่ครอบครัวได้อยู่กันอย่างพร้อมหน้า!