บ้านเป็นที่ที่อบอุ่นที่สุดสำหรับทุกคน ยามใดที่คุณรู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้า คุณก็สามารถกลับมาบ้านพักกายพักใจได้ตลอดเวลา แต่ชายชราชื่อ หลี่ คนนี้ ถึงเขามีบ้านแต่ก็กลับไปอยู่บ้านไม่ได้ เพราะลูกสะใภ้ใจร้าย ด่าว่าเขากินอยู่ฟรี ไร้ค่าต่อครอบครัว เขาโหโมมากจึงออกจากบ้านมาอยู่เพียงลำพัง
ตั้งแต่ นายหลี่ ออกจากบ้านเดินทางมาถึงเมืองใหญ่คนเดียว เนื่องจากเขามีอายุมากแล้ว ไม่มีใครยอมจ้างเขาทำงาน เขาเลยต้องอาศัยเก็บของเก่าประทังชีวิตขายไปวันๆ เมื่อเวลา 15 ปีผ่านไป ด้วยความขยันและประหยัด ในที่สุด นายหลี่ ก็เก็บเงินได้ 100 ล้านบาทเลยทีเดียว และเงินพวกนี้ นายหลี่ ไม่ได้เก็บไว้ให้ลูกชายของเขานะ เขาเก็บไว้ให้เพื่อนซี้ของเขาต่างหาก เมื่อ 10 ปีที่แล้ว วันนั้นเมื่อ นายหลี่ เก็บขยะเสร็จ เขาก็ได้กลับมานอนในซอยที่เขาพัก ต่อมาก็มีวัยรุ่นคนหนึ่งเดินเข้ามาขู่เขาเพื่อเอาเงิน นายหลี่ ไม่ยอมเอาเงินให้ จู่ๆ ก็มีหมาตัวหนึ่งวิ่งเข้ามากัดวัยรุ่นคนนั้นจนต้องวิ่งหลบหนีไป และตั้งแต่นั้นมา นายหลี่ ก็ได้เลี้ยงดูแลหมาตัวนี้มาตลอดจนถึงเขาเสียชีวิตลง
เมื่อไม่นานมานี้ ไม่รู้ลูกชายกับลูกสะใภ้ไปได้ข่าวมาจากไหนว่าเขามีเงินเก็บ สองคนได้นั่งรถมาหาเขาพร้อมเลี้ยงข้าวเขาอย่างดีเลย ทีแรก นายหลี่ ยังเอะใจว่า ทำไมลูกชายเปลี่ยนไป แต่พอสักพักก็อ้าปากขอเงินกับนายหลี่
ลูกชายรู้แล้วว่า นายหลี่ มีเงินฝากเป็นล้าน และโกหกเขาว่าตอนนี้ต้องการใช้เงินด่วน นายหลี่ รู้ในใจแล้วว่าลูกชายคิดอะไรอยู่ เลยพูดกับพวกเขาว่าตัวเองไม่มีเงิน สองคนฟังแล้วรู้ว่าคงไม่มีทางได้เงินจากพ่อ เลยได้นั่งรถกลับบ้านในวันถัดไป
หนึ่งปีผ่านไป นายหลี่ รู้สึกไม่สบายเลยไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาล ผลตรวจพบว่าตัวเองเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย คงอยู่ได้อีกไม่นาน ด้วยความเป็นห่วง เขาเลยได้ไปขอความช่วยกับหน่วยงานรับเลี้ยงสุนัข เมื่อตัวเองจากไป พวกเขาสามารถช่วยเลี้ยงดูแลน้องหมาของเขาต่อได้ ต่อมาไม่นาน นายหลี่ ก็ได้เสียชีวิตลง ลูกชายของเขาได้ค้นพบสมุดเงินฝากของเขา และรีบนำสมุดนี้ไปถอนเงินที่ธนาคาร แต่ได้รับการแจ้งจากธนาคารว่า เขาไม่มีสิทธิถอนเงินก้อนนี้ พร้อมได้ยื่นหนังสือมรดกของนายหลี่ให้ลูกชายเขาดูว่า นายหลี่ได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่า ให้ธนาคารนำเงินนี้ให้หน่วยงานรับเลี้ยงสุนัขทุกๆเดือน เพื่อเป็นค่าดูแลน้องหมาของเขาจนกว่าน้องหมาจะตาย