ตลอดระยะเวลา 70 ปี ที่พระองค์ท่านทรงงานเพื่อประเทศไทย คนไทยค่อยๆซึมซับความรักที่พระองค์ท่านมีให้กับประชาชน จนทำให้ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศรักพระองค์ท่านอย่างไม่มีข้อแม้ด้วยหัวใจ นั่นเองที่ทำให้ประชาชนทั้งประเทศ พร้อมจะทำทุกอย่าง เสียสละทั้งทรัพย์ และแรงกาย เพื่อให้งานพระราชพิธีออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ไม่ใช่เพื่อหน้าตาของประเทศ แต่เพื่อพ่อหลวงของคนไทยทั้งชาติต่างหาก หากใครไปชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการฯ บอกเลยว่าท่านจะรู้สึกถึงความปลื้มปิติอย่างบอกไม่ถูก
ที่สุดแห่งความคิดถึง คนไทยมากมายต้องหลั่งน้ำตา...ในนิทรรศการฯ เมื่อเห็นสิ่งนี้ ที่ทรงใช้เคียงคู่พระวรกาย!
วันนี้ 2 พ.ย. 60 ถือเป็นวันแรกที่เปิดให้ประชาชนได้เข้าชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการฯ ซึ่งต้องบอกเลยว่าเป็นงานที่ทำให้รู้สึกคิดถึงพระองค์ท่านอย่างหาที่สุดมิได้ โดยเฟสบุ๊คส่วนตัวชื่อ Jaroensook Limbanchongkit Pone ได้ทำการแชร์ภาพส่วนหนึ่งภายในงาน ที่เราไม่ต้องอธิบายสิ่งใดเลย เรารับรู้ได้เองถึงความอาลัยทั้งหมดที่มีภายในใจได้ทันที...
หลังจากที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กระทรวงวัฒนธรรมซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการจัดแสดงนิทรรศการฯ เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการฯ ได้ตั้งแต่ วันที่ 2-30 พฤศจิกายน 2560 ตั้งแต่เวลา 07.00-22.00 น.
บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ประชาชนที่จะเดินทางเข้าชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ต้องผ่านจุดคัดกรอง ซึ่งมีทั้งหมด 5 จุด ได้แก่ บริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ บริเวณท่าช้าง บริเวณหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (รด.) บริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสำหรับผู้พิการให้ใช้จุดคัดกรองบริเวณด้านหลังกระทรวงกลาโหม
ข้อควรปฏิบัติ สำหรับผู้เข้า ชมพระเมรุมาศ และนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย ไม่สวมกางเกงขาสั้น ไม่สวมกางเกง หรือกระโปรงเข้ารูป ไม่สวมกางเกงยีนส์ฟอกสีซีด หรือมีรอยขาด ไม่สวมเสื้อผ้าที่ผ้าบาง ไม่สวมเสื้อแขนกุดหรือเสื้อกล้าม ส่วนเรื่องสีเป็นสีอะไรก็ได้ ไม่ต้องไว้ทุกข์ สำหรับนักเรียน นักศึกษา กลุ่มอาชีพที่มีเครื่องแบบให้แต่งชุดเครื่องแบบ รวมถึงกลุ่มชนเผ่า ให้แต่งชุดชนเผ่าได้
เมื่อผ่านจุดคัดกรองทั้ง 5 จุด แล้ว ใช้บัตรประจำตัวประชาชนแลกบัตรเข้าชมที่สนามหลวงทางทิศตะวันตก ตรงข้าม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่จุดแลกบัตร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะแจกแผ่นพับนำชมนิทรรศการ มีทั้งภาษาไทย จีน อังกฤษ
เจ้าหน้าที่จะแนะนำผ่านเครื่องขยายเสียง ให้นั่งพักในจุดพักคอย ซึ่งมีเต็นท์ นั่งรอคิว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้จัดระเบียบ ผู้เข้าชมพระเมรุมาศ รอบละ 5,500 คน แต่ละรอบ มีเวลา 1 ชั่วโมง ห้ามเกิน เมื่อผู้เข้าชมฯ ได้ยินเสียงกริ่งเตือนดังขึ้น หรือได้ยินเสียงประกาศ ให้รีบเดินออกทาง ทิศใต้ของสนามหลวง หรือฝั่งพระบรมมหาราชวัง โดยสามารถแลกบัตรประจำตัวประชาชนคืนได้ ณ จุดนี้
เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ขึ้นชมพระเมรุมาศ ได้ถึง ชั้น 2 เท่านั้น ขณะเดินชม "ห้ามแตะ ห้ามจับ ห้ามพิง" ส่วนประกอบพระเมรุมาศ
การถ่ายภาพ "เซลฟี่" อนุญาตให้ถ่ายได้ แต่ให้อยู่ในกริยาอาการสำรวม "ห้าม ไลฟ์สด" "ห้าม วีดีโอ คอล"
ขอแนะนำสำหรับประชาชนที่เดินทางเข้าชมพระเมรุมาศ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ควรเผื่อเวลา เข้าชมนิทรรศการงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งจัดแสดง บนพระที่นั่งทรงธรรม และศาลาลูกขุน รวม 7 นิทรรศการ โดย นิทรรศการที่จัดขึ้น อำนวยความสะดวกให้สำหรับผู้พิการทางสายตา และทางการได้ยิน มีการจัดแสดงในอาคารทับเกษตร ซึ่งมีพระเมรุมาศ และองค์ประกอบต่าง ๆ จำลองเพื่อให้ผู้พิการได้มีโอกาสสัมผัสแทนการมองด้วยตา มีอาสาสมัครนำชมและจัดทำซีดีเสียงบรรยายนิทรรศการสำหรับผู้พิการทางสายตา ส่วนผู้พิการทางการได้ยิน มีจิตอาสานำชมด้วยภาษามือ
นอกจาก พระเมรุมาศ อาคารประกอบพระเมรุมาศ และนิทรรศการฯแล้ว ยังมีการแสดงมหรสพที่เวทีมหรสพด้านนอก จะทำการแสดงทุกวันเวลา 18.00-22.00 น. พิเศษ เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ มีการจัดแสดงโขนหน้าพระที่นั่งทรงธรรม มหรสพเหล่านี้หาดูยาก รวมถึง โรงราชรถ ราชยาน ในบริเวณพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติก็เปิดให้เข้าชมได้ในเวลาเดียวกัน
ปิดท้ายด้วยเดินทาง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาจราจร ขอแนะนำให้เดินทางโดยรถสาธารณะ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขสมก.) จัดรถโดยสารให้บริการ "ฟรี" ตั้งแต่เวลา 05.00-23.00 น. จำนวน 60 คันต่อวัน จากจุดต่าง ๆ ใน 6 เส้นทาง ประกอบด้วย (1.) อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (2.) สถานีรถไฟหัวลำโพง (3.) วงกลมรอบเกาะรัตนโกสินทร์ (4.) สถานีขนส่งเอกมัย (5.) สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ และ (6.) สถานีขนส่งหมอชิต
ส่วนการเดินทาง ทางเรือ ได้ขอความร่วมมือผู้ให้บริการเรือด่วน เรือเมล์ขยายเวลาให้บริการเวลา 05.00-22.30 น.
หากใครมีคำถามอะไรนอกเหนือจากนี้ สอบถามได้ที่สายด่วนวัฒนธรรม โทร.1765 หรือเว็บไซต์ www.m-culture.go.th
ที่มา Jaroensook Limbanchongkit Pone , สวพ.91 , กระทรวงวัฒนธรรม, wason wanichakorn