วันนี้ผู้เขียนขอเสนอเรื่อง" ป่าหิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ ไตรภูมิ "ในสมัยเด็กๆท่านผู้ชมผู้อ่านหลายๆท่านอาจเคยได้ดูละครที่มีเนื้อหาเรื่องราวเกี่ยวโยงกับป่าหิมพานต์ โดยได้เคยพบเห็นและได้รู้จักกับ สัตว์นานาชนิดที่ล้วนแล้วแต่ดูแปลกประหลาดต่างจากสัตว์ที่ทุกท่านเคยเห็นในทั่วๆ ไป จนกระทั่งวันนี้ผู้เขียนได้มีโอกาสเห็นสัตว์ป่าหิมพานต์ ณ พระเมรุมาศของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (ในหลวง ร.9 )ทำให้ผู้เขียนเกิดมีความสนใจในเรื่องราวเหล่านี้ขึ้นมาอีกครั้ง
ป่าหิมพานต์ สัตว์หิมพานต์ ไตรภูมิ
ป่าหิมพานต์ หรือ หิมวันต์ เป็นป่าในวรรณคดีและความเชื่อในเรื่องไตรภูมิ ตามคติทางศาสนาพุทธและฮินดู ที่มีความเชื่อว่า"ป่าหิมพานต์"ตั้งอยู่บนเชิงเขาพระสุเมรุ ป่าหิมพานต์ มีเนื้อที่ประมาณ 3,000 โยชน์ (1 โยชน์ เท่ากับ 10 ไมล์ หรือ 16 กิโลเมตร) วัดโดยรอบได้ 9,000 โยชน์ ประดับด้วยยอด 84,000 ยอด
มีสระใหญ่ถึง 7 สระด้วยกันดังต่อไปนี้ค่ะ
1.สระอโนดาต
2. สระกัณณมุณฑะ
3. สระรถการะ
4. สระฉัททันตะ
5.สระกุณาละ
6 สระมัณฑากิณี
7.สระสีหัปปาตะ
ในบรรดาสระใหญ่ทั้ง 7 นั้น "สระอโนดาต"จะแวดล้อมไปด้วยภูเขาทั้ง 5 ซึ่งจัดเป็นยอดเขาหิมพานต์ โดยยอดเขาทุกยอดนั้นจะมีส่วนสูงและสัณฐาน 200 โยชน์ กว้างและยาวได้ 50 โยชน์ ในป่าหิมพานต์นี้เต็มไปด้วยสัตว์นานาชนิด รู้จักในนามของ สัตว์หิมพานต์ ซึ่งล้วนแปลกประหลาดต่างจากสัตว์ที่มนุษย์ทั่วไปได้เคยรู้จัก เนื่องจากเป็นสัตว์หลายอย่างผสมกันแล้วมีการตั้งชื่อขึ้นใหม่ สัตว์เหล่านี้ล้วนเกิดจากจินตนาการของจิตรกรไทยโบราณ ที่ได้สรรค์สร้างภาพจากเอกสารเก่าต่างๆ
สัตว์หิมพานต์
คือสัตว์ในจินตนาการที่กวี หรือ จิตรกร พรรณนาถึง อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์หรือเขาไกรลาส ดังที่ปรากฏในวรรณคดีไตรภูมิพระร่วง และรามเกียรติ์
โดยมีลักษณะของสัตว์หลายชนิดมาประกอบกันอยู่ในตัวเดียว และจำแนกออกได้เป็น 3 ประเภทดังนี้ คือ..
สัตว์ทวิบาท (มีสองขา)
2. สัตว์จตุบาท (มีสี่ขา)
3. และจำพวกปลา
จำแนกตามชนิดสัตว์
นก:
- อสูรปักษา , อสุรวายุพักตร์ , นกการเวก , ครุฑ , กินรี , เทพปักษี ,
นกทัณฑิมา,
- หงส์ , หงส์จีน , คชปักษา , มยุระคนธรรพ์ , มยุระเวนไตย , สินธุปักษี , สีหสุบรรณ , สุบรรณเหรา
- มังกรสกุณี , นาคปักษี , นาคปักษิณ , นกหัสดี , นกอินทรี ,
นกสัมพาที , กินนร , สกุณเหรา
- นกเทศ , พยัคฆ์เวนไตย , นกสดายุ , เสือปีก , อรหัน,สิงห์
- บัณฑุราชสีห์, กาฬสีหะ , ไกรสรราชสีห์ , ติณสีหะ
- เกสรสิงหะ , เหมราช , คชสีห์ , ไกรสรจำแลง , ไกรสรคาวี , เทพนรสีห์ , ฑิชากรจตุบท ,โตสิงห์ผสม
- ไกรสรนาคา, ไกรสรปักษา, โลโต, พยัคฆ์ไกรสร, สางแปรง , สิงหคาวี , สิงหคักคา , สิงหพานร
- สกุณไกรสร , สิงห์ , สิงโตจีน , สีหรามังกร , โตเทพสิงฆนัต , ทักทอ , นรสิงห์
ม้า:
- ดุรงค์ไกรสร, ดุรงค์ปักษิณ ,เหมราอัสดร , ม้า , ม้าปีก , งายไส , สินธพกุญชร , สินธพนที
- โตเทพอัสดร, อัสดรเหรา , อัสดรวิหก
ปลา:
- เหมวาริน , กุญชรวารี , มัจฉนาคา , มัจฉวาฬ . นางเงือก ,
ปลาควาย , ปลาเสือ , ศฤงคมัสยา
ช้าง:
- เอราวัณ , กรินทร์ปักษา , วารีกุญชร , ช้างเผือก
กิเลน
- กิเลนจีน , กิเลนไทย , กิเลนปีก
กวาง:
- มารีศ , พานร,มฤค , อัปสร,สีหะ
จระเข้ : กุมภี,นิมิตร , เหรา
ลิง : กบิล,ปักษา, มัจฉาน
วัว-ควาย : มังกร,วิหค , ทรพา ทรพี
แรด : แรด , ระหมาด
สุนัข, ปู , นาค
มนุษย์ : คนธรรพ์ , มักกะลีผล
นารีผล หรือ มักกะลีผล
เป็นพรรณไม้ตามความเชื่อจากตำนานป่าหิมพานต์ เป็นพืชที่ออกลูกเป็นหญิงสาว เมื่อผลสุกแล้ว บรรดา ฤๅษี กินร วิทยาธร คนธรรพ์ จะนำไปเสพสังวาส
ในวรรณคดีระบุว่า มักกะลีผลเมื่อสุกแล้ว จะกลายเป็นหญิงสาวงามอายุราว 16 ปี แต่ที่ศีรษะจะยังมีขั้วติดอยู่ นิ้วมือทั้ง 5 ยาวเท่ากัน ผมยาวสีทอง ตากลมโต คอเป็นปล้อง ไม่มีโครงกระดูก แต่ส่งเสียงได้เหมือนมนุษย์จริง ๆ มักกะลีผลที่ยังอ่อนมีลักษณะเหมือนคนนั่งคู้เข่าอยู่ เมื่อโตขึ้นขาจะเหยียดออกก่อน เมื่อโตเต็มที่จึงเหยียดตัวเหมือนคนยืนตัวตรง บรรดาฤๅษี กินนร วิทยาธร คนธรรพ์ ที่ยังมีตัณหาอยู่ จะมาออที่โคนต้น เพื่อรอสุกก็จะแย่งชิงกันเด็ดไปเป็นภรรยา ต้องยื้อแย่งกัน ทำร้ายกันถึงตาย ผู้ที่เหาะได้ก็เหาะขึ้นไปเก็บ ผู้ที่เหาะไม่ได้ก็ใช้ไม้สอยหรือปีนขึ้นไปเก็บ เมื่อมาแล้วก็จะนำไปที่อยู่ของตน ทะนุถนอมระแวดระวังอย่างดีมิให้ใครแย่งเอาไป แต่มักกะลีผลมีชีวิตอยู่ได้เพียง 7 วัน ก็จะเน่าเปื่อยไป
ซึ่งในวรรณคดีไทยที่มีการกล่าวถึง มักกะลีผล ได้แก่ พระเวสสันดรชาดก, มหาชาติคำหลวง และไตรภูมิพระร่วง / อ่านเพิ่มเติม : ตำนานการถือกำเนิด นารีผล , ภาพจาก ตาโต
ที่มา สัตว์หิมพานต์ประดับพระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
ไตรภูมิ หรือ ไตรโลก(หมายถึงสามโลก)ซึ่งเป็นคติเกี่ยวกับโลกสัณฐาน ตามความเชื่อทางศาสนาฮินดูและพุทธศาสนาไตรภูมิ อันประกอบไปด้วย กามภูมิ รูปภูมิและอรูปภูมิ ที่ว่าสัตวโลกทั่งหลายจักต้องเวียนว่ายตายเกิดในไตรภูมินี้จนกว่าจะสำเร็จเป็นพระอรหันต์/ที่มา..ไตรภูมิ