ในโครงการ "ก้าวคนละก้าว" ที่ "ตูน บอดี้สแลม" ได้นำวิ่งเพื่อสมทบทุนเครื่องมือทางการแพทย์ แน่นอนการวิ่งครั้งนี้ ทั้งเหนื่อย ทั้งไกล แต่คนที่อยู่ข้างๆ "พี่ตูน" และสร้างรอยยิ้มได้ตลอดเวลานั้นคือ "ก้อย รัชวิน" ที่เป็นทั้งกำลังใจ ทั้งเพื่อนร่วมทางให้กับ "พี่ตูน" ได้เป็นอย่างดี รวมทั้งประชาชน รวมทั้งเด็กนักเรียน ออกมายืนรอต้อนรับ เเละมอบเงินบริจาคให้กับตูน โดยยอดบริจาคล่าสุดมากกว่า 125,500,000 บาทแล้ว
ล่าสุด ภายหลังจากที่ ไนกี้ ซึ่งประทับใจในเรื่องราวของตูนตั้งแต่โครงการแรกของ #คนละก้าว เมื่อปีที่แล้ว พอมาถึงโครงการที่ 2 นี้ ไนกี้จึงได้นำเสนอเรื่องราวของตูนกับโครงการใหม่นี้ผ่านทางเว็บไซต์ Nike.com อันเป็นเว็บแม่ของไนกี้ โดยเขียนเป็นภาษาอังกฤษ เพราะเห็นว่าโครงการของ ตูน นั้นยิ่งใหญ่ ไม่ใช่ยิ่งใหญ่แค่ในไทย แต่ถือว่ายิ่งใหญ่ในระดับโลก เพราะเป็นเรื่องราวของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งที่ยอมอุทิศตัวเองเพื่อสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ให้แก่มวลมนุษยชาติ ซึ่งไนกี้ได้เห็นความตั้งใจจริงของตูน ความมีน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของตูน จึงอาสาเข้าช่วย เพราะรู้ว่าตูนเองก็เป็นแฟนพันธุ์แท้ของไนกี้ โดยไนกี้ได้ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬาและประสบการณ์ด้านการทำรองเท้าวิ่งมาช่วยตูนให้สามารถบรรลุฝั่งฝันได้ในการวิ่งให้ได้ต่อเนื่องตลอด 55วัน ๆ ละ 50 กม. ทั้งนี้ พอไนกี้นำเสนอเรื่องราวของตูนผ่านเว็บไซต์ของไนกี้ ถ้าเป็นคนทั่วไป อ่านบทความนี้ก็คงปลื้มปริ่มกับตูนไม่น้อย
โดยไนกี้ ได้มองว่าโครงการ #ก้าวคนละก้าว ของตูนนั้นเป็นดั่ง "Epic" ยิ่งใหญ่ระดับ "มหากาพย์" หรือ "ตำนาน" แปลไทยเป็นไทยก็คือ "สุดยอด" ถ้าญี่ปุ่นก็ "สุโก้ย Sugoi"แต่สำหรับพวกแซะ พวกเสี้ยม กลับมองเห็นเป็นโอกาสในการนำมาเขียนโยงทำนองว่าที่ "ตูน" วิ่งในโครงการ #ก้าวคนละก้าว มีไนกี้อยู่เบื้องหลัง โดยเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ ซึ่งทั้งที่จริงแล้ว หากไนกี้จะเป็นสปอนเซอร์จริงจะเสียหายอย่างไร ผมก็ยังสงสัยอยู่ แถมผมยังคิดต่อว่าดีเสียด้วยซ้ำที่ไนกี้จะมาเป็นสปอนเซอร์ เพราะจะทำให้มีเม็ดเงินบริจาคเพิ่มมากขึ้น และต่อไปนี้เป็นบทแปลเนื้อหาจากเว็บไนกี้ที่เขียนถึงตูน แปลโดยเว็บของสยามสปอร์ตว่า
ความมุ่งมั่นของไนกี้ช่วยเพิ่มศักยภาพ ตูน ใน ‘ก้าวคนละก้าว'นอกจากร่างกายต้องพร้อมแล้ว เสื้อผ้า รองเท้าก็เช่นกัน ‘ความมุ่งมั่นของไนกี้ในการช่วยเพิ่มศักยภาพของผมในครั้งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมพยายามมากขึ้นไปอีก' ตูนกล่าวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ‘ตูน บอดี้แสลม' เริ่มต้นการวิ่งครั้งประวัติศาสตร์ กับระยะทาง 2,191 กิโลเมตร (1,361 ไมล์) เป็นเวลา 55 วัน จากอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ทางตอนใต้ของประเทศ ไปจนถึงอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายทางภาคเหนือ ไม่ได้มีอะไรรอเขาอยู่ที่เส้นชัย แต่เขาก็ไม่ได้วิ่งเพื่อตนเอง ตูน กำลังวิ่งเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยด้วยการระดมทุนครั้งใหญ่ มูลค่ากว่า 20 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 700 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาล 11 แห่งในประเทศไทย และถ้าคนไทยช่วยกันบริจาคเพียงคนละ 10 บาท (30 เซ็นต์สหรัฐ) เป้าหมายนี้ก็จะบรรลุได้ภายใน 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดการวิ่ง "นอกจากจะระดมทุนเพื่อพัฒนาโรงพยาบาลในประเทศไทยแล้ว อีกจุดประสงค์คือให้คนไทยหันมาออกกำลังกายและใส่ใจสุขภาพ" อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม กล่าว
สิ่งที่น่าสนใจไปกว่าเส้นทางการวิ่งและเป้าหมายการระดมทุนของเขาก็คือความจริงที่ว่าตูนไม่ใช่นักวิ่งมืออาชีพ เขาเป็นนักร้องนำของวงร็อกระดับแนวหน้าของประเทศ "บอดี้สแลม" และตูนเองก็เป็นร็อกเกอร์ชื่อดัง แต่เข เป็นผู้หลงใหลในการวิ่ง และสิ่งนี้เองที่ทำให้เขาตัดสินใจออกเดินทางครั้งสำคัญในครั้งนี้ เพื่อช่วยให้ตูนบรรลุเป้าหมายได้โดยการเพิ่มศักยภาพและลดการบาดเจ็บระหว่างวิ่ง ไนกี้ได้เชิญตูนไปเยี่ยมสำนักงานใหญ่ของไนกี้ ณ เมืองเบเวอร์ตัน รัฐโอรีกอน โดยเขาได้พบกับผู้เชี่ยวชาญและทีมงาน Breaking2 ของ Nike Sports Research Lab (NSRL) เพื่อมองหาวิธีที่จะช่วยให้เขาวิ่งได้ดีขึ้น นอกจากนี้ตูนยังได้พบกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องรองเท้าและเสื้อผ้า ทางทีมงานได้วิเคราะห์ร่างกายของตูนเพื่อทำความเข้าใจความเร็วในการวิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณน้ำและแคลอรีที่ต้องการ การพักฟื้น รวมถึงรองเท้าและเสื้อผ้าที่จะมาช่วยเขาตลอดการเดินทางครั้งนี้
ทีมงานได้วิเคราะห์ร่างกายของตูนเพื่อทำความเข้าใจความเร็วในการวิ่ง อัตราการเต้นของหัวใจ ปริมาณน้ำและแคลอรีที่ต้องการ การพักฟื้น
สิ่งที่ทีมงานได้ค้นพบก็คือ
• ผู้เชี่ยวชาญด้านรองเท้าของ Nike แนะนำให้ตูนสลับใช้รองเท้าทั้งหมด 5 คู่ ไม่ว่าจะเป็น Nike Zoom Fly หรือ Nike Zoom Vaporfly 4% ตลอดการวิ่ง 55 วันนี้ เพื่อให้สามารถรองรับสภาพของเท้าตลอดการวิ่งในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
• หลังจากจำลองสภาพอากาศของประเทศไทยที่ NSRL แล้ว (ตูนต้องทดลองวิ่งด้วยอัตราที่กำหนดและใส่เสื้อผ้าที่คาดว่าจะใช้ในการวิ่งจริง) นักวิทยาศาสตร์ได้สร้างแผนเพื่อกำหนดว่าควรจะดื่มน้ำเมื่อไหร่ ปริมาณเท่าไหร่ เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
• การที่จะวิ่งได้วันละ 50 กิโลเมตร ต่อเนื่องเป็นเวลา 55 วันนั้นต้องใช้พลังงานสูงมากและร่างกายต้องทำงานหนัก นักวิทยาศาสตร์จึงได้แนะนำว่าควรรับประทานอาหารประเภทใดระหว่างการวิ่งต่อเนื่องครั้งนี้ (แนะนำว่าให้รับประทานข้าวอบกรอบรสน้ำผึ้งและแยมโรลชิ้นเล็ก เป็นต้น)
• นอกจากนี้ ตูนยังได้รับชุดเซ็นเซอร์เพื่อใส่ระหว่างการวิ่ง เพื่อที่จะได้วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายของเขาในทุกๆ ก้าว ทุกการตอบสนอง และจะนำมาวิเคราะห์กับตูนทุกๆ 2-3 สัปดาห์
"ความมุ่งมั่นของไนกี้ในการช่วยเพิ่มศักยภาพของผมในครั้งนี้เป็นแรงบันดาลใจให้ผมพยายามมากขึ้นไปอีก" ตูนกล่าว
ก่อนที่ตูนจะเดินทางกลับประเทศไทย ทีมงานได้เซอร์ไพรส์เขาด้วยรองเท้า Nike Air Max 1 (ตูนกล่าวว่าเขาชอบรองเท้ารุ่นนี้มาก) พร้อมลายเซ็นของทิงเกอร์ แฮ็ทฟิลด์ (Tinker Hatfield) ดีไซเนอร์ในตำนานของไนกี้ ผู้อยู่เบื้องหลังการออกแบบรองเท้าไนกี้ชื่อดังหลายๆรุ่น
เพื่อเฉลิมฉลองเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ของตูน Nike ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมวิ่ง 10 กิโลเมตรสุดท้ายไปกับเขาในวันที่ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเดินทางครั้งประวัติศาสตร์ณ จังหวัดเชียงราย และถ้าคุณอยู่ในกรุงเทพฯ วันที่ 25 ธันวาคม สามารถร่วมเฉลิมฉลองความสำเร็จของตูนไปพร้อมกับทีม Nike ได้ในกิจกรรม Nike Run Club ในเวลาเดียวกับที่ตูนปิดท้ายการวิ่งที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย