ดิ อินดีเพนเดนต์รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์พยายามหาทางพิสูจน์ซากเรือที่ถูกคลื่นซัดมาเกยหาดใกล้เมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ว่าใช่เรือสำราญ เอ็มวี ลยูบอฟ ออร์โลวาของรัสเซียที่หายไปจากชายฝั่งนิวฟาวด์แลนด์ของแคนาดาเมื่อปี 2556 หรือไม่ และถ้าใช่ เรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาถึงมหาสมุทรแปซิฟิก ถึงฝั่งตะวันตกของสหรัฐได้อย่างไร
ประเด็นดังกล่าวนำเสนอเป็นสารคดีทางช่องวิทยาศาสตร์ ไซเอนซ์ แชนแนล หลังมีการพบซากเรือมาเกยหาดดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว ขนาดยาว 295 ฟุต หรือราว 90 เมตร ใกล้เคียงกับเรือสำราญของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์มีข้อโต้แย้งว่า ไม่น่าใช่เรือของรัสเซียเพราะวัสดุก่อสร้างแตกต่างออกไป จากเรือรัสเซียที่ใช้โลหะ แต่เรือลำนี้เป็นคอนกรีต จึงน่าจะเป็นเรือทดลองหนึ่งใน 12 ลำที่ก่อสร้างให้เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายพลาธิการของกองทัพเรือสหรัฐ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 มากกว่า
ถ้าหากการพิสูจน์ออกมาแน่ชัด เป็นไปได้ว่าการที่เรือมีวัสดุเป็นคอนกรีตด้วยนั้น เนื่องจากในยุคสงครามขาดแคลนเหล็กกล้า ซึ่งตามประวัติแล้ว เรือของสหรัฐใช้งานอยู่ในกองทัพอยู่ 2 ปี จากนั้นจึงขายให้กลุ่มอิทธิพลไปใช้เป็นบ่อนกาสิโนและบาร์เหล้าที่ต้องการหนีกฎหมายข้อห้าม เรือมีชื่อว่า เอสเอส มอนติ คาร์โล ในยุคทศวรรษ 1930
ในปีค.ศ.1937 เกิดพายุซัดเรือคว่ำ และจมลงนอกชายฝั่งโคโรนาโด ซิตี้ ซึ่งเจ้าของเรือไม่ได้กู้ขึ้นมา เพราะขนาดเรือใหญ่เกินไป กระทั่งคลื่นซัดให้เรือเข้าฝั่งมาอีกครั้งจนเห็นปรากฏในปี 2016 จนมีการสอบสวนขึ้น
ประเด็นที่สารคดีนำเสนอต่อก็คือ หากเรือลำนี้ไม่ใช่เรือออร์โลวาของรัสเซีย แล้วเรือออร์โลวาขนาด 4,000 ตันหายไปที่ใด หลังจากเคยใช้บรรทุกผู้โดยสาร 110 คนมานานกว่า 20 ปีจนต้องไปจอดนิ่งอยู่ที่นิวฟาวด์แลนด์ของแคนาดา เพราะเจ้าของเรือติดหนี้ท่วมจนต้องถูกยึดเรือไว้ กระทั่งต่อมารัฐบาลแคนาดาจ้างให้เรือพ่วงช่วยลากเรือรัสเซียลำนี้ไปสาธารณรัฐโดมินิกัน แต่ยังไปได้ไม่ไกลเท่าไร เรือลากแตกระหว่างทาง ทำให้เรือรัสเซียหายไป
จากนั้นเรือออร์โลวาก็หายไป แต่ถ้าเรือไปเกยหาดที่ใด เท่ากับนำเอาหนูที่ต้องกินกันเอง หรือ cannibal rats เพราะบนเรือไม่มีอาหารเหลืออยู่เลย ไปด้วยเป็นโขยง