บนความสำเร็จของ เสี่ยปัญญา มาลีนนท์ กลืนเลือด!

หุ้น WORK - หุ้นช่อง 3 หนังคนละม้วน ติดตามเพจ Richman can do

หุ้น บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ WORK ของ เสี่ยปัญญา นิรันดร์กุล กลายเป็นหุ้น อภินิหารขนแกะทองคำไปแล้ว 

เมื่อ เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาส 3 ปีนี้ ว่ามีกำไร 379.97 ล้านบาท หรือ 0.903 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 252% จากงวดเดียวกันที่มีกำไร 108.01 ล้านบาท หรือ 0.259 บาท/หุ้น ถ้าเป็นงวด 9 เดือนปี 2560 มีกำไร 926.14 ล้านบาท หรือ 2.206 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปี 59 ที่มีกำไร 270.63 ล้านบาท หรือ 0.649 บาท/หุ้น

สุรการ ศิริโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน WORK เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/60 มีรายได้จากรายการโทรทัศน์ เพิ่มขึ้น 315.26 ล้านบาท จากช่อง WORKPOINT ขณะที่รายได้จากช่อง WORKPOINT เพิ่มขึ้น 298.56 ล้านบาท ขณะที่สื่อออนไลน์มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 9.83 ล้านบาท มาดูหุ้นในกระดาน ขณะนี้21/11/60 อยู่ระดับ 98 บาท ถ้าคิดเป็นผลตอบแทนจากต้นปี ก็มากกว่า 130% และหุ้นก็เคยทะลุ 100 บาทไปแล้วเมื่อวันที่ 16/11/60 แต่ปรับตัวย่อลงมา

WORK เข้าตลาดหุ้น ณ วันที่ 29 กันยายน 2547 วันที่เข้าตลาดฯ คนทั่วไปอาจคิดว่า เข้ามาเพื่อเป็นคู่แข่งกับช่อง 7 แต่ในความจริงแล้ว WORK คือคู่แข่งของช่อง 3  เพราะ รายการที่ทำทั้งเกมส์โชว์ และ ละคร ต่างจับลูกค้ากลุ่มเดียวกันคือ บนลงล่าง ส่วนช่อง 7 คือ ระดับล่างเป็นหลัก  ณ วันนี้เรตติ้งของช่อง WORK ในช่วง primetime เขตกรุงเทพ ขึ้นอันดับ 1 แซงช่อง 3 ไปแล้ว

ถ้าย้อนดูราคาหุ้นเปรียบเทียบกัน เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2547 เป็นวันที่หุ้น WORK เข้าซื้อขายในตลาดฯ ที่ IPOหุ้นละ 17 บาท วันนั้นหุ้นช่อง 3 อยู่ที่ 70 กว่าบาท ผ่านมา 13 ปี ใครจะนึกถึง วันที่ 21/11/60 หุ้น WORK อยู่ที่ 98 บาท หุ้น BEC อยู่ที่ 16.40 บาท กลายเป็นหนังคนละม้วน เท่ากับว่า ใครถือหุ้น WORK มาตั้งแต่ต้นกำไรไปแล้วหุ้นละ 82 บาm

ด้านผลดำเนินงานของช่อง 3ไตรมาส 3/60 มีกำไรสุทธิที่ 34.8 ล้านบาท ลดลง 86.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 251.1 ล้านบาท

มีรายได้รวมของกลุ่ม อยู่ที่ 2,751.8 ล้านบาท ลดลง 15% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ 3,239.2 ล้านบาท และลดลง 16.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 3,293.3 ล้านบาท มี EBITDA margin อยู่ที่ 34.9% อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1.3%

ทั้งนี้รายได้จากการขายเวลาโฆษณาของกลุ่มบริษัท อยู่ที่ 2,540.6 ล้านบาท ลดลง 14% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามจำนวนนาทีโฆษณาของช่อง 3 ที่ขายน้อยลงจากความซบเซาของตลาด ส่วนรายได้จาการให้ใช้ลิขสิทธิและบริการอื่น อยู่ที่ 161.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อน รายได้จากการจัดคอนเสิร์ตและการแสดง มีรายได้และกำไรเพียงเล็กน้อย

ผลกำไรของช่อง 3 ที่ลดลง 86.1% จากช่วงเดียวกันปี เป็นตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อ ขณะที่ WORK ก็กำไรเพิ่มขึ้น 252% จากงวดเดียวกันที่มีกำไร 108.01 ล้านบาท โดยกำไรส่วนใหญ่ยังมาจากธุรกิจทีวี แต่ก็มีสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 9.83 ล้านบาท ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่ต้นทุน เพราะนำคอนเทนท์มาจากสื่อทีวี ทั้งปัจจุบันกำลังทดสอบโฆษณาใน ไลน์ ทีวี

ดัานช่อง 3 เรตติ้งที่ลดลงมาจากภาพที่มีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องและการเสียพิธีกรชื่อดังไป กลุ่ม มาลีนนท์ ที่้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ปรับโครงสร้างภายใน ดัน ประชุม มาลีนนท์ ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตามกระแสข่าววงในระบุว่า เพราะประชุม เปิดกว้างให้คนนอกเข้ามาบริหาร โดยเฉพาะ กลุ่มผู้บริหารจากค่ายชินวัตร ที่นำโดย สมประสงค์ บุณยะชัย อดีตซีอีโฮ เอไอเอส และดึงระดับหัวของเอไอเอสอีกหลายคนเข้ามาร่วมทีม จนกลายเป็นกระแสไปแล้วว่า ชินวัตร เทคโอเวอร์ช่อง 3

เนื่องจากแนงานของช่อง 3 ต่อไป คือ เพิ่มรายได้จากสื่อออนไลน์ ที่กลายเป็นเค้กก้อนใหญ่ของวงการมีเดียและบันเทิง ทุกค่ายต่างรู้ดีว่า เม็ดเงินโฆษณาไม่ได้อยู่ที่ทีวี และ กระดาษ แล้ว แต่จะมาตามโลกออนไลน์ ในรูปแบบ นิวมีเดีย

ดังนั้น สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งรีบนับศพทหาร เพราะวันนี้ยังไม่ใช่การพ่ายแพ้ อย่างสิ้นเชิงของ ช่อง3 แต่การได้อดีตบิ๊กค่ายเอไอเอส มาเสริมทัพ นั่นมองได้ว่า อนาคต ค่ายมือถือนี้และช่อง 3 คงผนึกกันในเรื่องธุรกิจมากขึ้น ในเมื่ออีกฝ่ายมีคอนเทนท์ ในมือ และอีกฝ่ายมี มือถือและเทคโนโลยี่เพียบ รับพฤติกรรมของคน ที่หันมาเสพติดมือถือกันมากขึ้น ใช้ประโยชน์ทุกอย่างจาก สมาร์ทโฟน รวมทั้งการดูทีวี

วันนี้ "มาลีนนท์" อาจอยู่ในอาการกลืนเลือด ขณะที่ เสี่ยปัญญา นิรันดร์กุล กำลังไต่ขึ้นสวรรค์แทนที่เรื่อย ๆ ก็ไม่ได้หมายความว่า ช่อง 3 จะขึ้นมาทวงแชมป์คืนไม่ได้ เพราะการขึ้นแชมป์มันง่าย แต่การรักษาาแชมป์ มันยากกว่า Richman can do ขอให้ผู้บริโภคได้รับประโยชน์สูงสุด อย่าแสวงหากำไรกัน จนลืมนึกถึง คุณภาพชีวิตคนดูก็แล้วกัน .....