ชาวเน็ตฉุน เวิร์คพอยท์ชอบหลอกลวงคนดู
ขณะเดียวกันโลกโซเชียลฯ นอกจากพูดถึงกระแสดรามารายการดังแล้ว ยังได้พูดถึงการทำ "การตลาด" ของเวิร์คพอยท์ ที่ดูไม่จริงใจกับผู้ชมรายการสักเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาหลายต่อหลายครั้งที่ "เวิร์คพอยท์" เรียกเรตติ้งให้กับรายการตัวเองโดยการนำเสนอที่ไม่ชัดเจน จนทำให้ผู้ชมเกิดความสับสน และสร้างดรามาให้ถูกพูดถึงจนกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์
ดังเช่น ที่ผ่านมาหากยังจำกันได้ รายการ "The Mask Singer หน้ากากนักร้อง" ที่แข่งขันในรอบแชมป์ชนแชมป์แบบถ่ายทอดสด จนถึงนาทีสำคัญในช่วงท้ายรายการพิธีกรกลับไม่ยอมให้แชมป์ซึ่งขณะนั้น คือ หน้ากากทุเรียน ถอดหน้ากาก แต่กลับให้พิธีกรประกาศกลางรายการว่า จะไปเปิดหน้ากากในสัปดาห์หน้า เพราะทางรายการมีกฎว่าเปิดหน้ากากได้แค่อาทิตย์ละหนึ่งคนเท่านั้น
งานนี้ทำเอาคนดูทั้งประเทศ งงเด้! งงเด้! จนควันออกหูพ่นดรามาลูกโตเต็มโลกโซเชียลฯ ว่าทำไมทางรายการ ถึงไม่ยอมเฉลยว่าใครคือหน้ากากทุเรียนในสัปดาห์นี้ให้จบไปเลย ทำให้ผู้ชมผุดแฮชแท็กโจมตีกลับ#RipTheMaskSinger ขึ้นมาทันทีในทวิตเตอร์ และในเฟซบุ๊กผู้ชมต่างกดอีโมชั่น "โกรธ" กับแบบรัวๆ
รวมถึงอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่กลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่จากรายการ "Thailand Got talent" ซีซัน 2 มีผู้เข้าแข่งขันผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ "ปอนด์" มาแสดงในรายการนี้โดย "แก้ผ้า" แล้วเอาสีทาทั่วตัวแล้วละเลงบนผืนผ้าใบ เธอโดยอ้างว่านั่นเป็นการแสดงศิลปะแขนงหนึ่ง จนคนก่นด่าเธอคนนี้กันทั่วบ้านทั่วเมือง
ก่อนที่ความจะแตกในภายหลังว่า เธอถูก "ว่าจ้าง" ให้มาแก้ผ้าระบายสีในรายการ เพื่อให้เกิดกระแสดราม่าส่วนภาพที่เธอวาดมันเป็นภาพอะไร เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะเธอไม่ใช่ศิลปิน แต่ทำงานเป็นสาวบาร์ เมื่อประชาชนรู้ความจริงก็มีการเรียกหาคำชี้แจงและความรับผิดชอบจากรายการ และทางรายการยังคงทำหูทวนลมจัดรายการต่อไป ถึงแม้ความนิยมจะร่วงก็ตาม
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น แม้ดรามาที่เกิดขึ้นจะเป็นกระแสในด้านลบ แต่เมื่อเทียบกับเรตติ้งของรายการที่ทำให้ผู้คนสนใจ เวิร์กพ้อยท์กลับยิ้มแฉ่งต่อฟีตแบกที่ได้รับกลับมาจากผู้ชมอย่างล้นหลาม
นอกจากนี้ชาวเน็ตบางส่วนยังได้ตั้งกระทู้เพื่อสอบถามความเห็นจากผู้ชมถึงการที่เวิร์คพอยท์ ชอบนำเรื่องดรามาของผู้เข้าแข่งขันประกวดร้องเพลงมานำเสนอ เค้นถามเรื่องราวชีวิตเรียกน้ำตาในรายการ
"ดูรายการประกวดร้องเพลงรายการหนึ่ง พิธีกรได้ถามผู้เข้าแข่งขันถึงชีวิตครอบครัวว่า ครอบครัวจนมาก ถึงขนาดที่พ่อของผู้เข้าแข่งขันเคยคิดฆ่าตัวตาย แถมพิธีกรยังได้ถามฝั่งพ่อว่าคิดยังไงถึงจะฆ่าตัวตาย พ่อก็เล่าไปร้องไห้ไป
ยังไม่จบครับพิธีกรยังได้ถามแม่ของผู้เข้าแข่งขันว่าสามีทำแบบนี้ยังรักสามีอยู่อีกไหม ยังดีที่คุณแม่ยังใจแข็งอยู่ เป็นผมนี่โกรธไปแล้วมาถามว่าเรารักคู่ชีวิตของเราไหม โคตรจะไม่มีมารยาทเลย ดังนั้นผมอยากรู้ว่ารายการทำแบบนี้ต้องการอะไร จะว่าช่วยก็ไม่ช่วยอะไรเลยนะ หรือต้องการเรียกเรตติ้งให้กับรายการครับ"
ทั้งนี้ได้มีผู้อ่านเข้ามาแสดงความเห็นต่อเรื่องดังกล่าวมากมายทั้ง พบได้หลายรายการเลย เดี๋ยวนี้เวลาดูประกวดร้องเพลง เหมือนกำลังดูหนังชีวิต เน้นขายดรามา เพื่อเรียกเรตติ้ง เรียกคะแนนสงสาร เพื่อปูฐานไปสู่อะไรก็ไม่รู้ ในเมื่อสุดท้ายก็วัดกันที่เสียงร้องอย่างเดียว นี่แหละถึงทำให้ไม่อยากดู
บ้างก็บอกว่า ไม่ชอบ มุกซ้ำๆ ชอบเอาน้ำตา ความดรามามาเรียกคะแนนสงสาร แทนที่จะแข่งกันจากความสามารถจริงๆ เห็นรายการประเทศไทยหลายรายการมักจะใช้มุกนี้บ่อยๆ มุกซ้ำๆ เดิมๆ เห็นจนเอียน