วันนี้ มีบทความสอนใจ "เรื่องบุญ บาป เวรกรรม การไม่มีศีลมีธรรม ผิดศีลข้อกาเมฯ" มาฝาก สำหรับใครที่คิดอยากแย่งผัว แย่งเมียเขา เพื่อหวังความสบาย หรืออาจเป็นเพราะความรัก ลองอ่านเรื่องเล่านี้กันดูนะคะ รับรองว่า มันจะทำให้คุณเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติการใช้ชีวิตใหม่อย่างแน่นอน
เรื่องที่จะเล่านี้ เพิ่งเกิดขึ้นกับเรา...เป็นเรื่องที่เรา คิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นกับเรา ก่อนอื่นเราจะบอกว่า เราแต่งงานกับสามีเราคนนี้ เมื่อ ต้นปี 2552 แต่คบกันมา ประมาณ 10 ปีแล้ว และตอนนี้ เราท้องได้ 8 เดือนแล้ว แต่เรื่องมาเกิดตอน ที่เราท้องได้ 5 เดือน ประมาณ 19.00 น. สามีเราโทรมาหาด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเครียด ๆ
สามี : หนู พี่มีเรื่องจะบอกหนู
เรา : มีอะไรก็บอกมาเลย ง่วงนอนเมื่อคืนนอนดึกไปหน่อย
สามี : พี่มี ผู้หญิงอีกคนก่อนที่จะแต่งงานกับหนู
เรา : อึ้งมาก พูดอะไรไม่ออก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว จากนั่นเราก็วางสายไป คิดอะไรไม่ออก ประมาณไม่ถึง นาที เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก เป็น สามีเราโทรมา เราก็รีบรับสาย
สามี : หนู ที่ออกค่าเช่าห้อง ค่าหอให้เค้าด้วย พ่อพี่ก็รู้เรื่องนี้ ตั้งนานแล้ว
เรา : แล้วยังไง (น้ำตาคลอ น้ำเสียงสั่น)
สามี : พี่จะมาขอเลิกกับเค้า เค้าบอกว่าให้โทรบอกหนู ว่าจะเลิกกับเค้า
เรา : พี่ไม่จำเป็นต้องเลิกกับเค้าหรอก เลิกกับหนูก็ได้เพราะว่า ที่พี่ทำ พี่ก็ไม่รักหนูแล้ว พี่ไม่จำเป็น ต้องเลิกกับเค้า แล้วเราก็วางสายไป นอนร้องไห้ทั้งคืน คงจะสงสัยกันว่า สามี ภรรยาไม่ได้อยู่ด้วยกันเหรอ เราและสามี ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ตั้งแต่คบกันแล้ว แต่งมาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ทำให้เป็นสาเหตุให้มีผู้หญิงอื่น เข้ามาแทรก เราก็เลยลอง ๆ มานึกดูว่าคงจะเป็นกรรมที่เราทำเอาไว้ เมื่อตอนที่เราเป็นวัยรุ่น
เรื่องของเราตอนวัยรุ่นมีอยู่ว่า เมื่อต้นปี 2540 เราอายุประมาณ 20 เรียนจบ และได้ทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง และได้รู้จัก กับผู้ชายคนหนึ่งและก็คบกับเค้ามา โดยที่รู้ว่า เค้ามีแฟนอยู่แล้ว แต่ด้วยความเป็นวัยรุ่น ฉันจะเอา ใครจะทำไหม อีกอย่างหนึ่ง พ่อแม่ ของผู้ชายก็ชอบเรา ยิ่งทำให้เราได้ใจว่ายังไงยังไง ฉันก็ต้องได้ เนี่ยละ ทำให้เราย้อนกับมาดูตัวเองตอนนี้เลยว่า "ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เราแย่งแฟนเค้ามาเค้ารู้สึกอย่างไร"
แต่เรื่องนี้ก็จบลงที่ "เราเป็นฝ่ายเดินออกมาเอง เพราะคิดว่ามันคงยังไม่ใช่คนที่เราจะลงหลักปรับฐาน ด้วยจริงๆ" จนปี 2543 ปลาย ๆ เราได้ไปทำงานอยู่จังหวัดราชบุรี และเราก็ยังไม่เลิกนิสัยแย่งสามี หรือแฟนคนอื่นอีก เราก็คบกับ สามีคนอื่น ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเค้ามีลูกมีเมียอยู่แล้ว แต่เราไม่เคยที่จะไป พูด อะไรกับภรรยาเค้าให้เสียใจนะว่าฉันเป็นแฟนของสามีคุณ(เราไม่เคยมีอะไรกับผู้ชาย 2 คนนี้เลย) แต่ด้วยความอยากได้ ใคร่มี ทำให้เราคบกับผู้ชายคนนี้ มาจน เจอกับสามีคนปัจจุบันเรื่องมันจบลง ตรงที่เราย้ายมาทำงาน กทม. เราเบื่อที่จะเป็นที่ สอง เราอยากเป็นหนึ่งของคนที่รักเรา และรักเรา เราคบกับสามี ตั้งแต่ ปลายปี 2543 ตั้งแต่เค้าเรียนรามฯ ยังไม่จบ จนจบและบวชแทนคุณพ่อแม่ ปลายปี 2548 และ เรียนเนติจบปี 2549 และได้ทำงาน รับราชการตำรวจในปลายปี 2550 แต่เราก็แต่งงานกัน ต้นปี 2552 เราอยู่กับสามีเรามาตั้งแต่ เจอกันใหม่(เค้าเป็นคนแรกของเรา ตัวเค้า เองก็รู้ตอนมีอะไรกัน)
ตั้งแต่คบกันมาเค้าไม่เคยมีนิสัยเจ้าชู้ให้เราต้องระแวงเลย เพราะเค้าเป็นคนที่ ไม่ค่อยมองใคร แต่เรื่องที่มันเกิดจาก ผู้หญิงคนนี้มาติดต่องานกับสามีเรา สามีเราต้องทำคดี ให้เค้าก็เลยเกิดความสัมพันธ์กันแบบชู้สาว ประมาณ ปีกว่า ๆ สามีเรา เล่าเรื่องทั้งหมดให้เราฟัง บอกว่าผู้หญิงคนนี้ เค้าชวนไปกินข้าว ชวนไปไหนต่อไหนด้วย ก็เลยเกิดความเผลอ...เผลอใจด้วยกัน ทั้งคู่เราเสียใจมาก ๆ แต่ก็ไม่เคยที่จะต่อว่าสามี ไม่โกรธ เพราะเราเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเราก็เคยแย่งแฟน และสามีคนอื่นเค้ามาเหมือนกัน สามีเราขอโอกาสแก้ตัวใหม่ขอโทษเรา ว่าต่อไปจะไม่ทำอีก แต่ในใจลึกๆ ของเรา เราไม่เชื่อใจ สามีตัวเองอีกแล้วมันมีครั้งแรก ก็ต้องมีครั้งที่สอง
ต่อไปอีก แต่เราไม่เคยโทษใครโทษตัวเราเองมากกว่า ว่าไปทำกับคนอื่นเค้าไว้ เค้าก็เลยมาทำกับเราบ้าง ทุกวันนี้เรื่องมันผ่านไป 3เดือนกว่าๆ แต่เราก็ยังไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ทุกวันนี้อยู่เพื่อลูก มีลมหายใจ มีชีวิตอยู่เพื่อลูกคนเดียว ส่วนสามีจะยังไง เราก็คงจะไปบังคับอะไรเค้าไม่ได้ แต่เค้าก็ มาหาเรา มีเพียงบางวันที่เค้าเข้าเวร เที่ยงคืน ออก หกโมงเช้า เค้าจะอยู่บ้านพ่อที่ กทม เพราะว่า บ้านเราอยู่ไกลจากที่ทำงาน อยู่คนละจังหวัดกันเลย แต่เราคงจะห้ามให้เค้า มีใหม่ไม่ได้แต่ถ้าจิตสำนึกเค้าคิดได้ เค้าคงจะไม่ทำอีก
ขนาดพ่อเค้ารู้พ่อเค้ายังไม่ห้ามเค้าเลย แถมยังตามใจอีก "เอ็งมี ก็จัดการจัดสรรเวลาให้ดีละกัน" พ่อสามีเค้าไม่ค่อยชอบเราเท่าไรเค้าก็เลยส่งเสริมสามีเรามั่ง (เราคิดแบบนี้อ่ะ) คนเป็นพ่อเป็นแม่เมื่อลูกตัวเอง ทำผิด ก็ควรตักเตือนบาง ไม่ใช่ "ตามใจเอ็ง" นี้ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่เราไม่ไปอยู่กับสามีเราที่กรุงเทพ เพราะไปอยู่กับครอบครัวใหญ่ ๆ เราอึดอัดยิ่งเค้าไม่ชอบเราแล้วด้วยเราอยู่บ้านเราดูแลพ่อแม่เราดีกว่า ยังสบายใจเสียกว่า
อยากจะฝากบอก สาวๆ ที่คิดจะแย่ง แฟน หรือสามีคนอื่น หรือ ที่อยากจะไปเป็นเมียน้อย ขอเถอะ "กรรม มันตามทันในชาตินี้ละไม่ต้องรอชาติหน้าเลย" เจ็บนะ กับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องทำใจ อยู่ต่อไป เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเราไม่เคยเล่าให้ใครฟังเลย มันเจ็บ ร้องไห้ทุกวัน ระแวง กังวล กลัว ไปหมด แต่ก็พยายามไม่คิดมากเดี่ยวตัวเล็กออกมาจะเครียดตามเปล่า ๆ ลืมเหตุการณ์อีกอย่างหนึ่ง ผู้หญิงคนนี้ โทรมาหาเรา บอกว่า..
ผู้หญิงอีกคน : พี่...ใช่ไหมค่ะ หนู เป็นเมียของพี่....ค่ะ
เรา : อืม แล้วยังไงเหรอ
ผู้หญิงอีกคน : หนูขอสามี พี่ได้ไหม เพราะว่าถ้าเค้ารักพี่เค้าคงจะไม่นอกใจพี่มาคบกับหนู
เรา : พี่ไม่ใช่คนตัดสินใจ พี่...เป็นคนตัดสินใจนะ ถ้าเค้าจะไป พี่ก็ห้ามเค้าไม่ได้ (แต่ในใจร้องไห้แล้ว)
ผู้หญิงอีกคน : หนูขอสามีพี่ละกัน ยังไงหนูก็จะทำให้สามีพี่เลิกกับพี่ให้ได้
เรา : อืม ก็ตามใจ อยากได้ก็เอาไปนะ เราก็เล่าให้สามีเราฟัง สามีเราโมโหมากที่ผู้หญิงคนนี้โทรมาราวีเรา แต่เรารู้สึก ด้านแล้ว ละ เพราะว่า เราเข้าใจ ผู้หญิงคนนี้ไงเพราะเป็นเคยเป็นมาก่อน ไม่โกรธนะ ไม่แค้นด้วย ถ้าแค้น เราด่า ไปแล้ว แต่นี้เรานิ่ง ทุกวันนี้ ผู้หญิงคนนั้นทั้งส่งข้อความและก็โทรศัพท์ มาหา อย่างล่าสุดเลย โทรมา บอกว่า
ผู้หญิงอีกคน : พี่....ตอนนี้ พี่....อยู่กับหนูนะ
เรา : นิ่ง และ ก็ เงียบ(แต่ในใจมันกังวลบอกไม่ถูกว่าจะเชื่อใครดี)
ผู้หญิงอีกคน : พี่เป็นอะไรไปหรือค่ะ เงียบเลยเสียใจเหรอ หนูขอละกัน ยังไง พี่ก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันนี่น่า จะมา ห่วงก้างทำไมค่ะ
เรา : พูดจบแล้วใช่ไหม แค่นี้นะ (นิ่ง เสียใจและ ร้องไห้ เพราะม่รู้ว่าจะเชื่อใคร) แต่วันนี้ สามีเราทำงานไง เราโทรไป เช็คที่ที่ทำงานเค้าแล้ว แล้วเค้าก็อยู่ที่นั่นด้วย เค้าไม่ได้โกหกเรา อยากจะบอกภรรยาหลาย ๆ คน ที่เจอเหตุการณ์แบบเรา ให้ "นิ่ง" อยากเดียว ถ้าไป ด่าอย่าไป ทุบตี สามี จะยิ่งทำให้สามีห่างจากเรามากขึ้น ยังไงเรื่องมันก็คงยังไม่จบหรอก แต่ไม่เป็นไร เรามีสิ่งที่สำคัญ กว่านั้นรออยู่