เว็บไซต์เดอะการ์เดี้ยน รายงานว่า เหล่าชาวเน็ตและคนดังมากมายจากทั่วโลก ต่างออกมาให้การสนับสนุนและส่งกำลังใจถึง คีตัน โจนส์ (Keaton Jones) เด็กชายวัยมัธยมต้นชาวอเมริกัน จากเมืองน็อกซ์วิลล์ รัฐเทนเนสซี หลังจากที่คลิปวิดีโอบอกเล่าประสบการณ์การถูกกลั่นแกล้งของเขา กลายเป็นกระแสไวรัลที่ถูกแชร์ไปอย่างกว้างขวางบนสังคมออนไลน์ มันสะท้อนให้เห็นว่าการกลั่นแกล้งในโรงเรียนคือเรื่องใหญ่ มันเป็นสิ่งที่เลวร้าย และถึงเวลาที่ปัญหาเหล่านี้ควรได้รับการแก้ไข
ย้อนกลับไปในวันที่ 8 ธันวาคม 2560 คิมเบอร์ลี่ โจนส์ แม่ของคีตัน เดินทางไปรับเขาที่โรงเรียนเร็วกว่าปกติ เนื่องจากลูกชายของเธอถูกกลั่นแกล้งจนผวา และหวาดกลัวจนไม่กล้าไปรับประทานอาหารกลางวัน เมื่อคีตันขึ้นมานั่งบนรถ เขาก็ร้องไห้ ถามแม่ด้วยความเสียใจว่าทำไมเขาต้องพบเจออะไรแบบนี้
เด็กชายผู้น่าสงสารเล่าทั้งน้ำตาว่า เขาโดนเด็ก ๆ ที่โรงเรียนกลั่นแกล้งอย่างเลวร้ายต่าง ๆ นานา ล้อเลียนจมูกของเขา บอกว่าเขาหน้าตาน่าเกลียด ไม่มีใครอยากคบเขา ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เด็ก ๆ เหล่านั้นยังเอานมมาราดตัวคีตัน และฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเขาอีกด้วย
"ผมแค่อยากรู้ฮะแม่ ทำไมพวกนั้นต้องแกล้งผมด้วย แกล้งผมไปแล้วได้อะไรขึ้นมา ทำไมพวกเขาถึงสนุกสนานกับการหาวิธีต่าง ๆ มากลั่นแกล้งคนที่ไม่มีทางสู้ ทำไมพวกเขาต้องทำแบบนั้นด้วย มันไม่โอเคเลย" คีตันกล่าวพลางร้องไห้
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกแย่และเจ็บปวด แต่เขาก็ยังส่งความห่วงใยถึงเด็กคนอื่น ๆ ที่โดนแบบเขาอีกด้วย
"คนที่มีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ ไม่สมควรถูกวิจารณ์เลย มันไม่ใช่ความผิดของพวกเขา ถ้าคุณถูกล้อเลียนเพราะเรื่องนี้แล้วละก็ อย่าเสียใจไปเลยนะครับ" คีตันกล่าว
คิมเบอร์ลี่อัดคลิปวิดีโอเอาไว้และนำไปโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กของเธอ เพื่ออยากแชร์ให้สังคมได้รับรู้ว่าลูกชายของเธอต้องพบเจอกับอะไรบ้าง ซึ่ง ลาคีน โจนส์ พี่สาวของคีตัน ก็ช่วยแชร์คลิปนี้ลงบนทวิตเตอร์ด้วยเช่นกัน ภายในเวลาไม่นาน คลิปนี้ได้กลายเป็นกระแสไวรัลที่ถูกแชร์ไปทั่วอินเทอร์เน็ต ชาวเน็ตมากมายต่างสะเทือนใจกับเรื่องราวของคีตัน ทุกคนต่างให้กำลังใจเขา พร้อมกับติดแฮชแท็ก #StandWithKeaton เพื่อนสนับสนุนเขา นอกจากนี้แล้ว บรรดาคนดังมากมายจากหลายวงการ ทั้งนักร้อง นักแสดง นักกีฬา ฯลฯ ต่างก็พร้อมใจออกมาหยัดยืนเพื่อคีตัน หวังให้เขาเข้มแข็ง และก้าวผ่านเรื่องร้าย ๆ นี้ไปให้ได้
อย่างไรก็ตามหลังจากที่เรื่องของคีตันกลายมาเป็นที่สนใจอย่างมาก ก็เริ่มมีชาวเน็ตบางส่วนเข้าไปค้นข้อมูลในเฟซบุ๊กของ คิมเบอร์ลี่ ผู้เป็นแม่ จนได้พบว่าเธอเคยลงภาพที่มีธงสมาพันธรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ ทำให้เริ่มมีกระแสตีกลับ หลายคนเริ่มหมดความเห็นใจในสิ่งที่ครอบครัวนี้ต้องเผชิญ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่เกิดคำถามด้วยว่า แม่ของคีตันต้องการอะไรจากการลงคลิปของลูกชาย
ทั้งนี้เนื่องจากหลังเรื่องของคีตันตกเป็นข่าว ก็ได้มีการเปิดเพจระดมทุนให้แก่เด็กชายผ่านเว็บไซต์ GoFund me แถมยังมีการเปิดรับเงินบริจาคผ่านช่องทางอื่นอีก ทำให้ชาวเน็ตอดสงสัยไม่ได้ว่า คิมเบอร์ลี่แค่ต้องการเอาลูกชายมาใช้หาเงินหรือไม่
เมื่อทางครอบครัวถูกกระแสโจมตีหนัก ในที่สุดคิมเบอร์ลี่ก็ตัดสินใจตั้งค่าเฟซบุ๊กของเธอไม่เปิดต่อสาธารณะ ในขณะที่พี่สาวของคีตันได้ออกมาตอบโต้ผ่านทวิตเตอร์ของเธอ ยืนยันว่าคนที่รู้จักครอบครัวของเธอย่อมรู้ดีว่าพวกเธอไม่ใช่พวกเหยียดผิวอย่างแน่นอน
ขณะที่ต่อมาทางฟ็อกซ์นิวส์ มีรายงานว่า แม่ของคีตันได้ออกมาโต้ตอบต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมแล้ว โดยเธอยืนยันว่าไม่ได้เรียกร้องขอเงินบริจาคจากใคร และไม่ต้องการใช้ลูกเพื่อหาเงินอย่างแน่นอน "ฉันรักลูกของฉัน ผู้คนเหล่านั้นไม่ได้รู้จักฉันหรือครอบครัวของฉันเลย พวกเขารู้กันบ้างหรือไม่ว่าคีตันถูกแกล้งที่โรงเรียน ถูกครูเลือกปฏิบัติ มันเป็นสิ่งที่ควรเกิดขึ้นกับเขาหรือ ฉันคิดว่าพวกคุณคงไม่รู้หรอก เพราะพวกคุณก็แค่อยากตัดสินฉัน บอกว่าฉันใช้เขาเพื่อหาเงินเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่จริงเลย"
ทั้งนี้สำหรับเพจรับบริจาคใน GoFund me พบว่าแท้จริงแล้วถูกตั้งขึ้นโดยชายคนหนึ่งชื่อ โจเซฟ แลม ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับครอบครัวโจนส์ ซึ่งโจเซฟชี้ว่าเขาตัดสินใจเปิดเพจรับบริจาคเพราะคลิปของคีตันนั้นทำให้เขาสะเทือนใจมาก เขาอยากทำอะไรเพื่อช่วยเหลืออนาคตของเด็ก อย่างไรก็ตามหลังมีเสียงวิจารณ์เรื่องการเหยียดผิวของแม่เด็ก เขากลับมองว่าเรื่องดังกล่าวอาจเป็นความจริงหรือเท็จก็ไม่รู้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเด็ก และแม้ว่าขณะนี้เงินบริจาคทั้งหมดจะยังไม่ถูกส่งไปถึงมือของครอบครัวโจนส์ แต่เขาสัญญาว่าเงินเหล่านี้จะถูกส่งไปให้แก่ครอบครัวโจนส์อย่างแน่นอน เพื่อเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่เด็ก หรือเพื่อให้เขาหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่
พร้อมกันนี้ยังคงมีคนดังอีกจำนวนมากที่เดินหน้าส่งข้อความสนับสนุนคีตันต่อไป แม้จะมีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับคิมเบอร์ลี่ ผู้เป็นแม่ของเขา นั่นเพราะคนที่สนับสนุนเหล่านี้แยกแยะออกนั่นเอง ว่าจุดหลักที่ควรให้ความสำคัญ ก็คือปัญหาเรื่องการกลั่นแกล้งที่เกิดขึ้นกับเด็ก ซึ่งควรจะหมดไปเสียที