น้ำตาซึม!!เปิดความในใจน้องเบนซ์เหยื่อเสี่ยเบนซ์ กับความตั้งใจที่อยากจะทำ!?

น้ำตาซึม!!เปิดความในใจน้องเบนซ์เหยื่อเสี่ยเบนซ์ กับความตั้งใจที่อยากจะทำ!?


จากกรณีคดีสะเทือนขวัญเหตุ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี ขับรถเบนซ์ พุ่งชนรถยนต์ฟอร์ด เฟียสต้า บนถนนพหลโยธิน ส่งผลทำให้ 2 นักศึกษาปริญญาโท มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัยถูกไฟคลอกเสียชีวิตคาที่ เมื่อวันที่ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา

ล่าสุด น.พ.พรชัย พิญญพงษ์ ประธานองค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ได้มีการโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ค ถึง ส.ธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย หรือ น้องเบนซ์ 1 ในผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้ว่า..

 

ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว แต่อ่านข่าวแล้วอดเสียดายโอกาสในการสร้างบุญบารมีต่อ ของน้อง Benz ไม่ได้ ทั้งที่ใจบุญมาก......

หลับให้สบายหนูเบนซ์... ลูกพระกลางใจของพวกเรา

"พระอาจารย์ครับ ผมได้สูญเสียพระของผมไปแล้ว เพราะลูกสาวของผมใช้ชีวิตเหมือนพระรูปหนึ่ง" นี่เป็นคำกล่าวของพ่อหนูเบนซ์ หรือนางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย ที่เปรยพร้อมทั้งน้ำตาหน้าห้องเก็บศพที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ รังสิต แต่ส่วนตัวได้ปลอบใจว่า "ไม่จริงหรอก!!! โยมได้เสียลูกสาวไปแต่โยมกำลังได้พระรูปหนึ่งกลับคืนมา" เหตุผลที่บอกแบบนั้นเพราะว่า หนูเบนซ์เปรยมาตลอดเวลาที่รู้จักว่า "หนูอยากจะบวชเป็นพระ" และในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะมีพระสงฆ์ที่ทรงคุณค่าเกิดขึ้นให้โลกได้พึ่งพาอาศัย พระที่แปลงร่างจากหนูเบนซ์จนกลายเป็นร่างของพระรูปใหม่

เพราะเหตุใด?? เด็กสาวที่พรั่งพร้อมด้วยสมบัติภายนอกและสมบัติภายใน จึงมุ่งมาตรปรารถนาเป็นพระอย่างแรงกล้า หนูเบนซ์เกิดในตระกูลสัมมาทิฐิ โดยมีคุณแม่และคุณพ่อเป็นกัลยาณมิตรนำพาลูกสร้างบุญกุศลแต่เยาว์วัย มีการศึกษาที่ดี จบปริญญาโทจากสวีเดน เรียนหลักสูตรผู้นำเมืองยุคใหม่ สถาบันพระปกเกล้า และตั้งใจเรียนปริญญาโทอีกใบสาขาสันติศึกษา มหาจุฬาฯ เหตุผลของการเรียนหลักสูตรสันติศึกษาเป็นการตอกย้ำห้วงความคิดที่แสวงหาคุณค่าของความเป็นพระที่ต่อการแสวงหาความเยือกเย็น และออกไปใช้ชีวิตให้เป็นประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ในฐานะวิศวกรสันติภาพ

หนูเบนซ์เป็นนักปฏิบัติธรรมที่มุ่งมั่น และเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่เยาว์วัย โดยการ "นำธรรมไปทำ" พระพุทธศาสนาจึงเป็นวิถีชีวิตและลมหายใจของหนูเบนซ์ ทุกช่วงเวลาของชีวิตคือการทุ่มเท ปฏิบัติธรรมและสร้างบุญบารมีตลอด เพราะสิ่งที่เธอมุ่งมั่นจะเป็นคือ "พระ" เคยถามลูกศิษย์ว่า ทำไมจึงไม่คิดจะแต่งงานอายุ ๓๔ เพราะคุณแม่มุ่งมาตรปรารถนาจะให้มีครอบครัวตามแนวทางการใช้ชีวิตทางโลก เธอตอบว่า หนูจะรักษาร่างกายนี้ให้สะอาดเพื่อจะสามารถรองรับการเป็นพระในภพภูมิหน้าได้อย่างบริสุทธิ์และเต็มภาคภูมิ

สิ่งหนึ่งที่จะสามารถตอกย้ำปณิธานที่มุ่งมั่นคือ "การจาริกแดนพุทธภูมิตามรอยสันติภูมิ" ที่หลักสูตรปริญญาโท สาขาสันติศึกษาได้จัดให้นิสิตไป "แสวงบุญ แสวงสันติธรรม" ร่วมกัน ณ ประเทศอินเดีย ในระหว่างวันที่ ๑๙-๒๙ มีนาคม ๒๕๕๙ เพราะนั่นถือเป็นสิ่งที่เธออธิษฐานมาตั้งแต่เยาว์วัยว่าจะไปกราบดินแดนของพ่อที่ให้เกิดทางจิตใจ เพื่ออธิฐานใจให้เกิดเป็น "พระ" ในพระพุทธศาสนา

๑๒ มีนาคม ๒๕๕๙ ในฐานะลูกสาวคนโต เธอได้เตรียมรีดผ้าให้คุณแม่และคุณพ่อ หลังจากนั้น เธอเชิญชวนพ่อแม่และน้องๆ สวดธรรมจักกัปปวัตนสูตร ที่เคยปฏิบัติมา เพื่อตอกย้ำก่อนการเดินทางไปเมืองพาราณสีซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมะบทนี้ และเช้าตรู่ของวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๕๙ เธอได้ขวนขวายหุงหาอาหาร และเตรียมจตุปัจจัยไทยทาน แล้วแต่งตัวในชุดเสื้อขาวสดใส แล้วพาคุณแม่และคุณพ่อไปใส่บาตร หลังจากนั้น เธอจึงได้ร่ำลาคุณแม่คุณพ่อ ไปขึ้นรถน้องชายที่ชื่อ "โต้ง" ไปมหาจุฬาฯ วังน้อย เพื่อไปเตรียมความพร้อมและจัดการสิ่งต่างๆ ก่อนเดินทางไปแสวงบุญที่ประเทศอินเดีย

การรีดผ้า การหุงหาอาหาร การพาคุณแม่และคุณพ่อไปทำบุตรตักบาตร การกอดลา และกล่าวลาครั้งนี้ ได้กลายเป็นละครบทสุดท้ายที่ "ลูกพระ" คนนี้ ได้แสดงต่อคุณแม่และคุณพ่อในฐานะพระพรหมของลูก เพราะเธอทราบดีว่า การแสดงความกตัญญูที่ประเสริฐที่สุด คือ การพาท่านไปหาศรัทธา ทาน ศีล และภาวนา และเธอได้ทำสิ่งเหล่านี้มาตลอดชีวิตของการเป็นลูก และด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ จึงทำให้พ่อได้ได้เปรยทั้งน้ำตาหน้าห้องเก็บศพว่า "ผมได้สูญเสียพระ" ไปอย่างไม่มีวันกลับ

"หลับตาให้สบาย อย่าเกร็ง ค่อยๆ ดูเวทนาที่กำลังเกิดขึ้น และเกาะกัดกินรูปคือร่างกายของเรา การปวดเป็นหน้าที่ของกาย ส่วนการกำหนดความปวดคือหน้าที่ของใจ กายปวดใจไม่ปวด จำไว้ดีๆ นะหนูเบนซ์" นี่คือสิ่งที่ย้ำกับเธอในขณะที่เข้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน และวันหนึ่งเธอเข้ามาพบและบอกในขณะสอบอารมณ์ทั้งน้ำตาว่า "พระอาจารย์ค่ะ หนูกำหนดทุกขเวทนาได้แล้ว ความปวดของกายทำอะไรใจหนูไม่ได้แล้ว หนูมีปีติ และมีความสุขแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิต" ภาพที่เธอปล่อยร่างส่วนบนลงมาจากรถฟอร์ดทางประตูด้านขวาอยางผ่อนคลาย ในขณะที่ไฟกำลังโหมไหม้ขาท่อนล่างของ "หนูเบนซ์" หลังจากถูก "รถเบนซ์" ชนและแก๊สระเบิดนั้น ทำให้ไม่สงสัยอีกแล้วว่า เธอสามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวจากการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานหรือไม่

"เราขอจบความแก่เอาไว้ ณ วัย ๓๔" คือคำกล่าวครั้งสุดท้ายกับโจ้ย เพื่อนสนิทจากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เรื่องราวชีวิตของเธอจบลงแล้ว แต่เรื่องราวที่งดงามของเธอยังคงได้รับเล่าขาน และการเดินทางของเธอจะยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อไปตามหาสิ่งที่เธอได้ตั้งจิตอธิฐานและปรารถนาจะเป็น "พระ" ครั้งหนึ่งเคยย่ำเตือนกับเธอว่า "หนูเบนซ์ไม่ต้องเฝ้าที่จะเป็นพระในภพภูมิหน้าแล้ว เพราะเธอได้กลายเป็นพระในใจของคุณแม่คุณและคุณพ่อ รวมไปถึงถึงการมีดวงจิตและวิถีชีวิตที่เป็นพระซึ่งหมายถึงความประเสริฐ ทั้งการคิด พูด และทำในสิ่งที่ประเสริฐตลอดชีวิตและทุกลมหายใจ"

ขอให้หนูเบนซ์หลับให้สบาย ชีวิตนี้ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงวัย ๓๔ นั้น หนูได้สร้างเหตุปัจจัยที่พรั่งพร้อมที่จะเกิดเป็น "ลูกพระ" ทั้งทางร่างกาย และจิตใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พระอาจารย์และครอบครัวสันติศึกษา ขอให้สิ่งที่หนูมุ่งมาตรปรารถนาสำเร็จผลในภพภูมิต่อไป โดยเกิดมาเป็นพระที่ดีและสมบูรณ์แบบ เพื่อจะร่วมสร้างสันติบารมีกับพระอาจารย์และครอบครัวสันติศึกษาดังที่เราได้ตั้งสันติปณิธานร่วมกันในห้องก่อนเรียนทุกเช้าว่า

"ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าขอบำเพ็นสันติบารมี พัฒนาชีวีให้รู้ตื่นและเบิกบาน ร่วมประสานมนุษย์และสังคม ให้อุดมด้วยสันติสุข ในทุกลมหายใจ ตลอดไปเทอญฯ"
ด้วยพลังแห่งสันติธรรม


พระอาจารย์มหาหรรษา ธมฺมหาโส
ผู้อำนวยหลักสูตรปริญญาโท และปริญญาเอก
สาขาสันติศึกษา
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย


น้ำตาซึม!!เปิดความในใจน้องเบนซ์เหยื่อเสี่ยเบนซ์ กับความตั้งใจที่อยากจะทำ!?


น้ำตาซึม!!เปิดความในใจน้องเบนซ์เหยื่อเสี่ยเบนซ์ กับความตั้งใจที่อยากจะทำ!?



ขอบคุณที่มา >> Facebook >>น.พ.พรชัย พิญญพงษ์

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์