สาวใช้แจ้งความจับนายจ้าง หลัง โดนข่มขืน 2 ปี พลาดท่าตั้งท้อง แต่ศาลกลับตัดสินนายจ้างไม่ผิด?

จากคำตัดสินของศาลชี้ให้เห็นว่า สาวใช้ชาวอินโดนีเซีย ได้เข้ามาทำงานเป็นผู้พยาบาลดูแลคนแก่ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2015 ซึ่งคนแก่ที่ว่านี้คือ แม่ของนายจ้างชาย นายหวัง โดยนายหวังฉวยโอกาสขณะที่ไม่มีคนอยู่ในบ้าน ก็แอบเข้าไปข่มขืนสาวใช้ในห้องนอน โดยที่ไม่ยอมสวมถุงยาง แถมยังเอาเงินเดือนและอาหารการกินมาข่มขู่เธอว่าอีกด้วย โดยนายหวังจะดึงกางเกางในเธอลง พยายามสอดใส่ของลับเข้าไปในอวัยวะเพศของสาวใช้ หลังจากเสร็จภารกิจแล้ว ก็จะเอากระดาษเช็ดชู่และหลักฐานอื่นๆทำลายทิ้งหมด

ส่วนที่โดนกล่าวหาว่า หลังจากโดนข่มขืน จนทำให้สาวใช้ตั้งครรภ์นั้น เธอยังไปคลินิกสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา เพื่อทำแท้ง เมื่อพนักงานบริษัทนายหน้าที่หางานให้เธอมาขอเยี่ยมสาวใช้ ก็เห็นว่านายจ้างไม่ให้เธอใช้มือถืออีกด้วย จนกระทั่งเธอรอจนถึงปี 2017 ครบกำหนดการทำงาน และเตรียมตัวจะกลับประเทศ จึงยอมที่จะเปิดเผยเรื่องที่โดนนายจ้างข่มขืน

โดยเธอสารภาพว่า นายจ้างชายไม่ยอมใส่ถุงยางเลย ทำให้เธอตั้งครรภ์ และต้องไปทำแท้งเอง
โดยนายหวังอธิบายเรื่องที่ไม่ให้สาวใช้ ใช้มือถือเป็นเพราะว่า "หลายครั้งที่ผมบอกให้สาวใช้ตั้งใจทำงาน อย่ามัวแต่ก้มหน้าเล่นมือถือ แต่เธอก็ไม่ตั้งใจทำงาน ทำให้ทั้งสองเกิดมีปากเสียงกัน และตอนที่นายหน้าจัดหางานมาเยี่ยมที่บ้าน ก็เห็นว่าเขามีมือถือใช้อยู่ สามารถติดต่อคนภายนอกได้ และอีกอย่างผมเป็น โรคต่อมลูกหมากโต ทำให้ไม่สามารถที่จะมีเพศสัมพันธ์ได้ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะไปข่มขืนสาวใช้ที่นอนอยู่ในห้องเดียวกับแม่"

หลังจากศาลตรวจสอบพยานและหลักฐานเรียบร้อยแล้ว สาวใช้ได้ไปทำแท้งที่คลินิกที่ว่าจริง เมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2015 โดยทารกในครรภ์อายุ 11 สัปดาห์ แต่สาวใช้ให้การกับศาลว่า ตนเองโดนข่มขืนครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2014 ในระหว่างนี้เป็นระยะเวลาห่างกัน 11 เดือน และในเดือนกันยายน ปีเดียวกันนั้นเธอโดนตำรวจ "ควบคุมตัว" เพราะมีคนแจ้งความ ยิ่งเป็นไปไม่ได้ว่าจะโดนข่มขืน

ศาลกล่าวว่า เวลาและสถานการณ์ที่ไปทำแท้งไม่สอดคล้องกัน มีจุดที่มีพิรุธหลายแห่ง น่าสงสัย ศาลจึงตัดสินให้นายจ้างไม่มีความผิด