รายการทุบโต๊ะข่าว ทางช่อง Amarin TV เปิดเผยว่า ผู้สื่อข่าวอัมรินทร์ได้รับแจ้งจาก น.ส.จอย (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาว จ.นครปฐม ว่าเธอถูกลุงซึ่งบวชเป็นพระภิกษุและมีตำแหน่งเป็นถึงเจ้าอาวาสวัดใน จ.กาญจนบุรี ข่มขืนมานานนับปี โดยถูกข่มขืนเกือบทุกวัน ถูกเรียกเข้าไปมีเพศสัมพันธ์ด้วย หนักสุดวันละ 3 ครั้ง แต่เธอไม่กล้าบอกใครเพราะอับอาย และเกรงว่าจะกระทบกับความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่สุดท้ายก็ถูกสามีและญาติจับได้
ทั้งนี้เจ้าอาวาสรายนี้เป็นลุงแท้ ๆ ที่เลี้ยงตนมาตั้งแต่เด็ก ตนจะเรียกว่า "หลวงลุง" โดยราวปี 2559 หลวงลุงได้รับตนมาจาก จ.นครปฐม เพื่อให้ไปดูแลแม่ของหลวงลุงที่อายุกว่า 90 ปีแล้ว โดยให้ทำความสะอาดกุฏิและเสื้อผ้า เหมือนคอยดูแลญาติผู้ใหญ่ปกติ กระทั่งคืนหนึ่งหลวงลุงได้เข้ามาที่ห้องพักขณะที่ตนหลับ จากนั้นก็เข้ามาถอดกางเกง ตนพยายามขัดขืนแต่สู้แรงไม่ไหว จึงถูกข่มขืนไป 2 ครั้ง นับตั้งแต่วันนั้นตนก็ยังถูกข่มขืนเรื่อยมาและถูกสั่งห้ามไม่ให้บอกใคร
โดยหลวงลุงจะเรียกตนไปยังห้องเก็บของเพื่อกระทำชำเรา ต้องถูกทรมานจากการถูกกระทำถึงวันละ 3 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น แถมหลวงลุงยังดื่มเหล้า เมื่อเมาก็จะเรียกตนไปอีก อีกทั้งหลวงลุงยังเริ่มทำตัวสนิทสนม ขับรถมาหาตนที่บ้านพักใน จ.นครปฐม ซึ่งบางครั้งจะมีคนขับรถมาด้วย กระทั่งในเดือนตุลาคม 2560 หลวงลุงก็ยังจับตนขังไว้ไม่ให้ติดต่อโลกภายนอกนานถึง 20 วัน
ในที่สุดทางญาติที่เห็นว่าหลวงลุงมารับตนบ่อยขึ้นและมีท่าทีต่างจากเดิม จึงให้สามีตนคาดคั้นจนต้องยอมสารภาพว่าโดนข่มขืนจริง ซึ่งเมื่อทางญาติทราบเรื่องทั้งหมดก็ได้ให้ตนไปแจ้งความที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี ที่เกิดเหตุ ซึ่งทางพนักงานสอบสวนได้ให้ตนไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกาญจนบุรี ผลการตรวจออกมาว่า ระยะที่มีการร่วมเพศนานเกินไปกว่า 12 วัน ทำให้ร่องรอยทุกอย่างเจือจางไปแล้ว ทำได้เพียงการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมบอกว่า "คดีหมดอายุความไปแล้ว" ให้มาประสานงานกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อให้ประสานกับทางคณะสงฆ์อำเภอเมืองกาญจนบุรี ในการติดตามเรื่องดังกล่าวต่อไป
ทั้งนี้ น.ส.จอย บอกว่า หลังจากที่ได้แจ้งความแล้วได้มาพบผู้ใหญ่บ้าน ขณะที่นั่งร้องเรียนอยู่นั้นหลวงลุงก็โทร. เข้ามาหา จึงได้บันทึกเสียงสนทนาไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นพวกญาติ ๆ ก็วางแผนถ่ายคลิปหลักฐานเพิ่มเติมเพราะตอนแรกบอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ จนสามารถบันทึกภาพขณะที่หลวงลุงกำลังถอดเสื้อในได้ แต่ทางหลวงลุงรู้ตัวจึงพยายามโทร. มาคาดคั้นตนว่านำเรื่องมาเผยแพร่ได้อย่างไร และได้หลบหนีไป โดยคาดว่าน่าจะหนีไปภาคเหนือ
ทั้งนี้ น.ส.จอย เผยว่า ตนเองได้ปรึกษากับญาติทั้งหมด ขอให้มีการแจ้งความเอาความผิดหลวงลุงให้ถึงที่สุด และอยากให้มูลนิธิปวีณาฯ เข้ามาช่วยในคดีเพราะครอบครัวไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมาย