เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2561 เว็บไซต์ New York Post มีรายงานเรื่องราวที่เป็นเหมือนฝันร้ายของคู่รักชาวแคนาดา หลังจากที่พวกเขาไปออกทริปพักผ่อนริมทะเลในสาธารณรัฐโดมินิกัน แต่กลับได้ของแถมกลับมาอย่างไม่คาดคิด นั่นก็คือเจ้าพยาธิตัวร้ายที่ชอนไช้เท้าของพวกเขาจนบวมเป่ง และทิ้งรอยแผลอันน่าสยองไว้
คู่รักเดินเล่นริมทะเลชิลๆ แต่ขากลับดันได้ของแถมสุดสยองมาด้วย?
โดย เคธี่ สตีเฟนส์ สาววัย 22 ปี เผยว่า เธอกับแฟนหนุ่ม ได้ไปพักผ่อนที่รีสอร์ตริมทะเลแห่งหนึ่งในเมืองปุนตาคานา อันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ซึ่งระหว่างนั้นพวกเธอก็ได้ถอดรองเท้าไปเดินเล่นที่ริมหาดด้วย อย่างไรก็ตามต่อมาพวกเธอก็เริ่มรู้สึกคันที่เท้า และแม้จะกลับมาแคนาดาในวันที่ 18 มกราคม อาการคันก็ยังไม่หายไป แถมที่เท้าของ เอ็ดดี้ แฟนหนุ่มของเธอก็เริ่มบวมและมีแผลที่นิ้วเท้า
ทั้งนี้เมื่อทราบสาเหตุ หมอจึงได้สั่งจ่ายยาฆ่าพยาธิตัวหนึ่งให้ ซึ่งทั้ง เคธี่ และ เอ็ดดี้ ก็พบว่าอาการของพวกเขาดีขึ้นเรื่อย ๆ หลังได้รับยา โดยคาดว่าจะต้องไปปรึกษาหมอผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง เพื่อหาแนวทางรักษาผิวหนังที่ถูกทำลายไป พร้อมกันนี้ทั้งคู่ยังได้นำเรื่องมาโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก เพื่อเตือนใครก็ตามซึ่งกำลังจะเดินทางมาท่องเที่ยวยังประเทศเขตร้อน ว่าอย่าออกไปเดินย่ำทรายด้วยเท้าเปล่า มิเช่นนั้นอาจจะโดยแจ๊คพ็อตเข้าแบบพวกเขา
ตอนแรกทั้งคู่คิดว่าแผลที่เกิดขึ้นเป็นรอยแมลงกัด แต่ยิ่งทิ้งไว้อาการก็ยิ่งแย่ลง จนในที่สุดก็ตัดสินใจไปหาหมอ แต่ถึงอย่างนั้นหมอ 2 คนแรกกลับไม่สามารถระบุสาเหตุของการบวมนั้นได้ จนมาถึงหมอคนที่ 3 จึงสามารถบ่งชี้ได้ว่าสิ่งที่พวกเขาเป็นนั้นก็คือ โรคพยาธิไชเนื้อ (Larva Migrans) ซึ่งเกิดจากการที่พยาธิปากขอชอนไชเข้าไปผ่านผิวหนังที่เท้าของพวกเขา โดยมักจะพบอาการแบบนี้ในประเทศเขตร้อน และหมอเองก็เคยพบอาการแบบนี้เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวที่เดินมายังประเทศไทย
ที่มา : kchiwit.com