ฝ่ายปกครองโทรเรียก “แม่ของเด็กหญิง” ทำร้ายร่างกายเพื่อน แต่สุดท้ายคดีพลิก?

ฝ่ายปกครองโทรเรียก “แม่ของเด็กหญิง” ทำร้ายร่างกายเพื่อน แต่สุดท้ายคดีพลิก?

ไม่มีผู้ปกครองคนไหนอยากได้รับโทรศัพท์จากโรงเรียนลูก เพราะโดยปกติแล้วมันจะเป็นสายที่โทรมาแจ้งว่าลูกคุณมีเรื่อง แถมส่วนมากก็ไม่ใช่เรื่องดีซะด้วย แต่เวลาผู้ปกครองไปถึงโรงเรียนแล้ว ไม่ควรรีบเข้าไปต่อว่าต่อขานลูก ควรจะฟังพวกแกก่อน บางครั้งเรื่องราวอาจจะไม่เหมือนที่คุณครูเล่า แล้วนี่ก็คือตัวอย่างชั้นดี

ฉันเป็นพยาบาลในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลมีกฎห้ามพวกเราพกมือถือ ต้องเอาใส่ไว้ในล็อกเกอร์ มีอยู่วันนึงมีโทรศัพท์โทรเข้าโรงพยาบาลถึงฉัน


คนในสาย : ผมเป็นคุณครูที่โรงเรียนXX ลูกสาวของคุณเกิดเรื่อง เราต้องการให้คุณมาที่โรงเรียนด่วน

ฉัน : แกป่วยหรือได้รับบาดเจ็บคะ? ฉันเหลือเวลาต้องเข้าเวรอีกสองชั่วโมง รอฉันสักพักได้มั้ย?

คนในสาย : ลูกสาวของคุณทำร้ายร่างกายนักเรียนคนหนึ่ง พวกเราพยายามติดต่อหาคุณมา 45 นาทีแล้ว เรื่องนี้สำคัญมาก

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)


ฉันรีบไปโรงเรียนลูก พอไปถึงห้องผอ. ก็เห็นลูกสาว ครูประชั้นแก คุณครูผู้ชายคนนึง กับผอ. แล้วก็เด็กผู้ชายคนนึงที่หน้าเต็มไปด้วยเลือดกับพ่อแม่เขา


ผอ. : ในที่สุดคุณแม่ก็มาถึงสักที

ฉัน : ค่ะ ห้องฉุกเฉินยุ่งมาก ฉันเพิ่งช่วยเด็ก 7 ขวบคนนึงทำแผลที่แม่ใช่ทัพพีโลหะตี หลังจากนั้นก็ไปช่วยให้ปากคำกับตำรวจ ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ

ผอ.ได้ยินแล้วก็กระอักกระอ่วนเล็กๆ แต่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฉันฟัง ที่แท้เด็กผู้ชายคนนี้ก็ดึงเสื้อในลูกสาวฉันจนตะขอหลุด ลูกสาวฉันก็เลยซัดหน้าไปสองหมัด ฉันรู้สึกได้ว่าพวกเขารู้สึกว่าลูกสาวฉันทำผิดมากกว่าเด็กผู้ชายคนนั้น

ฉัน : อ้อ เพราะงั้นคุณก็เลยอยากรู้ว่าฉันจะฟ้องเด็กคนนี้ข้อหาล่วงละเมิดทางเพศมั้ย กับฟ้องโรงเรียนที่ให้แกทำแบบนี้ก็เลยเรียกฉันมาใช่มั้ยคะ?

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)


พอฉันพูดถึงการล่วงละเมิดทางเพศ คุณครูทั้งหลายก็เริ่มวิตก


ครูผู้ชาย : ผมว่ามันไม่ร้ายแรงขนาดนั้น

ผอ. : ผมว่าคุณเข้าใจผิดจุดแล้ว

ตอนนั้นแม่ของเด็กผู้ชายก็ร้องไห้ออกมา ฉันก็เลยหันไปถามลูกว่าเรื่องราวเป็นยังไง

ลูกสาว : เขาแกล้งดึงเสื้อในหนูตลอดเวลา หนูบอกให้หยุดก็ไม่หยุด หนูไปบอกคุณครู แต่คุณครูบอกว่า (อย่าไปสนใจก็พอ) ต่อมาเขาก็ดึงเสื้อในหนูจนตะขอหลุด หนูก็เลยต่อยเขา เขาถึงได้ยอมหยุด

ฉันหันไปถามคุณครู : คุณทำอย่างนั้นหรอ? ทำไมไม่ห้ามเด็ก? งั้นมาให้ฉันจับมั่งมั้ย?

คุณครูตกใจ : อะไร? ผมไม่ได้ทำอย่างนั้น!

ฉัน : ทำอย่างนั้นเหมาะสมมั้ย? ทำไมคุณไม่ไปดึงเสื้อในครูประจำชั้น หรือเสื้อในของแม่น้องผู้ชายคนนี้ล่ะ ดูซิว่าพวกเธอชอบมั้ย?

ผอ. : คุณแม่ ลูกสาวคุณแม่ทำร้ายร่างกายคนอื่น!

(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)(เป็นเพียงรูปประกอบเท่านั้น)


ฉัน : ไม่ใช่ แกแค่ปกป้องตัวเอง คุณดูเด็กคนนี้สูงเกือบ 180 หนักเกือบ 70 น่าจะได้ แล้วลูกสาวฉันสูงแค่ 150 กว่า หนักแค่ 40 กิโล ต้องล่วงละเมิดมากแค่ไหนแกถึงกล้าลงมือ? เขาล่วงละเมิดแกในห้องเรียน จะให้แกทำยังไง?


แม่ของเด็กชายยังร้องไห้ไม่หยุด พ่อของเขาดูทั้งโกรธทั้งทำตัวไม่ถูก คุณครูก็ไม่กล้ามองตาฉัน ฉันก็เลยจ้องไปที่ผอ.

ฉัน : ฉันจะพาลูกกลับบ้าน เด็กชายคนนี้ได้รับบทเรียนแล้ว หวังว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก ไม่เพียงแต่กับลูกสาวฉัน แต่กับผู้หญิงคนอื่นๆด้วย เขาไม่ควรทำอย่างนี้กับเด็กผู้หญิงอายุ 15 ถ้าเขายังทำอีก ฉันจะแจ้งตำรวจข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ เข้าใจมั้ย?

ฉันโมโหมาก ให้ลูกสาวเก็บของแล้วรีบกลับบ้าน ต่อมาฉันได้มีโอกาสรู้จักสมาชิกสภาจังหวัดที่โบสถ์ และยังร้องเรียนกับสมาคมโรงเรียนแห่งชาติ (OFSTED)พวกเขารับปากว่าจะติดต่อไปที่โรงเรียน และย้ายลูกสาวฉันไปเรียนห้องอื่น เพื่อจะได้อยู่ให้ไกลจากนักเรียนชายและครูคนนั้น

อ่านเรื่องนี้จบ ก็ทำให้เราเข้าใจได้ว่าเวลาได้รับโทรศัพท์จากโรงเรียนว่าลูกเราทำผิด จริงๆแล้วมันอาจมีเรื่องราวมากกว่านั้น ถ้าคุณแม่คนนี้ไปถึงโรงเรียนแล้วไม่ฟังอะไรเอาแต่ดุด่าลูกสาวแล้วล่ะก็ ลูกสาวก็อาจจะไม่ไว้ใจแม่อีกต่อไปก็ได้ หวังว่าต่อไปนี้ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น คุณพ่อคุณแม่จะฟังลูกๆก่อน อย่าไปตัดสินแกก่อนให้โอกาสแกได้อธิบาย

ที่มา : kchiwit.com

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
คุณ : u517524452
สถานะ : บุคคลทั่วไป
IP : 103.58.148.23

103.58.148.23,,host23.148.thvps.com ความคิดเห็นที่ 1 [อ้างอิง]
ขอขอบคุณสำหรับข้อมูล


[ วันเสาร์ ที่ 18 มีนาคม 2566 เวลา 01:40 น. ]
ตามข่าวteenee.com จาก LineToday เข้าไปคลิ๊กกดติดตามได้เลย
กระทู้เด็ดน่าแชร์